เคยสงสัยหรือไม่ว่า จากตลาดที่เคยถูกมองข้าม ทำไมช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดสนีกเกอร์ในไทยถึงพีคขึ้นมาได้ จนเจ้าของแบรนด์ และร้านสนีกเกอร์มัลติแบรนด์นานาสัญชาติแห่เข้ามาเปิดสาขากันเต็มไปหมด
ย้อนกลับไปเมื่อ 8-9 ปีก่อนหน้านี้ ตลาดสนีกเกอร์ในบ้านเรา ถูกมองเป็น Emerging Markets หรือตลาดเกิดใหม่ แม้กระแสจะดี แต่มูลค่าตลาดยังเล็ก เพราะกลุ่มผู้ซื้อยังจำกัดเฉพาะในกลุ่ม Sneakerhead หรือผู้ที่ศึกษาและคลั่งไคล้สนีกเกอร์ที่เวลานั้นมีอยู่ไม่มากนัก ทำให้ไม่ได้รับความสนใจจากแบรนด์สนีกเกอร์ต่าง ๆ นัก
จนเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา สปอตไลท์ได้ถูกส่องมาที่ไทย และให้ความสนใจเป็นอันดับต้น ๆ และบางแบรนด์ให้เป็นตลาดที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 2 รองจากออสเตรเลีย ซึ่งในเอเชีย ออสเตรเลียเป็นรองเพียงญี่ปุ่น ที่เป็นตลาดอันดับ 1 เท่านั้น
อนุพงศ์ คุตติกุล ผู้ก่อตั้ง Carnival และหนึ่งใน Sneakerhead คนดัง ฉายภาพให้ฟังถึงสาเหตุที่ไทยกลายเป็นตลาดที่เนื้อหอมสำหรับสนีกเกอร์ ก็เพราะมีการเติบโตรวดเร็ว เฉลี่ยปีละ 15-20 % และบางปีขึ้นไปถึงกว่า 30%
ที่สำคัญ เศรษฐกิจไม่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ ขึ้นอยู่กับความพอใจล้วน ๆ หากรุ่นไหนดัง รุ่นไหนหายาก ไม่ว่าราคาจะหลักหมื่น หลักแสน หรือบางคู่มีราคาระดับหลักล้านบาท และหายากยิ่งกว่าทอง ลูกค้าคนไทยก็พร้อมจะจ่าย
เทรนด์โลก+ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค บูมตลาดโต
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ตลาดสนีกเกอร์ในไทยบูมขึ้นมา หลัก ๆ ได้แก่
1. เป็นไปตามเทรนด์ของโลกในเรื่องแฟชั่น จากการที่บรรดาแบรนด์สินค้ากีฬารายใหญ่ได้พัฒนาคอลเลคชั่นด้วยการนำ ‘แฟชั่น’ ผสมผสานเข้าไป ขณะที่แบรนด์แฟชั่น ได้นำเรื่องของ ‘กีฬา’ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์โปรดักท์
จนทุกวันนี้เทรนด์ดังกล่าวผนวกเป็นเนื้อเดียวกัน และได้กลายเป็นกระแสหลักที่มาแรง ซึ่งไม่ว่าแบรนด์ระดับใดก็มีการออกสินค้าสนีกเกอร์กันอย่างคึกคัก ไม่เว้นกระทั่งไฮแบรนด์ระดับท็อปเกือบทุกแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น Louis Vuitton , Balenciaga และอีกมากมาย ที่มีการลอนช์คอลเลคชั่นสินค้ากลุ่มนี้ยาวไปถึงสิ้นปีแล้ว
2. ในประเทศไทยเองก็มีการสร้างกระแสอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากเหล่า Sneakerhead และเจ้าของแบรนด์สินค้าเอง เมื่อรวมกับเทรนด์โลกที่เป็นแรงหนุน บวกกับพฤติกรรมของผู้บริโภคไทยที่ไม่ยอมตกเทรนด์ ทำให้ตลาดสนีกเกอร์จาก ‘นีช’ กลายเป็น ‘เมนสตรีม’ ที่ทุกเพศทุกวัยต้องมีไว้ในครอบครอง และส่วนใหญ่จะมีมากกว่า 2 คู่
3. ระดับของร้านสนีกเกอร์ในไทยที่มีการพัฒนา เรียกได้ว่า ไม่แพ้ประเทศชั้นนำอื่น ๆ โดยเฉพาะร้าน ‘Carnival’ ที่คว้าสิทธิ์ Consortium จากอาดิดาส ให้สามารถขายคอลเลคชั่นสูงสุดของสายแฟชั่นได้ ซึ่งร้านที่ได้สิทธิ์นี้ปัจจุบันมีอยู่ 100 แห่งทั่วโลกเท่านั้น
