Goldman Sachs หั่นเป้า "ดัชนี S&P 500" ปี 2568 เหลือ 6,200 จุด จาก 6,500 จุด เหตุความไม่แน่นอนภาษีทรัมป์ และความวิตกแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
วันที่ 12 มีนาคม 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าGoldman Sachs ปรับลดเป้าหมายดัชนี S&P 500 สิ้นปี 2568 จาก 6,500 จุด เป็น 6,200 จุด โดยอ้างถึงความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของทรัมป์ที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องภาษีศุลกากร และความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐ
เมื่อวันที่ 10 มี.ค.68 ดัชนี S&P 500ร่วงลงมากที่สุดในรอบวันนับตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2568 โดยสูญเสียมูลค่ามหาศาลถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์จากจุดสูงสุดเมื่อเร็วๆ นี้ และใกล้จะปรับตัวลดลง 10% ซึ่งถือเป็นการปรับฐานของดัชนี Nasdaq ซึ่งเน้นกลุ่มเทคโนโลยี ปิดตัวลงเมื่อวันที่ 6 มี.ค.68 โดยลดลงมากกว่า 10% จากระดับสูงสุดเมื่อเดือนธันวาคม
ดัชนี S&P 500 อยู่ในแนวโน้มขาลงชั่วคราวหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรใหม่ต่อแคนาดา ต่อมาทรัมป์ได้เปลี่ยนใจไม่ขึ้นภาษีศุลกากรดังกล่าว
แต่อย่างไรก็ตามโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ยังคงดำเนินการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมทุกประเทศ 25% อย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะคู่แข่งทางเศรษฐกิจและพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐ เช่น ออสเตรเลีย สหภาพยุโรป เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น มีผลบังคับใช้วันที่ 12 มี.ค.68 โดยไม่มีการให้การยกเว้นใดๆ
นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ระบุในบันทึกวันที่ 11 มีนาคม 2568 ว่า สาเหตุโดยตรงของภาวะตลาดตกต่ำคือความไม่แน่นอนของนโยบายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับภาษีศุลกากร ความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกองทุนป้องกันความเสี่ยง
การร่วงลงอย่างรวดเร็วของดัชนีส่วนใหญ่เกิดจากการร่วงลง 14% ของหุ้น "Magnificent 7" ซึ่งอัตราส่วนราคาต่อกำไรลดลงจาก 30 เท่า เป็น 26 เท่า
อ้างอิง : reuters.com