19 ธ.ค.61-ที่ศาลแขวงดอนเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 09.30 น. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1078/2561ที่พนักงานอัยการคดีศาลแขวง 9 (ดอนเมือง) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง "พ.ต.ท.หรือนายสันธนะ ประยูรรัตน์" อายุ 59 ปี อดีตนายตำรวจสันติบาล ปัจจุบันที่ปรึกษาบริษัท ตลาดใหม่ดอนเมือง จำกัด เป็นจำเลย ในความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่ หรือเพราะได้กระทำการ ตามหน้าที่ มวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำปรับ และผู้ใดต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติตามหน้าที่ฯ ตามมาตรา 138 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำปรับ
กรณีเมื่อวันที่ 3 พ.ค.61เวลาดลางวัน จำเลยได้เดินเข้าไปในเส้นแถบกั้นพื้นที่ของศูนย์ที่เจ้าหน้าตำรวจชุดปฏิบัติการตรวจค้นการกระทำผิดเกี่ยวกับเครื่องสำอางและอาหารเสริม แล้วยังแสดงอากัปกิริยา-วาจาลักษณะว่ามีอำนาจ ข่มขู่เจ้าหน้าที่เพื่อไม่ให้สามารถปฏิบัติงานได้
ซึ่ง "พ.ต.ท.หรือนายสันธนะ" ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และชั้นพิจารณาก็ได้รับการประกันตัว โดยวันนี้ "พ.ต.ท.หรือนายสันธนะ" เดินทางมาฟังคำพิพากษา พร้อมคณะผู้ติดตาม
ขณะที่ "ศาล" พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์แล้วเห็นว่า ความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานนั้น ปรากฎเพียงกานกระทำว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยเดินเข้าไปในเส้นแถบกั้น พร้อมนำหนังสือที่มีชื่อบุคคลไปแสดงว่าพื้นที่นั้นเป็นของเอกชนจนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าขนย้ายสิ่งของออกจากสถานที่ โดยไม่ปรากฎหลักฐานโจทก์ว่าจำเลยได้กระทำอย่างอื่นที่จะเป็นการขัดขวางเจ้าพนักงานระหว่างปฏิบัติงาน
ส่วนความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานฯ นั้น ศาลเห็นว่า การดูหมิ่นจะต้องเป็นคำพูดลักษณะด่าทอ ดูถูก เหยียดหยาม ให้เจ้าพนักงานซึ่งเป็นผู้เสียหายได้รับความอับอายการ โดยขณะเกอดเหตุจำเลยแสดงกิริยาเพียงใช้เสียงดัง พร้อมชี้นิ้วไปทางผู้เสียหายก็เป็นเพียงการแสดงกริยาที่ไม่สุภาพเท่านั้น จึงพิพากษายกฟ้อง
โดยนายสันธนะ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าฟังคำพิพากษาด้วยว่า กระบวนการที่ถูกกล่าวหาโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่กำกับโดยแก๊งค์ 3 นายพลตำรวจนั้น การพิสูจน์ข้อเท็จจริง ข้อพิรุธในศาล ศาลท่านให้ความเมตตาตนในการสู้คดีเต็มที่ ตนพกความมั่นใจมา 99% คดีวันนี้ข้อหาดูหมิ่นขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติตามหน้าที่ คำว่าตามหน้าที่ต้องปฏิบัติโดยชอบด้วยกฎหมาย การกล่าวหาตนโดยให้ พล.ต.ต.นราเดช กลมทุกสิ่ง เป็นผู้กล่าวหานั้น ถ้าตนผิดจริงไม่ต้องให้ พล.ต.ต.นราเดช กล่าวหาคนเดียว ตำรวจทั้ง สตช.กล่าวหาได้เลย
นายสันธนะ กล่าวต่อไปว่า ตนเป็นตำรวจมาก่อน คนแต่งเครื่องแบบมาปฏิบัติหน้าที่มีหรือตนจะไม่ให้เกียรติ ถ้าทำตามกฎหมายตนพร้อมยอมรับ การแจ้งความใส่ร้ายทำให้สังคมมองตนไม่ดี แต่ถ้าตนถูกลงโทษก็พร้อมรับ เผื่อใจไว้ 1% เหมือนกัน เพราะขณะนี้ประเทศบริหารด้วยอำนาจพิเศษ ตนก็จะสู้ต่อไปในกระบวนการ ทั้งนี้ ไม่ได้สู้ด้วยปากเปล่า มีพยานเอกสารนำสืบให้ศาลเห็นตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ มีการวางแผนเป็นขั้นตอน มีข้อพิรุธที่ตนชี้ให้เห็นว่าบันทึกประจำวันมีการแก้ไขขีดลบ เอามาส่งศาลเป็นเอกสารเท็จ หลังพิพากษาแล้วต้องกลับไปถึงทุกคนแน่ เพราะคดีมาถึงศาลต้องการให้ตนต้องโทษจำคุก วันพฤหัสบดีหน้า (27 ธ.ค.) ตนจะไปฟ้องตำรวจที่มีนายพลตำรวจด้วย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง 18 คน ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
toi95 เก่งจริง
19 ธ.ค. 2561 เวลา 05.16 น.
Off ถอดยศแล้ว นักข่าวไม่กลัวหรอ เขียนยศ ย้ำอยู่นั่นแหล่ะ กลัวไม่รู้หรอ งง
19 ธ.ค. 2561 เวลา 05.31 น.
ดูทั้งหมด