ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

บทเรียนจาก "แพรวา"

ประชาชาติธุรกิจ
อัพเดต 22 ก.ค. 2562 เวลา 14.21 น. • เผยแพร่ 22 ก.ค. 2562 เวลา 14.21 น.

อ่านข่าว “แพรวา” ด้วยความเศร้าใจ

คิดแบบ “ใจเขา-ใจเรา” ไม่นำอารมณ์สะเทือนใจเข้ามาเกี่ยวข้อง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ตอนเกิดเหตุการณ์ใหม่ ๆ เข้าใจได้ว่าเป็น “อุบัติเหตุ” ที่ไม่คาดคิด

ถ้ารถตู้ไม่ตกจากทางด่วนดอนเมือง

โทลล์เวย์ ความสูญเสียก็คงจะน้อยกว่านี้

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เรื่องราวก็คงไม่บานปลายใหญ่โต

และคิดในมุมของ “ผู้ใหญ่” ว่า น้องยังเป็นเด็ก เป็นเยาวชน อายุแค่

17 ปี เราควรให้อภัยมากกว่าเล่นงาน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เหมือนผู้ใหญ่ที่ทำผิด

แต่เหตุการณ์ล่วงเลยมาถึงวันนี้

9 ปีผ่านไป ความรู้สึกแบบนั้นจะนำมาใช้ไม่ได้อีกแล้ว

“แพรวา” เป็นผู้ใหญ่แล้ว

คุณพ่อ-คุณแม่ก็มีฐานะ แม้จะบอกว่าไม่มีเงินสดพอที่จะจ่ายค่าเสียหายให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต

แต่ทรัพย์สินทั้งที่ดินและบ้านอีกหลังหนึ่งที่พร้อมจะขาย

มูลค่าก็สูงเกินค่าเสียหายที่จะจ่ายเยอะมาก

แล้วทำไมไม่รีบขายตั้งแต่วันแรก ๆ

ที่สำคัญก็คือที่ผ่านมา ไม่เคยเข้าไปดูแลครอบครัวผู้เสียหายเลย

จะเล่นแง่ทางกฎหมายอย่างเดียว

ทนายความก็ต่อรองตลอด

พยายามให้ “จำเลย” จ่ายเงินน้อยที่สุด

ยิ่งพ่อแม่หรือญาติของผู้เสียหายออกมาให้สัมภาษณ์

เราจะยิ่งสงสารเขามากขึ้น

ทั้งด้านจิตใจและความเป็นอยู่

บางคนยังร้อยพวงมาลัยขายอยู่

บางคนคุณพ่อตรอมใจตาย หลังลูกตายไม่นาน ฯลฯ

ฐานะแต่ละคนไม่ได้ร่ำรวย

ยิ่งเปรียบเทียบกับฐานะของฝั่ง “แพรวา” คนยิ่งรู้สึกโกรธ

กระแสสังคมที่โจมตี “แพรวา” และครอบครัว จึงหนักหนาสาหัสมาก

ถ้าเทียบเคียงกับเรื่องในลักษณะเดียวกัน ไม่ว่าเป็นเรื่องคุณหมอที่เมาสุราขับรถชน รปภ.

หรือ “เสี่ยรถเบนซ์” ที่เมาสุราขับรถชนรองผู้การกองปราบฯ และภรรยา

เสียชีวิต ลูกสาวบาดเจ็บสาหัส

ทั้ง 2 กรณีหนักกว่า “แพรวา”

เพราะเมาเหล้าด้วย

แต่ทั้ง 2 คนแสดงความเสียใจ และยอมรับผิดทุกอย่าง

ท่าทีที่ออกมาชัดเจนว่า เขาสำนึกในความผิดนั้นจริง ๆ

ดูแลผู้เสียหายอย่างดี

กรณีของ “เสี่ยรถเบนซ์” เขายอมรับผิด ทำทุกอย่างที่ดีที่สุดเท่าที่ทำได้

ยอมจ่ายค่าเสียหายถึง 45 ล้านบาท

ทั้งเป็นเงินสดวันนี้ ทั้งรับรองเรื่องการส่งเสียดูแลลูกของ “รองผู้การ” จนจบ

และพร้อมโอนเงินให้อีกจำนวนหนึ่งเมื่อบรรลุนิติภาวะ

ค่าเสียหายที่ยอมจ่ายเป็นเงินจำนวนมาก

มากเกินกว่าที่ใครคาดคิด

เชื่อกันว่าถ้าคดีนี้ขึ้นศาล ค่าเสียหายจะน้อยกว่านี้มาก

แต่เพราะรู้สึกผิดจริง ๆ เขาไม่ปล่อยให้คดีขึ้นศาลยาวนาน 8-9 ปี เหมือนคดี “แพรวา”

