บริเวณชายหาดบ้านเกาะสูบ หรือ บ้านรัตนโกสัย หมู่ 5 ต.ปากตะโก อ.ทุ่งตะโก ต่างเต็มไปด้วยซากปลาทะเลจำนวนมาก โดยเฉพาะ "ปลาแป้น" ที่ลอยมาตายเกยตื้น จนขาวโพลนไปทั่วทั้งชายหาด เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งจากการลงพื้นที่ของผู้สื่อข่าวในวันนี้ พบว่า ขณะนี้ซากปลาได้ถูกทรายปิดทับไปเเล้วบางส่วน เเต่โดยรวมมีสภาพเน่าเเละส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วชายหาด
ด้าน ประมงจังหวัดชุมพร กล่าวว่า เกิดจากปรากฏการณ์ "น้ำแดง" เนื่องจากน้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของแร่ธาตุ ขาดออกซิเจน ทั้งนี้ประมงอำเภอทุ่งตะโกประสานไปยังศูนย์ประมงทะเลที่บ้านสามเสียมเพื่อสุ่มเก็บตัวอย่างน้ำทะเลอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ขณะเดียวกันปลาที่ตายนั้นส่วนใหญ่จะเป็นปลาแป้นซึ่งเป็นปลาที่อาศัยอยู่พื้นผิวน้ำ โดยปรากฏการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นปีละ 1-2 ครั้งในพื้นที่จังหวัดชุมพร
ราชบุรี น้ำแห้งทำปลาตายยกอ่างเก็บน้ำ
ไม่ต่างกับที่ " อ่างเก็บน้ำไทยประจัน" ในอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน จ.ราชบุรี แหล่งน้ำเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรสำหรับการเพาะปลูกและการอุปโภคบริโภค ขณะนี้ได้เกิดน้ำเน่าเสีย เนื่องจากอากาศร้อนจัด ส่งผลให้น้ำในอ่างซึ่งมีปริมาณน้อย เกิดความร้อนสะสม ขณะที่พื้นก้นอ่างเป็นดินเลนจึงเกิดแก๊ส ส่งผลให้ปลาน๊อกน้ำตายลอยเกลื่อน ซึ่งมีปลาหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่ เจ้าหน้าที่อุทยานฯจึงต้องเก็บซากปลาออกไปเพื่อไม่ให้น้ำเน่าเสียมากกว่าเดิม
กาฬสินธุ์ แดดระอุเผาสวนเกษตรต้นแบบแห้งตาย
นอกจากสัตว์น้ำเเล้ว พืชผักสวนครัวก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยที่แหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรผสมผสาน หรือ "ไร่ภูทองใบ" บ้านโคกแง้ หมู่ 5 ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นศูนย์เกษตรต้นแบบประจำตำบล และอยู่ในระยะผลักดันเป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรเพื่อการท่องเที่ยวระดับอำเภอ ขณะนี้กำลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอย่างหนัก พืชผลในไร่ชะงักการเจริญเติบโต และบางชนิดกำลังเหี่ยวเฉา เเละทยอยตายทุกวัน โดยเฉพาะผักสวนครัว และกล้วยหอมส้ม ที่เกษตรกรลงทุนซื้อหน่อพันธุ์มาเป็นจำนวนมาก จึงอยากวอนให้หน่วยงานรัฐเข้ามาช่วยเหลือ
ธ.ก.ส.จ่ายเงินประกันภัยฝนแล้งให้ชาวสวนลำไยกว่า 500 ราย
ส่วนที่ จังหวัดเชียงใหม่ นายมนัส ขันใส รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยผู้บริหารจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย และ ตัวแทนบริษัทประกันภัย ร่วมกันจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทน ในโครงการ" ประกันภัยลำไยจากภัยแล้ง " ให้กับเกษตรกรชาวสวนที่ทำประกันภัยแล้งประจำปี 2562 โดยมีเกษตรกรชาวสวนลำไยได้รับเงินทดแทนจาก 19 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะฝนแล้งต่อเนื่องเกินดัชนีฝนแล้ง จำนวน 584 ราย รวมวงเงินกว่า 914,700 บาท ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์
สำหรับปีการผลิต 2562 ถือว่าเป็นปีแรกที่ ธ.ก.ส.เปิดให้เกษตรกรทำประกันภัยฝนแล้ง โดยจังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่นำร่องแห่งแรกของประเทศและของโลก มีเกษตรกรผู้ปลูกลำไยให้ สมัครเข้าร่วมโครงการถึง 1,052 ราย รวมวงเงินประกันกว่า 18 ล้านบาท โดยจะใช้ค่าดัชนีฝนแล้งที่ตรวจวัดด้วยดาวเทียมเป็นเกณฑ์การประเมินความเสียหาย โดยมีระยะเวลาในการวัดปริมาณน้ำฝนหรือระยะเวลาคุ้มครอง ตั้งแต่ 1 มีนาคม – 30 เมษายน 2562 รวม 61 วัน
ซึ่งเกษตรกรได้รับชดเชยในอัตราร้อยละ 9 ของวงเงินที่เอาประกันภัย ส่วนกรณีภัยแล้งรุนแรงจะได้รับชดเชยร้อยละ 12 ของวงเงินในส่วนที่ของเอาประกันภัย รวมอัตราค่าชดเชยไม่เกินร้อยละ 21 หนึ่งในผู้เข้าร่วมโครงการ บอกว่า ปีนี้แล้งมาก ไม่คิดว่าจะประสบภัยแล้งขนาดนี้ แต่พอได้ทำประกันภัยถือเป็นเรื่องที่ดี ช่วยบรรเทาความเสียหายได้ ส่วนหนึ่ง
เออดี...แล้วมันคุ้มหรือไม่อย่างไร
ถ้าดีก็ใ้ห้ชาวนาชาวสวนทำประกันด้วย
ต้องจ่ายแบบประกันชีวิตมั้ง.....
23 เม.ย. 2562 เวลา 13.37 น.
Poppy Stitch Meow ตรูก็ เกือบน็อคละ
23 เม.ย. 2562 เวลา 13.29 น.
ดูทั้งหมด