คุยกับ “แพททริค คุณ” นักมายากลคนไทยผลงานระดับโลก เบื้องหลังโชว์เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์!

เขาคือนักมายากลคนไทยที่ไปสร้างผลงานไว้ระดับโลก จากการเป็นเบื้องหลังโชว์เด็ดๆ ของนักมายากลชื่อก้องโลก เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ สู่กัปตันทีมนักมายากลนานาชาติในรายการ The Amazing Magicians ที่ฉายในประเทศจีน เล่นกลประกบกับฟานปิงปิง และมีคนดูเป็นหลักล้านทั่วประเทศ แพทริค คุณ คือหนึ่งในบุคคลที่น่าจับตามองประจำปี 2018 นี้ และนี่คือบทสัมภาษณ์สุดพิเศษระหว่าง LINE TODAY และแพททริคเกี่ยวกับอาชีพสุดพิศวงนี้ 

จุดเริ่มต้นของนักมายากลที่ชื่อว่า “แพททริค คุณ” คืออะไร

“จริงๆ เราชอบมายากลตั้งแต่เด็กๆ นะ พวกโชว์ที่เขามาเล่นตามโรงเรียนบ้าง นั่งดูโชว์ของเดวิด คอปเปอรส์ฟิลด์ในทีวีบ้าง แล้วเราก็รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดา แต่ก็ยังไม่ได้จริงจังอะไรกับมายากล จนกระทั่งแพทอายุประมาณ 15 ได้ ไปเจอเพื่อนคนนึงเล่นมายากลให้ดู แล้วเราก็รู้สึกแบบว่า เฮ้ย มายากลเกิดขึ้นในมือของเราเอง ตอนนั้นเราประทับใจในความรู้สึกนั้นมากๆ เลย ทำให้อยากรู้ถึงความลับของศาสตร์นี้ พอดีกับช่วงคริสต์มาสปีนั้น ได้ของขวัญคริสต์มาสจากเพื่อนมาเป็นเซตมายากล มีอุปกรณ์แล้วก็วีดีโอเทป เราก็มานั่งซ้อม ก็เลยเริ่มต้นศึกษามายากลตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา”

จำกลที่เล่นครั้งแรกในชีวิตได้ไหม

“ตอนเรียนอยู่อนุบาล ช่วงนอนพักกลางวัน เราก็ไปขันน็อตออกมาจากใต้เตียงที่โรงเรียนแล้วไปหลอกเพื่อนว่าฉันจะทำน็อตตัวนี้ให้หายไป พวกเธอคอยดู แล้วเราก็เอาน็อตทั้งตัวซ่อนเข้าไปในจมูก ซึ่งพอยัดเข้าไปมันก็หายไปจริงๆ แต่สุดท้ายเอาออกมาไม่ได้ เลือดก็เริ่มไหลหยดๆ ออกมา ครูเลยต้องรีบโทรหาแม่แล้วส่งเราไปโรงพยาบาล พอมองย้อนกลับไปตอนนั้นก็ตลกดีเพราะตอนนี้เราก็ได้มาเป็นนักมายากลจริงๆ แล้ว”

เริ่มจริงจังกับมายากลเมื่อไร

“น่าจะเป็นช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยที่พอเราเล่นมายากลเรื่อยๆ ก็เริ่มพยายามหาอะไรใหม่ๆ มาใส่ในทริคของเรา หาสไตล์ของตัวเอง จากที่ไปเรียนกลของคนอื่นมา เราก็เริ่มแก้จุดนู้นจุดนี้ เอาไอเดียเก่ามาพัฒนาให้เป็นกลใหม่ๆ ตอนนั้นเรียนกราฟิคดีไซน์ และเป็นช่วงที่เริ่มทำวีดีโอ ฝึกถ่ายคลิป ตัดต่อ แล้วก็ปล่อยให้คนได้ดูบน YouTube ซึ่งคนก็ชอบไอเดียของเรา แล้วก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงเล็กๆ มากขึ้น”

“จริงๆ ไม่เคยคิดจะเล่นมายากลเป็นอาชีพเลย”

“พ่อแม่อยากให้เราเรียนจบโท ตามสไตล์ความคิดของผู้ใหญ่อ่ะเนอะ อยากให้เราได้เรียนต่อในอาชีพที่มั่นคง เราก็เลยสมัครเรียนต่อด้านอาร์ทไป ซึ่งก็สอบติดมหาวิทยาลัยแล้ว แต่เป็นช่วงที่เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ กำลังหาคนที่จะไปช่วยทำโชว์อีก 1 คนพอดี เพื่อนก็ติดต่อมาบอกว่าให้ลองไปดูเพราะตอนนั้นก็เริ่มมีคนเห็นผลงานและสไตล์ของเราแล้ว ซึ่งก็ลองไปสมัครดูแล้วเขาก็เลือกเราด้วย ตอนนั้นดีใจมากๆ นะ เพราะเราก็ดูโชว์เขามาตั้งแต่เด็กๆ การได้ไปเจอและได้ไปทำงานกับเขาเหมือนความฝันเป็นจริงเลย เราก็ตัดสินใจบอกพ่อแม่ว่าขอพักการเรียนไปก่อน แล้วก็ย้ายจากเมืองเล็กๆ ไปใช้ชีวิตอยู่ที่เวกัสเลย”

