ทั่วไป

ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 12.30 น. วันอังคารที่ 19 มกราคม 2564

JS100
อัพเดต 19 ม.ค. 2564 เวลา 07.20 น. • เผยแพร่ 19 ม.ค. 2564 เวลา 05.24 น. • JS100:จส.100
ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 12.30 น. วันอังคารที่ 19 มกราคม 2564

นายกฯ เผย อย.จะรับรองวัคซีนแอสตราเซเนกาในกรณีฉุกเฉินสัปดาห์นี้

          พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยความคืบหน้าในการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เตรียมรับรองมาตรฐานวัคซีนจาก AstraZeneca โดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์  โดยคาดว่าจะได้รับวัคซีนในเดือนพฤษภาคม–มิถุนายน เป็นการใช้วัคซีนในสถานการณ์ฉุกเฉิน และยังต้องมีการควบคุม โดยยืนยันว่ารัฐบาลมีหน้าที่ในการจัดหาวัคซีนโควิด-19 เพื่อดูแลประชาชนทั้งประเทศ ในอนาคตยังมีการจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพดีเพิ่มเติมได้อีก

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

          โดยในวันนี้ นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมนิทรรศการตัวอย่างผลงานวิจัยและนวัตกรรมในสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และผลงานที่ได้รับรางวัลการวิจัยแห่งชาติ : รางวัลผลงาน ประดิษฐ์คิดค้น ประจำปีงบประมาณ 2564 โดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และร่วมประชาสัมพันธ์โครงการ “ฮาวทูแยก - แยกอย่างไรไม่ให้ติดเชื้อ” โดยสำนักนายกรัฐมนตรี 

          คณะผู้บริหารกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมนำแพทย์ และทีมนักวิจัยและพัฒนา เสนอผลงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ในแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประกอบด้วย เครื่องตรวจวินิจฉัย “ลักษณะทางพันธุกรรมและการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 ในประเทศไทย” “ปัญญาประดิษฐ์ในการประเมินการใส่หน้ากากอนามัยของประชาชน” 

          รวมทั้งผลงานที่ได้รับรางวัลการวิจัยแห่งชาติ : รางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ประจำปีงบประมาณ 2564 ได้แก่ “เครื่องผลิตละอองไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์สำหรับฆ่าเชื้อ” จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ “ระบบบริการตู้อบฆ่าเชื้อไวรัสแบบไฮบริดควบคุมผ่านอินเตอร์เนตของสรรพสิ่งสำหรับการให้บริการบริเวณสถานที่สาธารณะ” จากคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

          นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณทีมแพทย์และคณะวิจัยและพัฒนา รัฐบาลพร้อมผลักดันการคิดค้นนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ สามารถนำไปสู่กระบวนแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัส ทั้งการวิเคราะห์แหล่งที่มาทำให้สามารถระบุสายพันธุ์ไวรัส ช่วยในการควบคุมให้มีประสิทธิมากขึ้น ที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งการแก้ไขปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย การจัดทำมาตรการตรวจสอบคัดกรองที่เข้มข้น ซึ่งไทยมีพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบ จึงต้องไม่ประมาทและควบคุมโรคตั้งแต่ต้นทาง รวมทั้งอยากเห็นการต่อยอดงานวิจัยเพื่อให้เกิดประโยชน์เชิงพาณิชย์ อาทิ การนำระบบบริการตู้อบฆ่าเชื้อไวรัสใช้ในสถานศึกษา โรงพยาบาล การพัฒนาเครื่องปรับอากาศให้สามารถพ่นละอองไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์สำหรับฆ่าเชื้อได้

ผู้ป่วยใหม่ 171 คนรวมสะสม 12,594 คน

          สถานการณ์ประเทศไทย วันที่ 19 มกราคม 2564 มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 171 คนรวมผู้ป่วยยืนยัน สะสม 12,594 คน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

หายป่วยเพิ่มขึ้นอีก 150 คน รวมหายป่วยกลับบ้านได้แล้ว 9,356 คน เหลือที่ยังรักษาในโรงพยาบาล 3,168 คน

ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ยอดคงที่ 70 ราย

นอร์เวย์แจงยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดผู้สูงอายุเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนโควิด

          หน่วยงานด้านสุขภาพของนอร์เวย์ระบุว่า ยังไม่พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่า วัคซีนต้านโรคโควิด-19 มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเสียชีวิตของผู้สูงอายุหลายราย หลังจากได้รับการฉีดวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ที่ผลข้างเคียงจากการรับวัคซีนจะส่งผลให้เกิดอาการเจ็บป่วยที่รุนแรงมากขึ้น และมีแนวโน้มที่ผู้สูงอายุในบ้านพักคนชราจะเสียชีวิตหลังจากได้รับวัคซีนเพียงไม่นาน เนื่องจากการเสียชีวิตจะพบได้บ่อยในผู้สูงอายุที่ร่างกายอ่อนแอและมีอาการเจ็บป่วย

          นายแพทย์ไซนาร์ เมดเซน ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของสำนักงานยาแห่งนอร์เวย์ เปิดเผยว่า เป็นเรื่องยากที่จะพิสูจน์การเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนกับการเสียชีวิต จนถึงปัจจุบันนอร์เวย์มีผู้เสียชีวิตหลังจากที่ได้รับวัคซีนแล้ว 33 ราย ทั้งหมดเป็นผู้ที่มีอายุมาก 75 ปีขึ้นไป และมีอาการป่วยเรื้อรัง โดยนอร์เวย์ได้ฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุที่อยู่ในบ้านพักคนชราไปแล้วมากกว่า 48,000 ราย

