"มีชัย" แจ้งที่ประชุมฯ ผลการสุ่มเยือนโรงพัก 5 แห่ง อึ้ง! พบบางแห่งสภาพอนาถา กลายเป็นจุดเริ่มต้นธุรกิจสีเทาช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ ลั่นพุ่งเป้าปฏิรูปขจัดสภาพอนาถาระดับโรงพักกำหนดในกฎหมายให้ผู้บังคับบัญชาต้องจัดงบพร้อมกระจายกำลังพลไปที่โรงพักอย่างเพียงพอ-องค์กรปกครองท้องถิ่นตั้งงบสนับสนุนได้ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่อง ปฏิรูปตรงสู่โรงพัก ระบุว่า หลังพักการประชุมไป 1 สัปดาห์ คณะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฯ ได้กลับมาประชุมตามปกติอีกครั้งเมื่อเย็นวานนี้ (21 พ.ค.) โดยเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนตรวจพิจารณาร่างกฎหมายรายมาตราที่คณะทำงานร่วมกับฝ่ายเลขานุการยกร่างฯ ขึ้นมาเบื้องต้น ตามประเด็นที่คณะกรรมการฯ ได้มีมติไปตลอดการประชุม 9 ครั้งแรก นายคำนูณระบุว่า ท่านประธาน (มีชัย ฤชุพันธุ์) ยังได้เล่าให้ที่ประชุมฟังถึงสภาพความเป็นจริงที่ได้พบเห็นจากการสุ่มไปเยือนสถานีตำรวจภูธรหรือโรงพัก รวมทั้งหมด 5 แห่ง โดยไม่ได้บอกกล่าวผู้ใดก่อนล่วงหน้าช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และช่วงลองวีคเอนด์สัปดาห์ก่อนหน้าตามที่ได้รายงานไปแล้ว โดยเฉพาะสภาพความไม่พร้อมและความขาดแคลนต่างๆ ที่ตำรวจชั้นผู้น้อยเผชิญอยู่ "โรงพักเป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด แต่โรงพักบางแห่งที่ผมไปเห็นมากลับอนาถาที่สุด ทุกอย่างที่จำเป็นกับการปฏิบัติหน้าที่ล้วนไม่พอเพียง ต้องซื้อหากันเอง ตั้งแต่กระดาษ ปากกา ดินสอ รวมทั้งปืนคู่มือ ถามว่าหลวงไม่มีให้หรือ เขาตอบว่ามี แต่เก่าคร่ำคร่ามาก และที่น่าเวทนามากคือตั้งแต่ย้ายเข้ามารับตำแหน่ง ก็ต้องซื้อโต๊ะเก้าอี้เอง ซื้อแอร์ติดห้องเอง เพราะคนเก่าที่ย้ายออกไปเขาย้ายเอาติดตัวไปยังที่ใหม่ เพราะก็เป็นของที่เขาซื้อหาเองมาก่อนเมื่อครั้งย้ายเข้ามา คนที่โชคดีหน่อยก็คือคนที่ย้ายเข้ามาแล้ว คนเก่าเขาทิ้งเป็นมรดกไว้ให้ไม่เอาติดตัวไปที่ใหม่…" นายคำนูณระบุถึงคำพูดของนายมีชัย เท่ากับว่าเมื่อเริ่มต้นรับตำแหน่งก็มีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นรออยู่แล้ว อันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดมีผู้ปรารถนาดีเข้ามามีส่วนช่วยออกค่าใช้จ่ายเหล่านี้ให้ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง และในหลายกรณีที่ผู้ปรารถนาดีเหล่านั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทา จนกระทั่งมีการรับรู้กันเป็นการภายในเชิงแบ่งเกรดสถานีตำรวจเป็น A, B, C และ D กันตามลักษณะในการสนับสนุนจากผู้ปรารถนาดีในแต่ละพื้นที่นั้น โฆษกคณะกรรมการฯ ระบุว่า ที่ประชุมได้หารือกันอย่างกว้างขวาง และเห็นพ้องต้องกันว่าในการปฏิรูปตำรวจครั้งนี้ จะต้องพุ่งเป้าไปที่การขจัดสภาพอนาถาเช่นนี้ในระดับโรงพักให้มากที่สุด ทั้งนี้ ไม่ใช่ด้วยการเพิ่มงบประมาณแผ่นดินให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่จะทำในอย่างน้อย 2 วิธี 1. กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ตำรวจฯ ให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผบ.