“เด็กไม่ได้เป็นแค่ผู้ใหญ่ตัวเล็กที่คิดได้มีประสิทธิภาพน้อยกว่า พวกเค้ามีวิธีคิดที่แตกต่างไปจากผู้ใหญ่”
จากคำกล่าวของ ณอง เปียเจท์ (ผู้บุกเบิกความรู้จิตวิทยาพัฒนาการ)
เปียร์เจท์ใช้เวลา 10 ปี ในการติดตามพฤติกรรมและการใช้ภาษาของเด็กแล้วทำการวิเคราะห์อย่างละเอียด
เค้าพบว่า การที่เด็กกับผู้ใหญ่มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร ไม่ได้เกิดจากการที่เด็กยังไม่เติบโตหรือมีพัฒนาการทางด้านจิตใจที่ต่ำกว่าผู้ใหญ่ แต่สาเหตุมาจากการที่เด็กและผู้ใหญ่มีพื้นฐานของความคิดที่แตกต่างกันตั้งแต่แรก เหมือนรถที่วิ่งคนละเลน
ถ้ามองในยุคปัจจุบันที่ความรู้ทางด้านสมองเจริญก้าวหน้า
ข้อมูลในสมองของเด็กอาจมีไม่มากเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ แต่ข้อมูลที่มีมักอัพเดทกว่า
ส่วนผู้ใหญ่มีข้อมูลมากกว่าเด็กแต่อาจไม่อัพเดทเท่า
ความแตกต่างนี้จึงเกิดช่องว่างของการสื่อสาร จนกระทั่งก่อเป็นปัญหาบดบังความรักที่มีให้กันและกันได้
เห็นได้ชัดจากการได้รับเคสเด็กหรือวัยรุ่นที่เข้ามาปรึกษา
ซึ่งส่วนมากไม่ได้มาเพราะเป็นโรค แต่มาเพราะความไม่เข้าใจกันระหว่าง พ่อ แม่ และลูก
ปัญหาที่ชัดเจนในตัวคุณพ่อคุณแม่คือความคาดหวัง
ปัญหาที่ชัดเจนในตัวลูกคือการอยากเป็นตัวของตัวเอง (โดยเฉพาะวัยรุ่น)
คุณพ่อ คุณแม่ คาดหวังเพราะอะไร? เชื่อว่าทุกคนคงตอบเป็นเสียงเดียวว่า เพราะความรัก เพราะความห่วง
คำถามที่น่าสนใจกว่าคือ เพราะอะไรลูกถึงสัมผัสไม่ได้ถึงความรักและความห่วงใยนั้น?
ขอยกตัวอย่างคุณแม่ท่านหนึ่ง ได้พาลูกชายมาพบเอิ้นด้วยเหตุว่า ลูกเก็บตัวในห้อง เล่นเกมมากและถามไม่ตอบ
เอิ้นจึงแยกสัมภาษณ์ ลูกชายให้ความร่วมมือกับเอิ้นเป็นอย่างดี ตอบคำถามได้ชัดเจนว่า ที่อยู่ในห้องและไม่สนใจใครเพราะคิดว่าตัวเองไม่ได้มีความหมายอะไรกับคนในบ้าน แต่เค้ายังมีความสุขกับการเล่นเกมและฝันว่าวันนึงตัวเองจะเป็นโปรมแกมเมอร์ ที่สำคัญคือลูกชายคิดว่าแม่ไม่รัก เพราะแม่เอาแต่บ่นจนตัวเองรู้สึกทำอะไรก็ผิดไปหมด
เอิ้นเลยถามว่า แม่ต้องทำยังไงเราถึงจะแน่ในว่าแม่รัก?
ลูกชายตอบว่า อยากได้ยินคำว่ารักจากแม่บ้าง ( ภาษารักของลูกชายคือคำพูด)
ในขณะที่สัมภาษณ์แม่ แม่ทุกข์ใจเพราะอยากจะเข้าใจความรู้สึกของลูกชาย
คุณแม่เคยแสดงความรักกับลูกมั้ยคะ? เคยคะ คุณแม่แสดงออกอย่างไรคะ? คำตอบของเเม่คือ เรียกทานข้าว สั่งสอนเพื่อให้เค้าเป็นคนดี และดูแลทำทุกอย่างให้ (ภาษารักของแม่คือการทำบางสิ่งบางอย่างให้)
แม่ได้วิธีแสดงออกความรักนี้มาจากไหน? แม่ตอบด้วยเสียงสั่นเครือว่า แม่เป็นเด็กกำพร้าไม่มีใครดูแลและช่วยเหลือตัวเองมาตลอดไม่มีใครคอยสอน จึงคิดว่าการดูแลสั่งสอนอย่างใกล้ชิดคือการแสดงความรัก
คำถามของเราทุกคนคือใครผิด?
