ธนารักษ์ เตรียมชงรัฐบาลใหม่ รื้อเกณฑ์ “บ้านคนจน” หลังธนาคารไม่กล้าปล่อยกู้ให้ผู้มีรายได้น้อย หวั่นหนี้เอ็นพีแอลพุ่ง และเอกชนเมินเข้าร่วมพัฒนาโครงการเหตุต้นทุนสูง ชี้บางโครงการไม่มีผู้เข้าร่วมประมูล บางโครงการผู้ชนะประมูลทิ้งหน้าตาเฉย พร้อมแนะรัฐอย่าเดินหน้าต่อ ถ้าไม่ปรับเงื่อนไขใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงการคลังว่า กรมธนารักษ์เตรียมจะเสนอให้รัฐบาลใหม่ปรับปรุงเงื่อนไขการดำเนินโครงการบ้านคนไทยประชารัฐ หรือบ้านคนจน หลังพบว่าการดำเนินโครงการในระยะที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ซึ่งเกิดจาก 2 สาเหตุ คือธนาคารไม่ปล่อยเงินกู้ให้แก่ผู้ที่ขอเข้าร่วมโครงการ และภาคเอกชนไม่สนใจเข้าร่วมพัฒนาโครงการ ดังนั้น หากรัฐบาลต้องการเดินหน้าโครงการนี้ต่อ จำเป็นต้องแก้ไข 2 ประเด็นหลักดังกล่าวที่ก่อให้เกิดปัญหาการผลิตและความต้องการซื้อไม่ตรงกัน เพื่อทำให้ความต้องการของผู้ซื้อและผู้ขายตรงกัน แต่หากไม่สามารถแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรคได้ กรมก็ไม่ต้องการให้รัฐบาลเดินหน้าโครงการนี้ต่อ
สำหรับปัญหาที่ธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ที่ขอเข้าร่วมโครงการนั้น มีสาเหตุมาจากการกำหนดเงื่อนไขที่เปิดให้ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการจะต้องเป็นผู้มีรายได้น้อยนั้น ส่งผลให้กว่า 80% ของผู้ขอเข้าร่วมโครงการ กลายเป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการขอสินเชื่อจากธนาคาร หากธนาคารปล่อยสินเชื่อให้จะถือว่าผิดเกณฑ์กำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหากเกิดความเสียหาย ผู้อนุมัติอาจต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายได้ ดังนั้น จึงจะเสนอให้มีการแก้ไขประเด็นนี้ โดยจะหารือกับ ธปท.เพื่อผ่อนปรนเกณฑ์การปล่อยกู้ของธนาคาร และต้องยอมรับความเสียหายที่ธนาคารอาจจะเกิดหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) ได้ในอนาคต
ส่วนกรณีเอกชนไม่สนใจเข้าร่วมพัฒนาโครงการ เป็นเพราะต้นทุนการก่อสร้างไม่สอดคล้องกับเงื่อนไขที่กำหนด กล่าวคือจะต้องก่อสร้างที่อยู่อาศัยราคาต่อยูนิตต่ำ หรือไม่เกิน 1 ล้านบาท และต้องจัดพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งทำให้ต้นทุนการก่อสร้างสูง ขณะที่เรื่องภาษีธุรกิจเฉพาะที่ผู้ประกอบการจะต้องรับภาระนั้น รัฐบาลควรผ่อนปรนให้กับผู้ประกอบการ เพราะเป็นต้นทุนสูงเช่นกัน ขณะเดียวกันควรเปิดทางให้ผู้ซื้อมีทางเลือกในการซื้อที่อยู่อาศัยจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่ในโครงการนี้ด้วย เนื่องจากปัจจุบันมีที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จ แต่ยังขายไม่ได้เหลืออยู่จำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาได้เปิดให้เอกชนเข้าประมูลก่อสร้างโครงการในหลายพื้นที่ เช่น จังหวัดเชียงรายที่มีทำเลดี ต้นทุนก่อสร้างมีความเป็นไปได้ แต่ที่จังหวัดชลบุรีทำเลดีเช่นกัน แต่ไม่มีเอกชนเข้าร่วม เพราะต้นทุนสูง แค่ราคาถมที่ดินสูงถึงไร่ละ 1 ล้านบาทแล้ว ส่วนบางพื้นที่เปิดประมูลแล้ว แต่ไม่มีเอกชนเข้าร่วมประมูล อย่างที่จังหวัดนครพนม ที่ผู้ชนะประมูลทิ้งโครงการไปแล้ว นอกจากนี้ ยังมีข้อจำกัดของพื้นที่ราชพัสดุ ที่อาจจะไม่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในเรื่องการเดินทางและความเป็นอยู่ ทำให้ประชาชนบางส่วนไม่สนใจเข้าร่วมโครงการนี้
สำหรับโครงการดังกล่าวจะดำเนินการใน 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ลำปาง ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ นครพนม อุดรธานี และขอนแก่น เพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองบนที่ดินราชพัสดุในราคา 350,000 - 700,000 บาทต่อหน่วย โดยผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ คือ 1.ผู้ได้รับสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.5 ล้านคน 2.ผู้มีรายได้ไม่เกิน 35,000 บาทต่อคนต่อเดือน และ 3.ประชาชนทั่วไป โดยมีธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสินสนับสนุนวงเงินสินเชื่อ.
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath
ชุมสาย ก็ล่นเอากฎเกณฑ์ปกติ มาใช้ในเหตุการณ์พิเศษมันจะไปกันได้รึ ก็อย่างที่คุณ chong บอกนั่นแหละ
16 ก.ค. 2562 เวลา 07.26 น.
Khunkea999 บ้านรึ?
ซื้อยากมาก
สรุปคือ
ไม่มีงานประจำทำ
ฟรีแลนซ์จบข่าว
กุ้มันทีแทบกราบ
รำคาญมาก
16 ก.ค. 2562 เวลา 04.56 น.
chong มีโครงการเอาใว้ทำ CSR หาเสียงเฉยๆบอกแล้วโครงการแบบนี้เกิดอยาก เอาตรงๆนะหาพื้นที่ให้พวกเขาเช่าระยะยาววางแผนการจัดการดีๆให้เข้าท่าดีกว่า เรื่องแบบนี้ถ้ารัฐไม่อุดหนุนเต็มที่มันเกิดยากเชื่อเถอะ เอกชนเขาแสวงหากำไรคนของรัฐคิดอะไรอยู่? เรื่องแบบนี้คิดไม่ได้กลับบ้านไปนั่เกาไข่เถอะ
16 ก.ค. 2562 เวลา 03.00 น.
โชค แย่ มาหลายปีประชานไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น
16 ก.ค. 2562 เวลา 02.24 น.
VJ Chen จะทำอะไรอย่าคิดถึงแค่คะแนนเสียง คิดถึงประเทศในอนาคตด้วย แค่นี้หนี้เน่าก็บานแล้ว
16 ก.ค. 2562 เวลา 02.14 น.
ดูทั้งหมด