การได้ทำงานกับเดวิด คอปเปอร์ฟิลด์คือจุดพลิกผันของชีวิตเลยไหม

“เราว่าก็ใช่นะ ด้วยความที่เมืองที่เราไปอยู่เป็นเมืองเล็กๆ ในรัฐไอโอว่า ทั้งเมืองไม่มีนักมายากลที่ทำอาชีพนี้จริงจังเลยสักคน พอได้ไปสัมผัสลาส เวกัสมันคืออีกหนึ่งบรรยากาศเลย เราทำงานเป็นทั้งที่ปรึกษาทั้งเรื่องมายากล คอยช่วยคิดทริคใหม่ๆ ให้ แล้วก็ช่วยทำกราฟิคดีไซน์ให้ด้วย แต่พอทำไปสักเกือบๆ ปี เราก็เริ่มรู้สึกว่างานด้านนี้มันไม่ค่อยมั่นคง ก็เหมือนฟรีแลนซ์ทั่วๆ ไปที่ถ้าไม่มีคอนเนคชั่นเยอะพอ บางเดือนก็ไม่ค่อยมีงานเข้ามาเลย”

ตอนนั้นเลิกล้มความคิดที่จะเป็นนักมายากลเลยหรือเปล่า

“ก็ยังนะแต่คิดว่าคงไม่ได้ทำเป็นอาชีพจริงจังแล้ว เราก็ลาออกจากทีมของเดวิดแล้วไปสมัครงานประจำครั้งแรกในชีวิตเลย เป็นบริษัทโฆษณา สมัครเข้าไปเป็นกราฟิคดีไซเนอร์ แม่ก็ดีใจมากๆ เพราะเขาเป็นห่วงเรื่องความมั่นคงของเรามาโดยตลอด ก็ทำงานแบบนั่งโต๊ะ เข้า 9 โมง เลิก 5 โมงเย็น มีสวัสดิการ มีประกัน เราก็รู้สึกดีนะ แต่พอมานั่งเช็คบัญชีธนาคาร ทำไมรู้สึกเหมือนยอดเงินมันเพิ่มขึ้นช้าๆ ยังไงก็ไม่รู้ ระหว่างนั้นมันก็มีงานนอกเข้ามาเรื่อยๆ เพื่อนก็ชวนไปทำงานเป็นจ๊อบๆ แต่เราก็ลางานไปไม่ได้ แม่ก็โทรมาถามว่าเมื่อไรจะกลับไทย เราก็กลับไม่ได้เพราะวันหยุดมีไม่พอ ติดหลายอย่างจนมีงานนึงติดต่อเข้ามา ให้ไปทำโชว์ของรายการทีวีในอังกฤษ 11 สัปดาห์ให้เงินเท่านี้นะ ซึ่งพอเรามานั่งคำนวณ หนึ่งอาทิตย์ของงานนี้เท่ากับเงินเดือนของเราทั้งเดือน ตอนนั้นก็ลังเลแล้วว่าจะเอายังไงดี เพราะเพิ่งทำงานได้ 7 เดือนแล้วถ้าลาออกไปแล้วมันก็ต้องเสี่ยงดวงอีกครั้ง โชคดีที่หัวหน้าเข้าใจและอยากให้เราทำตามความฝัน ก็ยอมให้เราลางาน 2 เดือนครึ่งโดยที่ไม่รับเงินเดือน กลับมาแล้วค่อยทำต่อตำแหน่งเดิม แต่สุดท้ายแล้วงานใหม่ก็อยากให้ต่อสัญญาอยู่อีกเดือนครึ่ง เราเลยตัดสินใจอีกครั้ง โทรไปบอกหัวหน้าว่าขอลาออกแล้วก็ไม่ได้กลับไปทำงานประจำอีกเลย”