ในกรณีนี้หรือกรณีไหนก็คงไม่มีใครผิด เพราะถ้าพ่อแม่รู้ว่าต้องพูด ต้องปฏิบัติต่อลูกอย่างไร ลูกถึงจะโตมาเป็นคนดี คนเก่ง มีความสุขและประสบความสำเร็จก็คงทำ เพราะถ้ารู้ว่าควรปฏิบัติอย่างไรแล้วยังเลี้ยงดูแบบผิดๆก็เหมือนเลี้ยงโจรมาไว้ปล้นบ้านตัวเอง
ในขณะที่ลูกเอง ถ้าค้นพบตัวเองว่าอยากมีชีวิตอย่างไร มีความรับผิดชอบต่อตัวเอง มีความพยายามที่จะทำตามความฝัน
ปฏิบัติตัวเองให้น่าไว้วางใจและรู้จักสื่อสาร การควบคุมและความคาดหวังของพ่อแม่ก็จะเบาบางลง
ความคาดหวังของพ่อแม่กับความฝันของลูก ในบางครอบครัวก็เหมือนรถที่วิ่งกันคนละเลน ไม่มีวันที่จะวิ่งซ้อนทับกันได้
แต่สามารถวิ่งคู่ขนานกันไปได้จนถึงปลายทาง ด้วยความรักและความเข้าใจที่ผ่านการสื่อสารที่ดี
หมอเอิ้น พิยะดา
Unlocking Happiness
จิตแพทย์/นักแต่งเพลง/วิทยาการ/นักออกแบบการเรียนรู้
Page FB ดีต่อใจ โดย หมอเอิ้น พิยะดา : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10156783544953550&id=306538978549
----------------------------------------------------------------------------
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCUkLOuK0DwOyIsb6ho8G_ew
----------------------------------------------------------------------------
IG : https://www.instagram.com/earnpiyada/
----------------------------------------------------------------------------
Website : http://www.earnpiyada.com/
แค่เฝ้าดูแล้วผลักดัน อย่าให้เขามาตามฝันที่เราปอง
21 ม.ค. 2562 เวลา 15.30 น.
Juthathip B. ไม่มีใครทำตามใจหรือทำตามอย่างที่พ่อแม่บอกได้ทุกเรื่อง แต่ก็ไม่ได้เลวหรือดีในทุกเรื่องเช่นกัน แค่อยากให้เข้าใจลูกบ้าง ลูกก็มีความคิดที่ดีได้
#เราก็มีความคิดที่ดีเหมือนกันนะ
20 ม.ค. 2562 เวลา 02.11 น.
อาหนูตีกรอบ ลูกสาว จนจบปริญญาโทไป 2คน
ในขณะที่พ่อหนู เลี้ยงหนูแบบฝรั่ง ...
ผลคือหนูเรียนไม่จบ และมีชีวิตที่ลำบาก
ได้แฟนดีรักเดียวใจเดียวแต่ก็ไม่ค่อยมีฐานะเท่าไร
ถ้าย้อนไปได้ ขอโดนบังคับโดนตีกรอบเพื่อที่จะโตมา
เป็น ผู้ใหญ่ที่มั่นคงในชีวิตดีกว่าค่ะ
16 ม.ค. 2562 เวลา 11.29 น.
กาย meow meow KU69 เห็นด้วยนะคะ ลูกๆ อ่ะ เขาอยากได้ยินว่าพ่อแม่รักลูกนะ และต้องการให้พ่อแม่สนใจลูกด้วย ซึ่งผิดกับสมัยนี้ พ่อแม่เอาเล่นโซเชียล ไม่สนใจลูก เวลาลูกอยากคุยด้วย น่าสมเพชกับพ่อแม่สมัยนี้จริงนะ และเลี้ยงสมัยนี้ ตามใจจนเคยตัว เด็กก็มีพฤติกรรมแย่มากเสียด้วยในสมัยนี้
16 ม.ค. 2562 เวลา 06.10 น.
@... ผมคิดว่าในบางครั้งในความหวังของผู้ปกครองที่มีต่อบุตรตนเองจนมากเกินไปก็สามารถจะกลายเป็นความกดดันขึ้นให้กับลูกของตนเองได้เสมอ ดั่่งนั้นผมคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดนั้นก็คือการรับฟังเพื่อจะได้เป็นแนวทางในการชี้แนะและแนะนำและรวมทั้งอธิบายให้รู้ถึงผลต่างๆที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าก็จะดีที่สุดครับ.
16 ม.ค. 2562 เวลา 05.27 น.
ดูทั้งหมด