ตร. ต้องบริหารจัดการงบประมาณเท่าที่ได้รับจัดสรรมาโดยคำนึงถึงความพร้อมในการให้บริการประชาชนของสถานีตำรวจเป็นลำดับแรก อาทิ เพิ่มเติมหน้าที่และอำนาจของ ผบ.ตร.เข้าไปอีก 1 อนุมาตรา "ดูแลให้หน่วยงานทุกหน่วย โดยเฉพาะกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดและสถานีตำรวจภูธร มีงบประมาณและอุปกรณ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเพียงพอ" รวมทั้งเพิ่มหน้าที่และอำนาจและความรับผิดชอบของนายตำรวจที่ดำรงตำแหน่งระดับผู้บัญชาการให้รวมถึง "การบริหารงบประมาณ" ด้วย 2.เนื่องจากงานตำรวจเป็นงานที่ให้บริการแก่ท้องถิ่นโดยตรง และหลายงานเป็นงานที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรจะต้องทำเอง แต่ยังขาดความพร้อม จึงจะกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมด้านรายได้ตั้งงบประมาณสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในท้องถิ่นนั้นในบางส่วนงาน โดยมีหลักให้งบประมาณสนับสนุนตรงไปที่สถานีตำรวจในพื้นที่เลย "นอกจากนั้น ในส่วนโครงสร้างกำลังพลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะบัญญัติเป็นหลักการไว้ในกฎหมายไม่ให้จัดไปกองไว้ที่หน่วยงานกลาง ระดับภาค จนเกินความจำเป็น แต่ให้กระจายลงไปยังระดับโรงพักให้เพียงพอที่จะให้บริการประชาชนโดยตรงให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อไม่ให้ตำรวจประจำโรงพักต้องทำงานหนักจนเกินกำลัง ทั้งนี้ โดยจะมีมาตราที่บัญญัติขึ้นใหม่ถึงหลักในการบริหารจัดการระดับสถานีตำรวจไว้ด้วย โดยมอบให้คณะทำงานและฝ่ายเลขานุการไปทำการบ้านมาว่าจะควรจะบัญญัติไว้ในส่วนใด การมีบทบัญญัติที่ระบุถึงสถานีตำรวจหรือโรงพักโดยตรงยังไม่เคยปรากฏในกฎหมายตำรวจมาก่อน" นายคำนูณระบุ.
อ๋อย ผมไม่เชื่อหรอกว่าคุณมีชัยเพิ่งรู้ แก่จนจะลงโลงแล้ว นักกฎหมายอีกต่างหาก ถ้าเพิ่งรู้จริงๆ ก็ต้องถือว่าโง่จริงๆ ผมว่ามีชัยนั่งเล่นอยู่ที่บ้านดีกว่า เปลืองงบ
22 พ.ค. 2561 เวลา 17.19 น.
บ่อน หวย บอล สถานบังเทิง และธุรกิจสีเทาและอาจจะรวมถึงสีดำด้วย สิ่งเหล่านี้เราปฎเสธไม่ได้ว่ามีตำรวจ(บางนาย)เข้าไปมีส่วนร่วมในผลประโยชน์พวกนี้ และไม่ใช่แค่ตำรวจนะครับ ยังมีนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงเข้าไปมีส่วนด้วยเช่นกัน หากจะปฎิรูปตำรวจคงไม่พอ มันต้องปฎิรูปทั้งระบบ และเปลี่ยนค่านิยมและแนวคิดกันเสียใหม่ ซึ่งควรเน้นไปที่การศึกษาด้านคุณธรรมและจริยธรรมให้แก่เด็กรุ่นใหม่ๆ ส่วนคนรุ่นเก่านั้นคงยากที่จะเปลี่ยนแล้ว
22 พ.ค. 2561 เวลา 19.57 น.
punsang เพราะความอนาถานี่เอง ทำให้ ตร.บางนายถึงกับหากินนอกลู่นอกทางไปมาก
22 พ.ค. 2561 เวลา 17.17 น.
แล้วค่าปรับเอาไปอมไว้ไหนหมดละครับ
22 พ.ค. 2561 เวลา 17.30 น.
Red Devil.. พวกอยู่ที่เจริญก็หากินง่าย...
22 พ.ค. 2561 เวลา 22.56 น.
ดูทั้งหมด