องค์การอนามัยโลกเตือนโลกล้มเหลวด้านศีลธรรม

          นายแพทย์ทีโดส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก กล่าวเตือนว่าโลกกำลังล้มเหลวในด้านศีลธรรม เนื่องจากการที่ประเทศร่ำรวย ได้รับสิทธิพิเศษเกี่ยวกับวัคซีน โดยมีการแจกจ่ายวัคซีนไปแล้วมากกว่า 39 ล้านโดสให้แก่ประเทศที่มีรายได้สูงอย่างน้อย 49 ประเทศ ขณะที่มีการแจกจ่ายวัคซีนให้แก่ประเทศที่มีรายได้ต่ำแห่งหนึ่งเพียง 25 โดส

ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ยังเรียกร้องให้ประเทศที่มีข้อตกลงกับผู้ผลิตวัคซีนในโครงการโคแวกซ์เปิดเผยข้อมูลเพื่อแสดงความโปร่งใสของสัญญาด้วย

วิสามัญ ‘เปิ้ล กำแพงแสน’ เอเย่นต์เคนมผง

          ตำรวจชุดจับยาเสพติดจังหวัดนครปฐมวิสามัญ นายวสันต์ เขียวหอม หรือ เปิ้ล กำแพงแสน อายุ 41 ปี เอเย่นต์ยาเสพติดรายสำคัญ ขณะเตรียมส่ง ‘เคนมผง’ ให้ลูกค้า โดยจุดเกิดเหตุคือบริเวณป่ากก ริมถนนไผ่เตย อำเภอเมืองนครปฐม ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืนตกอยู่ข้างกายผู้เสียชีวิต ส่วนในกระเป๋ากางเกงพบเคนมผง 1 ซอง ยาอีมากกว่า 40 เม็ด และเงินสดจำนวนหนึ่ง กับมีรถกระบะ 4 ประตู และรถยนต์อีก 2 คันจอดอยู่ ซึ่งของกลุ่มค้ายาเสพติด

          โดยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบจังหวัดนครปฐม ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการนัดส่งยาเสพติด เจ้าหน้าที่ชุดจับยาเสพติด จึงนำกำลังมาดักรอจนพบว่า รถทั้ง 2 คันเข้ามาจอดต่อท้ายในลักษณะน่าสงสัย เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจค้น แต่ “เปิ้ล กำแพงแสน” ยิงใส่เจ้าหน้าที่แล้ววิ่งหนี เจ้าหน้าที่จึงติดตามไปและวิสามัญ เหตุการณ์นี้ เจ้าหน้าที่จับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการได้อีก 2 คน ซึ่งเป็นคนขับรถยนต์และรถกระบะ

ผบช.ภ.1 สั่งกวาดล้างยาเสพติดทุกประเภท

          พลตำรวจโทอำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แถลงผลปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นและกวาดล้างเครือข่ายค้ายาเสพติดทุกประเภทในพื้นที่ระหว่างวันที่ 13-18 มกราคมที่ผ่านมา หลังพบการแพร่ระบาดของยาเสพติดชนิดใหม่ เคนมผง และเคทะเลทราย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตจากการเสพยาชนิดนี้ไปแล้วหลายราย

          ผลการระดมกวาดล้างสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ 563 คดี ผู้ต้องหา 592 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติด 9 คน ยึดของกลางยาบ้า ไอซ์ กัญชา พืชกระท่อม เคตามีน ยาอี อาวุธปืน และขยายผลอายัดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดกว่า 8 ล้านบาท ซึ่งพลตำรวจโทอำพล เปิดเผยด้วยว่า กำลังมีการขยายผลจับกุมเครือข่ายค้าเคนมผงในพื้นที่ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี ที่เกี่ยวพันกับการจับกุมผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ สน.สายไหม ที่ซัดทอดว่ามีเอเย่นต์อยู่ในพื้นที่ย่านลำลูกกาคลอง 2 จนไปจับกุมเคนมผงได้ 23 กรัม เมื่อไม่นานมานี้ โดยชุดสืบสวนอยู่ระหว่างเฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหวกลุ่มค้ายา 1-2 กลุ่ม ที่เกี่ยวข้องกับเคนมผง ขยายผลหาต้นตอขบวนการที่เกี่ยวข้อง ส่วนต้นตอแหล่งผลิต ตั้งข้อสงสัยว่าอาจมาจากพื้นที่หลายจังหวัด

          ผู้ค้ายาหรือวัยรุ่นส่วนใหญ่ที่ถูกสอบสวนขยายผลยอมรับว่าไม่รู้จักยาตัวนี้มาก่อน จึงตั้งข้อสังเกตว่ายาเคนมผง หรือเคทะเลทราย เป็นยาเสพติดที่ใช้ในกลุ่มผู้มีฐานะ เพราะมักพบนำไปใช้ตามงานสังสรรค์ โดยอ้างว่าเพื่อความสนุก ซึ่งข้อมูลส่วนผสมจาก ป.ป.ส. พบว่าในการผลิตเป็นเคนมผง จะใส่ยานอนหลับเข้าไป 50-100 เม็ด จึงเป็นที่มาที่ทำให้ผู้เสพมีอาการง่วงนอนเป็นพิเศษ

….

ดูข่าวต้นฉบับ