10 ความเชื่อผิดๆ ที่ทำลายความสวย

เกิดเป็นผู้หญิงจริงหรือไม่จริงก็ล้วนแล้วแต่ลำบาก ต้องรู้จักดูแลผิวพรรณ แต่งหน้าทำผมให้ดูดีก่อนอกไปพบปะผู้คน ครั้นจะปล่อยเซอร์หน้าไม่แต่งผมไม่หวีคงไม่ดีแน่ๆ แต่หากดูแลผิดวิธีก็คงเหมือนขยันผิดที่ เหนื่อยฟรีแถมสวยได้ไม่สุด สัปดาห์นี้ขอรวบรวม 10ความเชื่อผิดๆ ที่เป็นอุปสรรคความสวยของสาวๆกันมาดูกันว่าจะมีเรื่องอะไรบ้าง

1. ของแพงเท่านั้นที่ตอบโจทย์

ความเชื่อแบบนี้ฉีกกระเป๋าสาวๆ หลายคนมารับไม่ถ้วน หนักที่สุดคงเป็นเหล่าสกินแคร์ที่เชื่อกันว่าของแพงเท่านั้นที่จะเสกผิวของฉันให้ดูดีได้ จริงอยู่ที่แต่ละแบรนด์มีนวัตกรรมที่แตกต่างกันไป แบรนด์นั้นแบรนด์นี้อิาจมีการจดลิขสิทธิ์เอกสิทธิ์เฉพาะตัวป้องกันแบรนด์อื่นรุกล้ำทำเลียนแบบ แต่อันที่จริงแล้วเครืองสำอางสกินแคร์ที่วางขายในร้านบิวตี้ราคาย่อมเยาก็เสริมให้เราสวยได้ แค่รู้จักศึกษาและเลือกใช้ส่วนผสมที่เหมาะกับผิวของเรา อย่าลืมว่านอกจากแป้งพัฟกับลิปสติกที่ต้องพกติดตัว ก็คงไม่มีใครเห็นแล้วล่ะว่าคุณใช้ครีม ‘ยี่ห้อ’ อะไร ถ้าไม่ได้รับเชิญให้มาดูถึงบนโต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอน 

2. ปาดๆ ไปเดี๋ยวก็สวย

มาที่เรื่องของการแต่งหน้า เชื่อว่าสาวๆ หลายคนยังคงใช้นิ้วมือหรืออุปกรณ์ที่ติดมาในตลับของเครื่องสำอางนั้นๆ อันที่จริงไม่ว่าจะเป็นจะบรรดาแปรงปัดแก้มหรือฟองน้ำสำหรับอายแชโดว์ที่มาในตลับนั้นเหมาะสำหรับใช้ในยามฉุกเฉินมากกว่า ผู้หญิงทุกคนควร ‘ลงทุน’ กับแปรงแต่งหน้าดีๆ สักชุดหนึ่ง นึกถึงวิชาศิลปะสมัยที่เรียนสิ มีพู่กันตั้งหลายเบอร์ที่เหมาะกับหน้าที่คนละอย่างไป การแต่งหน้าก็เหมือนการสร้างสรรค์งานศิลปะเช่นกัน

3. อะไรที่เขาว่าดี มันต้องเป็นของดี

ตั้งสติก่อนเชื่อรีวิวไปเสียทุกเรื่อง แม้การรีวิวจะช่วยให้รู้จักสินค้ามากขึ้น แต่อย่าลืมว่าในโลกโซเชียลปัจจุบันมีทั้งเรื่องการแฝงโฆษณา หรือแม้แต่คนรู้จักจะบอกต่อว่าอันนี้ดีอันนี้เริ่ด แต่ต้องไม่ลืมว่าผิวของแต่ละคนก็มีความแตกต่างกัน อันนั้นเขาไม่แพ้แต่เราอาจแพ้ก็เป็นได้ ดังนั้นควรให้การรีวิวเป็นข้อมูล ‘ประกอบการตัดสินใจ’ ลองผิดลองถูกได้แต่ต้องไม่ลืมตั้งสติ

4. ‘แต่งไปก่อนเดี๋ยวอ่อนเอง’

ความเชื่อที่ผิดมหันต์ เพระาเครื่องสำอางที่ดีจะต้องอยู่ติดทนบนใบหน้าได้นาน ไม่ใช่เวลาผ่านไปสีก็อ่อนตัวลงเรื่อยๆ หรือแม้แต่การเลือกรองพื้นที่คิดว่าเลือกสีอ่อนกว่าผิวนิดหนึ่ง นานๆ ไปสีจะได้ดร็อปพอดีกับผิวจริง ของดีจริงสีต้องไม่ดร็อปไม่เพี้ยนต่างหากล่ะ

