ไอที ธุรกิจ

ปณท.นำรถยนต์ไฟฟ้าขนพัสดุรับเทรนด์โลก ประหยัดพนักงาน-เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม- ต้นทุนต่ำ

สยามรัฐ
อัพเดต 15 ก.ย 2562 เวลา 05.54 น. • เผยแพร่ 15 ก.ย 2562 เวลา 05.54 น. • สยามรัฐออนไลน์

ปณท.เดินหน้าทดลองใช้ รถยนต์ไฟฟ้าขนพัสดุรับเทรนด์โลก ประหยัดพนักงาน-เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม-ต้นทุนต่ำแค่ กม.ละ 50 สต.

นางสมร เทิดธรรมพิบูลย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) เปิดเผยว่า โครงการนำรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มาใช้ในการขนส่งไปรษณีย์ เราคุยเรื่องนี้มานานกว่า 4 ปีแล้ว เมื่อก่อนเคยนำเข้ามาทดลองใช้ 2 คันที่ จ.เชียงใหม่ ในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา ตอนนั้นยังไม่ตอบโจทก์ ยังมีปัญหาหลายอย่าง จึงหยุดโครงการไป เรื่องนี้ต้องรอบคอบ เพราะไปรษณีย์ไทย ไม่ใช่องค์กรที่มีรายได้มากมาย ยิ่งตอนนี้มีการแข่งขันตัดราคากันอีก แม้ว่าชิ้นงานของเราจะไม่ลดลง แต่ราคาได้ไม่เหมือนเก่า

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

อย่างไรก็ตามเรื่องการนำรถ EV มาใช้ในการขนส่งพัสดุไปรษณีย์ ยังมีแนวคิดอยู่ เพราะมองเรื่องประหยัดต้นทุน ประหยัดพลังงาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมองหารถที่มีคุณภาพเหมาะสม โดยเซ็นเอ็มโอยูกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)ให้เป็นผู้รับจัดหารถยนต์ EV ให้ เป็นการเซ็นสัญญาระหว่างองค์กรรัฐด้วยกัน รถ EV ที่ กฟภ. นำมาเสนอในครั้งนี้ จากที่ประเมินเบื้องต้นโอเค แต่เป็นรถที่เหมาะกับการนำส่งพัสดุตามบ้าน ไม่ใช่รถบรรทุกขนาดใหญ่ วันนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นซึ่งต้องทดสอบดูว่าใช้งานได้จริงตามความต้องการหรือไม่

นายชัยยุท สัฏชนะ หัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์คลองหลวง กล่าวว่า รถที่ กฟภ.นำมามอบให้ทดลองใช้ในครั้งนี้เคยทดสอบขับดูแล้วใช้ได้ไม่มีปัญหา คือดูว่า แบตเตอรี่เหลือเพียงแค่ 30% ยังใช้ได้หรือไม่ พบว่ารถรุ่นนี้ออกตัวดีเหมือนรถยนต์ทั่วไป แต่เสียงเงียบ เคยทดสอบขับลุยน้ำ 30 ซ.ม.ก็ไม่มีปัญหาอะไร ใช้ง่าย ประหยัดพลังงาน ค่าใช้จ่ายเพียง กม.ละ 0.50 บาท ขณะที่รถใช้น้ำมันต้นทุนตกกม.ละ 2-3 บาท

ทั้งนี้ข้อสำคัญที่ผ่านมา เราใช้บัตรเติมน้ำมันให้พนักงานไปรษณีย์ ซึ่งควบคุมค่าใช้จ่ายได้ยากคือไม่รู้ว่าเมื่อเติมแล้ววิ่งในงานหรือนอกงาน จอดนอนหรือเอาไปเติมคันอื่นตรวจสอบยาก แต่ถ้าใช้รถ EV จะแก้ปัญหาได้หมดคือพนักงานขับรถต้องมาชาร์จไฟที่สำนักงาน ตัดปัญหาเรื่องการควบคุมค่าใข้จ่ายบัตรเติมน้ำมันไปได้

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

โดยจากนี้ไปต้องดูว่าเวลาไปวิ่งถนนหลวง ซึ่งใช้ระยะทางประมาณ 160 กม.ต่อวัน ใช้ได้จริงหรือไม่ ซึ่งตามสมรรถนะของรถสามารถชาร์จครั้งเดียววิ่งได้ 300 กม. ทดลองเบื้องต้นพบว่าใกล้เคียง ตอนนี้จึงทดลองนำไปใช้วิ่งในสาขาคลองหลวง ที่มีพื้นที่มากถึง 327 ตร.กม.ทดสอบดูในพื้นที่ว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่

