ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ยุค "Robotization" เริ่มแล้ว เตรียมตกงานเพิ่ม 10 ล้านตำแหน่ง

Brandbuffet
อัพเดต 01 ก.ค. 2562 เวลา 01.30 น. • เผยแพร่ 30 มิ.ย. 2562 เวลา 02.02 น. • Digital

มีรายงานที่น่าจับตาเกี่ยวกับการนำโรบ็อตเข้ามาช่วยงานมนุษย์ โดยพบตัวเลขการใช้หุ่นยนต์เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าในแง่ Productivity นั้นเพิ่มขึ้นจริง แต่คำทำนายที่ว่ามันจะเข้ามาแทนที่มนุษย์ในโลกแห่งการทำงานก็เป็นจริงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเช่นกัน

โดยการศึกษาจาก Oxford Economists ระบุว่า เฉพาะในประเทศจีนประเทศเดียว ภายใน 11 ปีนับจากนี้ จะมีหุ่นยนต์เพิ่มขึ้น 14 ล้านตัว และรูปแบบการทำงานจะเปลี่ยนเป็นระบบอัตโนมัติเพิ่มขึ้น ซึ่งผลดีในแง่เศรษฐกิจนั้นมีแน่ เพราะข้อมูลจากงานวิจัยระบุว่า การนำโรบ็อตมาใช้อาจทำให้จีดีพีของโลกเติบโตขึ้น 5.3% ภายในปี 2030 หรือเท่ากับรับประกันได้ว่าจะมีเงินเพิ่มเข้ามาในระบบเศรษฐกิจราว 4.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐต่อปีต่อเนื่องไปจนถึงปี 2030 เลยทีเดียว

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ทว่าผลเสียก็มีเช่นกัน โดยในยุค Robotization จะทำให้ตำแหน่งงานหายไปราว 10 ล้านตำแหน่ง โดยเฉพาะงานที่ไม่ต้องใช้ทักษะมากนัก หรืองานที่ทำซ้ำ ๆ กัน ผลก็คือความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้จะยิ่งเพิ่มขึ้น

โดยนอกจากประเทศจีนที่มีความเสี่ยงสูงแล้ว ในสหรัฐอเมริกาก็เสี่ยงไม่แพ้กัน เพราะ Oxford Economists คาดการณ์ว่า ภายในปี 2030 จะมีงานราว 1.5 ล้านตำแหน่งหายไป และรัฐที่มีความเสี่ยงสูงคือ เท็กซัส, หลุยส์เซียน่า, อินเดียน่า ส่วนโอเรกอน คือรัฐที่มีความเสี่ยงสูงสุด หรือในสหภาพยุโรป เมืองอย่าง Chemnitz, Thuringen และ Oberfranken คือเมืองที่มีความเสี่ยงสูงของการตกงานในเยอรมนี และคาดการณ์ว่าจะมีชาวยุโรปราว 2 ล้านคนที่ต้องตกงานกันเลยทีเดียว

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ถึงเวลาภาครัฐเขียนนโยบายใหม่

ในแง่ของพนักงานมนุษย์ เราอาจเคยได้ยินการกระตุ้นให้พัฒนาตัวเอง เปลี่ยนทักษะเพื่อไปสู่งานรูปแบบใหม่ ๆ หรือไปทำงานเพื่อควบคุมหุ่นยนต์เหล่านั้นแทน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

แต่ในอีกด้าน คนที่มีกำลังและสามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างรัฐบาลก็ควรจะลงมือทำบางอย่างเช่นกัน

ทีมกฎหมายของ Oxford Economists แนะนำว่า นี่อาจถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะให้สิทธิประโยชน์ด้านการเงิน และสวัสดิการต่าง ๆ แก่บริษัท และคนทำงานเพื่อให้เขาเหล่านั้นไปพัฒนาปรับปรุงตัวเองให้มีทักษะพอที่จะทำงานในโลกยุคต่อไป

"งานวิจัยนี้ไม่ได้ต้องการให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามายับยั้งการใช้งานหุ่นยนต์ เพราะในหลายอุตสาหกรรมที่ขาดแคลนแรงงาน ก็มีความจำเป็นต้องเติมหุ่นยนต์ลงไปเพื่อให้งานยังเดินหน้าต่อได้"

"แต่สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือแนวคิดแบบก้าวหน้าในรูปของสวัสดิการต่าง ๆ เช่น การเปิดโปรแกรมอบรมพัฒนาทักษะ, การให้ Universal Basic Income แก่ประชาชน ฯลฯ ที่เรามองว่า มันถึงเวลาแล้วที่จะนำมาใช้"

นักวิจัยยังได้ฝากถึงบรรดาพนักงานด้วยว่า อาจต้องเริ่มประเมิน "งาน" ของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา ว่าเป็นงานที่หุ่นยนต์ - ระบบอัตโนมัติสามารถเข้ามาทำแทนได้แล้วหรือยัง และหากพบว่าเป็นเช่นนั้นก็เริ่มมองหาโปรแกรมพัฒนาตัวเองกันได้เลย

Source

Source

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 8
  • muii.
    อย่าว่าแต่ประสบการณ์อายุงานเยอะเลยแม้แต่ความรู้สูงๆต่อไปถ้าไม่มีกำลังภายในด้วยก็ต้องวัดดวงกันเอาเอง
    30 มิ.ย. 2562 เวลา 07.51 น.
  • oah
    ดังนั้น..ควรควบคุมประชากรได้แล้ว คนกะเครื่องจักรจะได้อยุอย่างมีความสุข
    30 มิ.ย. 2562 เวลา 07.29 น.
  • JING
    คนรุ่นนี้หรือก่อนหน้านี้คงลำบาก เหตุผลแรกที่เลือกหุ่นเพราะต้องการลดการใช้แรงงานจากคน เพราะค่าสวัสดิการมันสูง ในระยะยาวหุ่นจึงดีกว่าแน่นอน กรณีพยายามพัฒนาตนเองให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงก็คงทำได้ไม่กี่คน เด็กรุ่นหลังดีหน่อยพอจะเลือกทางเดินให้ตรงกับการเปลี่ยนแปลงได้ ยิ่งตอนนี้คนเริ่มล้นโลก แต่ละประเทศคงต้องคิดรับมือล่วงหน้าให้ดี ไม่งั้นปัญหาอาชญากรรมคงเพียบ การรับแรงงานต่างด้าวก็ต้องเพลาๆลงบ้างไม่งั้นคนในประเทศตัวเองตกงานถ้วนหน้า ทำหน้าใหญ่ในที่ประชุมอาเซียน แต่กลับมาโดนคนทั้งประเทศด่า มันไม่คุ้ม
    30 มิ.ย. 2562 เวลา 06.58 น.
  • ʝʊռɢ_աɨռ
    นาย : You are fired !!! ผม : ช่วยด้วย เรียกรถดับเพลิงให้ที
    30 มิ.ย. 2562 เวลา 06.29 น.
  • น้องกีต้าร์กับย่านิด
    นี่แหละคือสงครามทางเทคโนโลยี มวลมนุษย์ทั้งหลายเอยจงดิ้นรนต่อไปเพื่อความอยู่รอด
    30 มิ.ย. 2562 เวลา 05.39 น.
ดูทั้งหมด