“ภาพซอมบี้ไทยที่แย่งกันซื้อ หรือการตั้งเต็นท์รอซื้อรองเท้าเพียงคู่เดียวแบบข้ามวันคืน ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ไม่มีภาพนี้ให้เห็น และบางคู่ราคาแพง อย่างตอนนี้จ่าย 1-2 หมื่นบาทสำหรับสนีกเกอร์คู่นึงเป็นเรื่องปกติ แต่จริง ๆ สนีกเกอร์ขายดีทุกราคาตั้งแต่ระดับพันบาท ไปถึง 2-3 แสนบาท หลักล้านก็ยังมีในรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น ที่ต้องประมูลสู้ราคากัน คนไทยก็พร้อมซื้อ ทำให้เห็นกระแสสนีกเกอร์ฟีเวอร์ในบ้านเราได้เป็นอย่างดี” อนุพงศ์ กล่าว
รายใหม่เตรียมตบเท้าบุกไทยอีกเพียบ
ภาพเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นการเติบโตและความพร้อม ทำให้ไทยเปลี่ยนจาก ‘ตลาดที่ถูกมองข้าม’ มาเป็น ‘ตลาดฮอต’ จึงไม่น่าแปลกใจที่เจ้าของแบรนด์ และร้านสนีกเกอร์มัลติแบรนด์นานาสัญชาติ จะวางให้ไทยเป็นตลาดสนีกเกอร์ที่น่าสนใจอันดับต้น ๆ ของเอเชีย ณ ขณะนี้
ไม่ว่าจะเป็น การเปิดตัว ‘Adidas Brand Center’ ช้อปใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิคและอาเซียน เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา บริเวณชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิล์ด มีพื้นที่กว่า 1,100 ตารางเมตร ซึ่งช้อปนี้เป็นช้อปลำดับที่ 9 ของโลก หลังทยอยเปิดตามเมืองใหญ่ของโลก อาทิ ปารีส ฮ่องกง เกาหลี และจีน เป็นต้น
ตลอดจนการเข้ามาเปิดสาขาเป็นแห่งแรกในไทยที่สยามสแควร์ของ ‘24 Kilates’ ร้านสนีกเกอร์มัลติแบรนด์จากสเปน และ ‘atmos’ เชนสตรีทแวร์และสนีกเกอร์ดังจากญี่ปุ่น ที่ทาง ‘แพรพรรณ ธรรมวัฒนะ’ ได้ซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์ ก็เตรียมเปิดสาขาแรกในไทย ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิล์ด ในวันที่ 27 เมษายนนี้
นอกจากนี้ยังมีข่าวแว่ว ๆ ว่า มีสนีกเกอร์อีกหลายแบรนด์ที่จะลงทุนเปิดแฟลกชิพสโตร์ในไทย ขณะที่ร้านสนีกเกอร์มัลติแบรนด์ชื่อดังหลายราย ก็เตรียมตบเท้าเข้ามาปักธงธุรกิจในบ้านเราเช่นเดียวกัน
“ตลาดสนีกเกอร์ไทยเติบโตดี คอนซูเมอร์ก็พร้อมจ่าย หลายแบรนด์ถึงสนใจเข้ามาและลงทุนเพิ่ม อย่างนิวบาลานซ์เอง ปีนี้จะเปิดคอนเซปต์สโตร์ใหม่ 1 แห่ง ชื่อว่า เมทัลโปลิแทน ที่ใช้ทั่วโลก มีพื้นที่ 100 ตร.ม.ที่เซ็นทรัลเวิลด์”วรฉัตร ธรรมขจัดภัยกุล ผู้จัดการแบรนด์ นิวบาลานซ์ บริษัท ซีอาร์ซี สปอร์ต จำกัดแสดงความคิดเห็น
‘ไนกี้-อาดิดาส’ ครองตำแหน่ง 2 ผู้เล่นรายหลัก
เมื่อตลาดบูม และมีผู้เล่นที่มากขึ้น แน่นอนว่า การแข่งขันก็สูงตามไปด้วย โดยการออกสินค้ารุ่น ลิมิเต็ด เอดิชั่น และคอลเลคชั่น collaboration ที่มีจำนวนจำกัดยังเป็น 1 ในกลยุทธ์แม่เหล็กที่แต่ละแบรนด์ให้ความสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นหลัก ๆ ในไทย ยังเป็น 2 แบรนด์ยักษ์ใหญ่ อย่าง ‘อาดิดาส’ และ ‘ไนกี้’ ที่ครองมาร์เก็ตแชร์ส่วนใหญ่ของตลาดสนีกเกอร์ในไทยอยู่ เหตุผลเพราะว่า คนไทยติดแบรนด์ และไม่ยอมตกเทรนด์
