ผู้ต้องหาแก๊งปล้น "ยาบ้า" แฉ ถูกเรียกเงิน 1 ล้าน ยา 100 มัด เพื่อแลกตัวคนในแก๊ง

ผู้ต้องหาแก๊งปล้น "ยาบ้า" เจ้าหน้าที่ แฉ ถูกเรียกเงิน 1 ล้านบาท , ยาบ้า 100 มัด และ ไอซ์ 10 กิโลกรัม เพื่อแลกตัวคนในแก๊ง

จากกรณีที่กลุ่มคนรายหลายราย บุกปล้น "ยาบ้า" จำนวน 20,000 เม็ด , อาวุธ 5 กระบอก , รถยนต์ 1 คัน รวมถึงจะชิงตัวผู้ต้องหาค้ายาเสพติด ขณะชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง จ.สงขลา 6 นาย ไม่ว่าเป็น ปลัดอำเภอ และ กองอาสารักษาดินแดน (อส.) พาผู้ต้องหารายหนึ่ง ไปขยายผล ล่อซื้อยาเสพติด ที่บริเวณทางเข้าบ้านนิคมร่วมพัฒนา พื้นที่ หมู่ 11 ต.แพงเพชร อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เมื่อช่วงหัวค่ำของคืนวันที่ 18 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา

ล่าสุดวันนี้ (23 ตุลาคม 2565) มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังเค้นสอบปากคำ ผู้ต้องหากรณีดังกล่าวอย่างละเอียด ซึ่งมีข้อมูลสำคัญหลุดออกมาเรื่อยๆ และ พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 ได้เดินทางประชุมติดตามความคืบหน้าด้วยตนเองเป็นระยะๆ และ ได้รายงานไปยัง พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทราบ โดยมีผู้สื่อข่าวจากส่วนกลาง และผู้สื่อข่าวในพื้นที่ เฝ้าติดตามความคืบหน้า

ขณะที่เมื่อวานนี้ (22 ตุลาคม 2565) มีการควบคุมตัวผู้ต้องหาที่จับได้ทั้งหมด 5 คน ประกอบด้วย นายเสริมศักดิ์ , นายกัมปนาท หรือ ดล , นายอัพฟาน หรือ บิน ,นายประทีป หรือ หลง และ นายธีรวุฒิ หรือ เลี่ยม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลา ไปทำแผนชี้จุดประกอบคำรับสารภาพ โดยทำทั้งหมด 6 จุด ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินคดี

โดยเฉพาะจุดที่ก่อเหตุ ล้อมรถและชิงของกลาง "ยาบ้า" บริเวณทางเข้าบ้านนิคมร่วมพัฒนา หมู่ 11 ต.แพงเพชร อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ซึ่งจุดนี้กลุ่มผู้ต้องหา ใช้รถก่อเหตุ 3 คัน โดยใช้รถกระบะ ติดตั้งรั้วด้านหลัง บรรทุกตะกร้าใส่หญ้าไว้หลังรถ เพื่อตบตาชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองว่า เป็นยาเสพติดที่นำมาแลกกับตัวนายธนกร ผู้ต้องหาคดียาเสพติด

นอกจากนี้ ยังใช้รถยนต์ยี่เก๋ง ที่มีนายเสริมศักดิ์ เป็นคนขับมาประกบด้านข้าง ส่วนรถยนต์สีขาว ที่นายกัมปนาท นั่งมา ได้จอดปาดหน้ารถ ของชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง จากนั้นนายกัมปนาท ก็ลงจากรถพร้อมอาวุธปืน M4 มายืนคุมเชิง พร้อมกับผู้ร่วมก่อเหตุคนอื่น

หนึ่งในผู้ต้องหาให้การว่า พวกตนเองก่อเหตุ เพื่อต้องการช่วยเหลือน้องชาย คือ นายธนกร เนื่องจากมีโทรศัพท์ติดต่อเข้ามา ให้นำเงิน 1 ล้านบาท พร้อม "ยาบ้า" 100 มัด และไอซ์ 10 กิโลกรัม ไปแลกตัว ตนเองไม่รู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ คิดว่าปลายสาย คือกลุ่มโจร จับตัวเรียกค่าไถ่ ตนเองแค่ต้องการช่วยน้องชาย ให้มีชีวิตปลอดภัย หากรู้ว่าเป็น เจ้าหน้าที่ก็คงไม่ทำ

ผู้ต้องหาคนดังกล่าว ยังให้การอีกว่า ตนเองได้ต่อรองกับสายโทรศัพท์ที่ติดต่อเข้ามา ขอเหลือเงินเพียงจำนวน 3 แสนบาท พร้อมไอซ์ 8 กิโลกรัม เนื่องจากไม่สามารถหาเงิน และ ยาเสพติดได้มากขนาดนั้น ซึ่งปลายสายก็ตกลง ซึ่งเมื่อถึงจุดนัดพบ ได้นำถุงขยะ 3 ถุง ที่ตบตาว่าเป็นไอซ์ ใส่ท้ายรถของชุดปฏิบัติการพิเศษ และเมื่อเปิดรถ กลับไม่พบนายธนกร จึงใช้อาวุธปืนจี้ และจึงพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ จากนั้นควบคุมตัวและบังคับให้ถอดเสื้อ และได้ยึดอาวุธปืน โทรศัพท์มือถือเอาไว้ แล้วให้ทุกคนขึ้นรถกระบะ ก่อนนำไปปล่อยริมถนนสายหาดใหญ่รัตภูมิ ห่างจากจุดเกิดเหตุไม่เกิน 100 เมตร