ทำทุกอย่างเพื่อชดใช้ความผิดทางใจ

เพราะ “เวลา” นั้นมี “ราคา”

โดยเฉพาะคนที่สูญเสีย

ถ้ากรณีนี้เป็นกรณีศึกษาเรื่อง crisis management

บทเรียนที่ได้ก็คือ การจัดการกับวิกฤตที่ดีที่สุด ต้องอย่าใช้ “เหตุผล”

แต่ให้ใช้ “ใจ”

คิดแบบ “ใจเขา-ใจเรา”

ถ้าเราผิดก็ขอโทษ ทำทุกอย่างให้ผู้เสียหายและสังคมรับรู้ว่า เรารู้สึกผิดจริง ๆ

คนไทยไม่ใช่คนใจร้าย

เขาพร้อมให้อภัยว่าเราแสดงให้เขาสัมผัสได้ถึงความจริงใจ ความเสียใจ

ทำทุกอย่างให้เกินความคาดหวัง

ยิ่งถ้าเรามี แต่เขาไม่มี ยิ่งต้องช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว

กรณีของ “แพรวา” ถ้าขอโทษอย่างจริงใจ ดูแลพูดคุยกับทุกครอบครัวเหมือนกับเราสูญเสียลูกเหมือนกับเขา

ทุกอย่างน่าจะจบลงด้วยดี

แต่เพราะตั้งแง่ คิดแต่จะเอาชนะทางกฎหมาย ดึงเวลาไปเรื่อย ๆ

ทุกอย่างจึงจบลงแบบนี้

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 154
  • สุภรัตน์
    สมควร บางคนกว่าจะเรียนจบแต่ละระดับจนถึง ดร.เหนื่อยทั้งกายและใจมาเสียชีวืตก่อนวัยเพราะเด็ก ทำตัวเหมือนเด็กใจแตก
    23 ก.ค. 2562 เวลา 14.37 น.
  • Lek
    เป็นสำนึกที่น่ายกย่อง สรรเสริญแต่กรณีแพรวา ผิดที่พ่อแม่ตั้งแต่แรก ปกป้องลูกจนกลายเป็นความผิดร้ายแรง ไม่น่าให้อภัย ถึงตอนนี้ก็สายเกินแก้ บาปนั้นจะตามสนองไปอีกนาน
    23 ก.ค. 2562 เวลา 14.35 น.
  • Yoong YakJung
    อันนี้อยากรู้มากครับทนายที่รับทำคดีนี้ชื่ออะไรครับ (ไม่ได้อยากจะโจมตีเขานะแต่ผมมองว่าคุณน่าจะคิดถึงใจเขา-ใจเราบ้างครับแค่นั้นเอง) เพราะผมเชื่อว่าคนเราเวลาเป็นคดีความในชั้นศาลก็ไม่รู้ขั้นตอนกันหรอกครับ คิดแต่อยากจะชนะคดีเท่านั้นเอง ส่วนมากทนายต้องแนะนำทั้งนั้นเลยครับจากที่รู้มา ว่าจะสู้หรือจะยอมหรือหนักเลยก็พวกที่หนี (ตย.บอส กระทิงดองน่าจะเห็นชัดสุดครับ หนี แต่ทนายไม่เห็นต้องรับผิดชอบอะไรเลยครับ ลองแก้กฏหมายว่าถ้าทำให้ลูกความของตนเองพ้นผิดไม่ได้หรือแพ้ความต้องรับโทษด้วยครึ่งนึงดูสิครับถอนตัวเพียบ
    23 ก.ค. 2562 เวลา 14.33 น.
  • phaitoon
    บทเรียนคุกไว้ขังคนจน มันชนคนตาย9ศพไม่เคยติดคุกเลยหรือรร.ดัดสันดานยังไม่เคยเฉียด ระบบยุติธรรมไทยมีปัญหาต้องรื้อใหม่หมด
    23 ก.ค. 2562 เวลา 14.31 น.
  • ชาญชัย ดาบทอง ( √ )
    ถ้าสังคมเงียบ เรื่องก็เงียบตาม
    23 ก.ค. 2562 เวลา 14.02 น.
ดูทั้งหมด