ใครเบื่องานยกมือขึ้น…
เชื่อว่าต้องมีคนชูจั๊กกะแร้ไม่น้อยเลยทีเดียว เดี๋ยวนี้หันไปทางไหนก็มีแต่คนเบื่องาน คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า แต่งานสมัยนี้ก็หายากขึ้นทุกที จะลาออกทุกครั้งที่เบื่อคงเป็นไปไม่ได้ งั้นลองเปลี่ยนจากการทำไปบ่นไปมาเป็นการทำงานด้วยการอิงหลักธรรมะมากขึ้น น่าจะช่วยคลายเบื่อไปได้บ้าง แถมยังทำให้ทำงานมีความสุขขึ้นด้วย
1. คนทำงานต้องมี “ฉันทะ”
“ฉันทะ” คือ ความรัก ความชอบในงานที่ทำ ซึ่งฉันทะทำให้เกิดความอยาก แม้จะจริงอยู่ที่น้อยคนจะได้มีโอกาสเลือกงานที่รัก ทำงานที่ชอบ แต่ในเมื่อเราต้องทำงานเพื่อความอยู่รอด เพื่อเงิน เพื่อโน่น เพื่อนี่ จะทำแบบให้ตัวเองลำบากทำไม สู้เอาหลัก “ฉันทะ” มาใช้ให้เป็นประโยชน์ เปลี่ยนวิธีคิด ปรับมุมมอง อย่ามองแต่ข้อเสีย พยายามหาข้อดีของงานที่ทำ และจุดที่จะยืนอยู่ได้อย่างสบายใจ สุดท้ายเมื่อรักในงาน ความสุขก็จะตามมาเอง แต่ถ้าไม่ใช่คำตอบก็อย่าฝืน การถอยออกมาอาจมีความสุขมากกว่าก็ได้
2. คนทำงานต้องมี “วิริยะ”
“วิริยะ” คือ คือ ขยันหมั่นเพียร มุ่งมั่นทุ่มเท ซึ่งเป็นหลักพื้นฐานของการใช้ชีวิตในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนหรือการทำงาน หากมีความมุ่งมั่นทุ่มเทก็สามารถพาไปสู่ความสำเร็จได้ทั้งนั้น แต่ความขยันมุ่งมั่นนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นง่าย ๆ กับทุกคน ต้องอาศัยความตั้งใจที่แน่วแน่ต่อเป้าหมายถึงจะกลายเป็นแรงผลักดันที่ดีที่จะทำให้เกิดความมุ่งมั่นทุ่มเทได้
ในเมื่อคนขยันไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ลำบาก จะมีประโยชน์อะไรถ้าเรามัวแต่ขี้เกียจ เกี่ยงงาน หลบเลี่ยงงานในหน้าที่รับผิดชอบ สู้เอาหลักธรรม “วิริยะ” มาใช้ เดินตามรอยพระพุทธศาสนา นอกจากจะทำให้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานแล้ว ความเบื่อ ความขี้เกียจที่เกาะกินจิตใจของเราอยู่ ก็จะหายไปด้วย
3. คนทำงานต้องมี “จิตตะ”
“จิตตะ” คือ ความเอาใจใส่ รับผิดชอบในงานที่ทำ ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานของการทำงาน ไม่ว่าคุณจะทำงานอะไร แบบไหน อาชีพใด ถ้าเอาใจไปจดจ่อกับสิ่งที่ทำ ความสุขและความสำเร็จก็จะตามมาเอง
ข้อสำคัญคือต้องมี “สติ” อย่าคิดว่าเชี่ยวชาญหรือทำมานานจนไม่ต้องเอาใจใส่กับงานก็ได้ ให้ยึดหลัก “จิตตะ” ไว้ให้ดี จะได้ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ไม่วอกแวกจนกลายเป็นความประมาทหรือผิดพลาด และถ้าเมื่อไหร่เบื่องาน ไม่อยากทำงานก็ให้มีสติเข้าไว้ สุดท้ายเราจะรู้เองว่าเราทำงานกันไปเพื่ออะไร
4. คนทำงานต้องมี “วิมังสา”
“วิมังสา” คือ ความเข้าใจในสิ่งที่ทำ ทบทวนสิ่งที่ทำโดยการใช้ปัญญา คิดตริตรองอย่างเข้าใจว่างานที่ทำเกิดผลดี-ผลเสียอย่างไร ทั้งงานของเราเอง ทั้งงานที่ต้องทำร่วมกับคนอื่น เพื่อปรับปรุงปรับแก้ไขให้ดีขึ้น การใช้วิมังสากับการทำงานเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะส่วนใหญ่เราจะวุ่นวายอยู่แต่กับงาน กับคนรอบข้างจนลืมที่จะทบทวนความคิดตัวเองอย่างจริงจัง เรียกว่าทำงานไปโดยไม่รู้ว่าทำเพื่ออะไร ทำแบบนี้แล้วมีความสุขหรือไม่ พอรู้ตัวอีกทีก็ได้แต่บ่น แต่เบื่อ หมดไฟในการทำงานไปโดยปริยาย
เรื่องของธรรมะบางคนคิดว่าแก่ เชย ยุ่งยาก ไม่มีใครเค้าใช้กัน แต่จริง ๆ แล้วธรรมะคือทางสายกลางที่จะพาไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงได้ง่ายที่สุด แล้วเราจะเลือกทางที่ยาก ทางที่ลำบากกันทำไมเล่า…
ท่ๅuต้u | ターントン ธรรมะ สามารถปรับใช้ได้เสมอ ดั่งเช่นคำว่า อกาลิโก คือไม่จำจัดการ เพียงแต่ปัจจุบันคนเรา ศึกษากันไม่แท้เลยไม่สามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ก็แค่นั้น
02 เม.ย. 2561 เวลา 13.13 น.
โบตั๋น ธรรมะ ก็คือธรรมชาติ มีอยู่ในทุกสรรพสิ่ง แม้แต่ลมหายใจของเรา หากขาดธรรมะ ชีวิตย่อมมืดมิด
02 เม.ย. 2561 เวลา 15.32 น.
@... ในสี่ข้อที่ได้แนะนำนั้น คือสิ่งที่จะนำพาให้ชีวิตมีแต่ความสุข และยังได้นำพาให้ตัวเราประสพกับความสำเร็จอย่างดีและถูกต้อง.
02 เม.ย. 2561 เวลา 22.35 น.
สุรศักดิ์ หาญบำราช งานนั้นไม่ยากแต่ยากกับคน
25 ธ.ค. 2561 เวลา 22.41 น.
Sky2365 Ruuuu แต่มันทำไม่ด้ายยยยยยย
03 เม.ย. 2561 เวลา 08.32 น.
ดูทั้งหมด