นายเลิศชาย แก้ววิเชียร ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไล่มาแต่เริ่มเลย คือทาง กฟภ. ร่วมกับ ปณท. เซ็นเอ็มโอยูเพื่อจัดหารถ EV ประหยัดพลังงาน ลดมลภาวะแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งทาง กฟภ.ได้เปิดธุรกิจใหม่ใน 2 ด้าน ด้วยกันคือ 1.ธุรกิจประหยัดพลังงาน ประหยัดการใช้ไฟฟ้าในอาคาร เช่น การเปลี่ยนหลอดไฟ แอร์ การติดตั้งโซลาเซลส์สำหรับอาคาร2.การจัดหารถ EV ให้กับองค์กรต่างๆ โดยที่ กฟภ.เป็นผู้ลงทุนให้ทั้งหมด องค์กรต่างๆทยอยจ่าย และคิดค่าใช้จ่ายต่ำจากอัตราประหยัดพลังงาน เช่น ประหยัดพลังงานได้ 100 บาท องค์กรต่างๆจ่ายให้ กฟภ.เพียง 90 บาท

“เรื่องรถยนต์ EV ก็เหมือนกัน เรามีหน้าที่จัดหารถที่มีเทคโนโลยีเหมาะสมมาให้องค์กรต่างๆ ใช้ ตรงนี้เป็นเทรนด์ของโลก กรณีของ ปณท.เราต้องจัดหารถที่มีคุณภาพมาให้ เป็นรถที่ใช้งานได้จริง ประหยัดพลังงาน คุ้มค่ากว่ารถใช้น้ำมัน อย่างของ บริษัทแอดวานซ์ เพาเวอร์เทค จำกัดที่นำมาเสนอนี้ ตามสเป็คระบุว่า ชาร์จครั้งเดียววิ่งได้ 300 กม.เป็นจริงหรือไม่ เราต้องตรวจสอบวัดผลดู กฟภ.เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้เรามีการวิจัยมานาน ต้องมองว่าคุ้มค่า เหมาะสมกับงาน เช่น ต้องการบรรทุกน้ำหนักเท่านี้ วิ่งได้กี่กม. ก็ต้องจัดหามาทดสอบจนพอใจแน่ใจ ซึ่งทาง ปณท.ไม่ต้องซื้อ เราจัดหามาให้เช่าเอง”

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ทั้งหมดนี้เป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องของ กฟภ.ให้องค์กรต่างๆได้ใช้ของดีราคาถูก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงาน และจากการที่ไปดูโรงงานผลิตรถยนต์ที่จีน และการใช้รถยนต์ EV ในจีน ตอนนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดามากใช้กันเป็นเรื่องปกติทั่วไป เมื่อกลับมาจึงนำรถเข้ามาทดสอบว่าสามารถวิ่งได้จริงตามสเป็คที่ต้องการหรือไม่ และจีนมีอากาศหนาว เมื่อนำมาใช้ในไทยแบตตเตอรี่มีปัญหาหรือไม่ ซึ่งได้ทดสอบแล้วพบว่าวิ่งได้ใกล้เคียง 300 กม.ต่อการชาร์จครั้งเดียว เสียค่าพลังงานแค่กม.ละ 0.50 บาทถูกกว่าน้ำมันที่ต้นทุนกม.ละ 2-3 บาท จึงนำมาเสนอต่อ ปณท.ตามที่ได้เซ็นเอ็มโอยู

"ข้อสำคัญคือ เราต้องพิสูจน์ให้คนทั่วไป และภาคเอกชนเห็นว่า รถ EV ใช้งานได้จริง ต้นทุนต่ำ ประหยัดพลังงาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเป็นการเอื้อประโยชน์ระหว่างหน่วยงานรัฐ ถ้าใช้งานได้จริงได้ดี ต่อไปภาคเอกชนเกิดความมั่นใจก็จะจัดหามาใช้กันเอง เราเป็นภาครัฐมีหน้าที่ต้องส่งเสริม ใช้ให้ดูเป็นตัวอย่าง”

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 2
  • จรศ
    ผลการตัดสินใจเลือกใช้เป็นประโยชน์แก่องค์กรอื่นแน่นอน ช่วยระบุสเปครถและราคาด้วยครับ หากราคายังสูงอยู่ก็จะร้องเพลงรอไปก่อน
    16 ก.ย 2562 เวลา 01.46 น.
  • เยี่ยมเลยครับ เป็นการพัฒนาครั้งสำคัญของไปรษณีย์ไทย
    16 ก.ย 2562 เวลา 01.12 น.
ดูทั้งหมด