โดยปีนี้ทั้งสองแบรนด์น่าจะสู้กันมันส์หยดและเป็นไปอย่างสูสี ซึ่งโปรดักท์ไฮไลท์ของอาดิดาส ยังคงเป็นสินค้าตระกูล NMD และ Yeezy ที่เราเห็นทยอยออกสู่ตลาด ส่วนไนกี้ ก็มีโปรดักท์เด็ด ๆ ที่น่าสนใจหลายตัวที่เตรียมออกมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ Nike Air Max เป็นต้น
ขณะที่แบรนด์อื่น ๆ ก็ไม่ยอมน้อยหน้า เตรียมส่งสินค้าที่เป็นพระเอกของตนเองออกสู่ตลาดเพื่อเรียกเงินจากกระเป๋ากลุ่มบรรดาแฟน ๆ
อาทิ นิวบาลานช์ กับการเปิดตัว รุ่น 574 Classic “Legacy of Grey” ในโอกาสครบรอบ 30 ปีของรุ่น 574 ส่วนช่วงครึ่งปีหลัง มีแผนเปิดตัวรุ่น made in USA โปรดักท์ที่เป็นไฮไลท์ของนิวบาลานช์อย่างน้อย 2 รุ่น
ฝันตลาดสนีกเกอร์ไทยโตเทียบเท่าออสเตรเลีย
ด้วยปัจจัยหนุนหลาย ๆ อย่าง ทำให้ อนุพงศ์ เชื่อว่า ในอนาคตตลาดสนีกเกอร์ในไทย อาจมีการเติบโตเท่ากับตลาดออสเตรเลีย เพราะนอกจากกระแสโลกจะเป็นตัวส่งแล้ว เวลาคนไทยคลั่งไคล้อะไร ก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก
อย่างเหตุการณ์ซอมบี้ไทยแย่งชิงรองเท้ารุ่นฮิตหลาย ๆ รุ่นที่มีภาพให้เห็นก่อนหน้านี้ และไม่ได้เกิดกับรองเท้าเพียงรุ่นเดียว แต่ภาพนี้ยังมีให้เห็นต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน
“อีกกี่ปีจะโตเท่าออสเตรเลียผมบอกไม่ได้ แต่เชื่อว่าอนาคตจะเทียบเท่า อย่างเมื่อก่อนไทยไม่ได้รับความสนใจมาก เพราะมีประเทศที่ตลาดใหญ่กว่า แต่ตอนนี้สินค้าที่ไม่เคยเข้าไทย เข้าไทยแล้ว และการที่เราได้รับสิทธิ์ Consortium จากอาดิดาส หมายถึงการเติบโตและความพร้อมของไทยในเรื่องนี้”
สำหรับภาพรวมของสนีกเกอร์ ขณะนี้ถือว่า กระแส‘แรง’ และ ‘ฮอต’ มาก เห็นได้จากที่ทุกแบรนด์ในทุกระดับมีการออกไลน์สินค้าสนีกเกอร์ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ ขณะที่ภาพในอนาคต หลายคนก็เชื่อว่า กระแสยังคงอยู่ไปเรื่อย ๆ อาจมีแรงบ้าง แผ่วบ้าง สลับกันไป แต่จะไม่หายไปจากตลาดแน่นอน
ส่วนจะพีคไปถึงขั้นไหน ขึ้นอยู่กับว่า ทำสินค้าโดนใจลูกค้าแค่ไหน และปลุกกระแสขึ้นมาได้หรือไม่ ซึ่งสำหรับผู้บริโภคไทยแล้ว ชอบสินค้าในกระแส ใส่แล้วคนรู้จัก ใส่แล้วเท่ห์และคนพูดถึง ยิ่งหายาก ยิ่งพยายามเสาะหามาครอบครองไม่ว่าจะแพงแค่ไหน โดยเฉพาะรุ่น ลิมิเต็ด อิดิชั่น และคอลเลคชั่น collaboration ที่ในปีนี้กระแสยังแรงดีเหมือนเดิม
Copyright© MarketingOops.com
อ่านบทความทั้งหมด ที่ MarketingOops.com
. ผมแค่ คอนเหวิด พอ หล่อเท่อยู่แล้ว ตีนเปล่ายังดูดีเลย ไม่อวดเก็บตังไว้แปกเป๋าเที่ยวดีก่า
25 เม.ย. 2561 เวลา 00.55 น.
กระบือรือ
24 เม.ย. 2561 เวลา 09.47 น.
Rantalo เอาที่ใส่แล้วสบายเท้าเปนใช้ได้ไม่สนยี่ห้อหรอก
24 เม.ย. 2561 เวลา 08.17 น.
Be alone. คอนเวิร์ส เมดอินไทยแลนด์ อย่าไปซื้อของมันนะห่วยสุดดดดดดดดดๆ
24 เม.ย. 2561 เวลา 08.02 น.
tum tim อย่าคิดมาก แพงก็ไม่ต้องซื้อเขา จบ
24 เม.ย. 2561 เวลา 05.36 น.
ดูทั้งหมด