ไม่ว่าการเคลื่อนไหวของ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านบนเวทีอภิปรายที่ชลบุรี ไม่ว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่ม New Consensus Thailandบนเวทีอภิปรายที่ฉะเชิงเทรา
นี่คือการเคลื่อนไหวในทาง”การเมือง” นี่คือการเคลื่อนในทาง “ความคิด”
เพียงแต่ที่ชลบุรีอาจเน้นในเรื่อง EEC
ขณะที่ที่ฉะเชิงเทรามีความพยายามประสาน ECCเข้ากับ รัฐธรรมนูญ เน้นบทบาทและความสำคัญของรัฐธรรมนูญกับเศรษฐกิจ
เป้าหมายก็คือ จินตนาการใหม่ ข้อตกลงใหม่ อันนำไปสู่ไปรัฐธรรมนูญใหม่
ทั้งหมดนี้ย่อมเป็น”สีสันใหม่”ในทางการเมือง
ที่การเคลื่อนไหวของ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านกลายเป็นของแปลก ที่ การเคลื่อนไหวของ New ConsessusThailandเป็นของแปลก
เพราะว่าเป็นการเหยียบบาทก้าวเข้าสู่”มิติใหม่”และสร้างสีสันและความเคยชินใหม่ในทางการเมือง
นี่ย่อมแตกต่างไปจาก”ขนบ“เดิมของการเมืองที่เคยเกิดขึ้น
จินตภาพทางการเมืองเดิมต่อพรรคการเมืองคือการเลือกตั้ง และการทำงานในรัฐสภา
การเลือกตั้งอาจเป็นมหกรรมยิ่งใหญ่ ทุ่มเททำงานกันในขอบเขตทั่วประเทศ และเมื่อการเลือกตั้งจบสิ้นงานของพรรคการ เมืองและนักการเมืองก็อยู่ในรัฐสภาอยู่ที่การประชุม
เมื่อหมดสมัยประชุมก็ออกเยี่ยมเยียนประชาชนเป็นเรื่องแบบตัวใครตัวมัน นี่ย่อมตรงกันข้ามกับที่ 7 พรรคฝ่ายค้านดำเนิน การ
บทบาทของ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงเป็นการเบิกมิติใหม่อันทำให้พัฒนาไปมากยิ่งกว่าการเป็นพรรคเลือกตั้ง พรรคสภา
เมื่อเป็นของใหม่จึงย่อมจะถูกมองด้วยความไม่เข้าใจไม่ว่าจะมาจากรัฐบาล ไม่ว่าจะมาจากพรรคร่วมรัฐบาล
เพราะยังติดอยู่กับความเคยชินเก่า พรรคการเมืองแบบเก่า
กระนั้น บทบาทและการเคลื่อนไหวของ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงเท่ากับเป็นสัญญาณบ่งบอกให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแล้วในทางการเมือง
เชื่อได้เลยว่า ทิศทางนี้จะยิ่งคึกคักหนักแน่นมากเป็นลำดับ
นะจ้ะ มีแต่ป่วนเขาเท่านั้นไม่ทำส้นตีนไร
23 ก.ย 2562 เวลา 02.41 น.
Prayoon S. ถ้าการเมืองเปลี่ยนไปในทางสร้างสรรค์ นักการเมืองเข้าถึงประชาชนมุ่งประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ในสภาก็ทำหน้าที่ของตัวเองไปตามหน้าที่แต่ละฝ่าย ผมว่าประชาชนส่วนใหญ่จะเข้าใจ เมื่อถึงเวลาเลือกตั้ง ประชาชนจะเลือกคนที่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติสูงสุด
23 ก.ย 2562 เวลา 01.35 น.
ดูทั้งหมด