5. ใช้คอนซีลเลอร์ปกปิดร่องรอยจุดบกพร่อง ‘เท่านั้น’

เป็นเทคนิกการแต่งหน้าที่เชยมากแล้วสำหรับการใช้คอนซีลเลอร์ลงบนบริเวณที่ไม่สม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นรอยแดงจากสิว หรือจุดด่างดำที่ทำให้ผิวไม่สม่ำเสมอ การถมคอนซีลเลอร์ลงเฉพาะจุด เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปกว่าครึ่งค่อนวันผิวจะเริ่มฟ้องให้เห็นแล้วว่ามีตรงไหนเป็นปื้นคอนซีลเลอร์อยู่บ้าง ยิ่งบริเวรณรอยพับไต้ตายิ่งเห็นได้ชัดแถมยังตกร่องเน้นริ้วรอยไปกันใหญ่

6. คิ้วสวยต้องเป็นคิ้วที่ชัด

การเขียนคิ้วที่ถูกต้องไม่ใช่การเน้นย้ำความเข้มของคิ้ว หากแต่เป็นการเติมสีคิ้วตามโครงที่มี คิ้วที่เส้นคมชัดเป๊ะนั้นไม่ใช่คำตอบของความสวยแบบเป็นธรรมชาติ หากแต่จะยิ่งเป็นการเน้นให้เห็นชัดๆ ว่าคิ้วคู่นี้ ‘เขียน’ นะจ๊ะ ไม่ใช่ของจริง

7. ผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงแต่งหน้า

อันนี้เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้วล่ะ หนุ่มๆ ส่วนใหญ่เข้าใจ(ผิด)ว่าตัวเองไม่ชอบผู้หญิงแต่งหน้า แต่หากลองคุณเปลือยน้าไปหาคุณแฟนสักที เชื่อว่าต้องมีเข้าใจผิดคิดว่าป่วยเป็นแน่ อันที่จริงแล้วพวกเขาชอบผู้หญิงที่แต่งหน้าอ่อนๆ ดูเป็นธรรมชาติแบบ no makeup makeup .. คือแต่งอย่างไรให้เหมือนไม่ได้แต่ง  ต่างหากล่ะ … เข้าใจตรงกันนะคะซิส

8. แต่งหน้านอนก็ได้ ก็พรุ่งนี้ต้องออกแต่เช้า

เป็นการจัดระเบียบที่ผิดมหันต์ เพราะหากต้องตื่นเช้า สิ่งที่ถูกต้องคือควรรีบเข้านอนพักผ่อนให้ไว เอาเวลาที่จะบรรจงลงแปรงแต่งหน้ามาทาครีมบำรุงแล้วเข้านอนให้ไวให้ร่างกายได้พักผ่อน ตื่นขึ้นมาผิวจะได้สวยอิ่มฟูแต่งหน้าติดทน ยิ่งเวลานอนที่เราควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ นอนตะแคงนอนคว่ำตื่นขึ้นมาหมอนเลอะเครื่องสำอาง สุดท้ายไม่วายต้องแติ่มต้องแต่งใหม่อีกรอบ

9. นู้ดไว้ ปลอดภัยกว่า

อย่ากลัวที่จะสนุกกับสีสันโดยเฉพาะลิปสติก สาวๆ ส่วนมากกลัวที่จะทาลิปสติกสีสดใส (โดยเฉพาะสีแดง) แต่หากลองเปิดใจทาปากแดงสักวันจะพบว่ามันช่วยจุดไฟให้พลังได้ไม่น้อยเลย ลิปสติกสีสวยๆ มีเป็นร้อยเฉดสี ทั้งสีชมพู สีแดง สีส้ม และอีกมากมายที่หากไม่ลองก้าวออกจากกรอบจะพบกับความสนุกได้อย่างไรกัน

10. บำรุงเป็นเซ็ตสวยกว่า

แม้ความเชื่อนี้จะเป็นที่ถูกใจบรรดาแบรนด์เครื่องสำอางที่คุณใช้ก็ตาม แต่การใช้เครื่องสำอาง (โดยเฉพาะกลุ่มสกินแคร์) แบบข้ามยี่ห้อก็สามารถทำได้ไม่ใช่เรื่องผิด โอกาสน้อยมากที่เซรั่มตัวนี้จะไปตีกับครีมตัวนั้นทำให้เกิดการแพ้ เราสามารถใช้น้ำตบยี่ห้อ A ตามด้วยเซรั่มยี่ห้อ B แล้วปิดท้ายด้วยครีมยี่ห้อ C ทำได้หมดเพื่อผิวสวย 

ข้อมูลบางส่วนจาก kindlyunspoken.com