แล้วเป้าหมายในการทำอาชีพนี้เริ่มชัดเจนขึ้นเมื่อไร

“เริ่มมาช่วงหลังๆ นี้แหละที่เราได้แสดงโชว์ของตัวเอง เหมือนแต่ก่อนเราเป็นนักเขียนเพลงเบื้องหลัง ช่วยคิดโชว์และเป็นที่ปรึกษาให้กับคนอื่น ตอนนี้ก็เริ่มได้ทำงานให้ตัวเองมากขึ้นแล้ว จุดเปลี่ยนอีกครั้งคือปีที่ผ่านมา ไปทำงานเป็นเบื้องหลังให้กับรายการโทรทัศน์ในจีนชื่อว่า The Amazing Magicians เริ่มทำตั้งแต่ศูนย์ ช่วยพัฒนาไอเดีย จนพอทำไปได้สักพัก ก็เป็นจังหวะที่เขากำลังหานักมายากลที่จะไปอยู่ในโชว์นี้พอดี ซึ่งเป็นรายการที่ใหญ่มาก มีนักมายากลจากทั่วโลกมาแข่งกัน มีทีมจีน ทีมจากอเมริกา เราก็ได้เป็นกัปตันของทีมอินเตอร์ที่รวมหลายๆ ชาติเอาไว้ มีทั้งอเมริกา สเปน สวีเดน แล้วเราก็เป็นคนไทยคนเดียวในโชว์นี้ ซึ่งก็ได้รับฟีดแบคที่ดีมากๆ แล้วก็ได้แฟนคลับคนจีนเพิ่มขึ้นมาเยอะเลย”

สังคมนักมายากลเป็นแบบไหน ทุกคนหวงกลตัวเองกันหรือเปล่า

“พูดตามตรงเลยว่าเวลาที่นักมายากลมาอยู่ด้วยกัน เราจะเนิร์ดกันมากๆ เพราะมันเป็นอาชีพที่ทำด้วยความชอบจริงๆ ถ้อย่างเวลานัดเจอเพื่อนๆ นักมายากลกัน นัดไปบาร์กันนะ แต่ก็พกไพ่กันไป เอากลของตัวเองมาเล่นแจมกัน ช่วยกันเทสท์ไอเดียใหม่ๆ มาเล่นให้กันดู ซึ่งนักมายากลด้วยกันจะสามารถให้ฟีดแบคที่ดีที่สุดได้ เพราะเรารู้ความลับของแต่ละกลเหมือนๆ กัน อีกอย่างคือเวลาเราเดินทางไปที่ไหน มายากลทำให้เราได้เจอเพื่อนใหม่ๆ ที่สามารถเป็นเพื่อนกันได้ทันทีเลย สังคมนักมายากลจะเฉพาะกลุ่มมากๆ เรามีกันอยู่ไม่กี่คนในโลก เพราะฉะนั้นคอมมิวนิตี้ของเราจะเล็ก”

คิดว่าวงการมายากลของเมืองไทยถึงจุดไหนแล้วถ้าเทียบกับต่างประเทศที่แพททริคเคยได้ไปสัมผัสมา

“แพทว่าในเมืองไทย อาชีพนักมายากลเหมือนยังไม่ได้เป็นที่รองรับสักเท่าไร เหมือนคนยังไม่ค่อยเห็นว่ามายากลทำอะไรได้บ้าง อย่างในต่างประเทศ มายากลถูกใช้ในโฆษณา ในงานแต่งงาน มีโชว์ตามร้านอาหารระหว่างรออาหารเสิร์ฟ หรือแม้แต่ตอนที่เซอร์ไพรซ์ขอแต่งงาน มีหลายรูปแบบมากๆ และสามารถเอาไปปรับใช้ได้กับทุกอย่าง ที่ไทยหลายๆ คนยังติดภาพของมายากลที่เสกนก เสกกระต่ายอยู่ ซึ่งจริงๆ แล้วแพทว่ามันก็ไม่ได้จำกัดอยู่ที่แค่นั้นนะ”

โมเมนท์ที่ประทับใจที่สุดของการเป็นนักมายากล

“คือตอนที่เราได้เห็นรีแอคชั่นของคนดู ทำให้ทุกคนได้กลับมาตื่นเต้นเหมือนเป็นเด็กอีกครั้ง ซึ่งมันไม่มีอะไรอย่างอื่นที่สามารถดึงความรู้สึกนั้นได้ดีเท่ามายากลแล้ว แต่ที่แพทประทับใจสุดๆ คือตอนที่ได้รับข้อความในเพจจากคนที่ติดตามเราคนหนึ่ง เขาบอกเราว่าเคยติดเหล้าขั้นหนัก เจอปัญหาในชีวิตหนักๆ มามากจนแบบเกือบจะตาย แต่พอเขาได้มาเห็นมายากลเรา เขาก็เริ่มสนใจแล้วก็เริ่มศึกษาจนทุกอย่างดีขึ้น เหมือนมายากลช่วยเปลี่ยนชีวิตเขาและเราก็ดีใจมากๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งในนั้น”

เคยแพลนไหมว่าจะเล่นมายากลไปถึงอายุเท่าไร

“คงเล่นไปเรื่อยๆ จนแก่เพราะเรากับมายากลคงตัดไม่ขาดจริงๆ คือถ้าให้เลือกระหว่างแฟนกับมายากล เราเลือกมายากลนะ คนใกล้ตัวแพทจะบอกได้เลยว่าในหัวเราคิดแต่กลใหม่ๆ ตลอดเวลาจริงๆ ซึ่งมายากลกลายเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในชีวิตของเราไปซะแล้ว”

ติดตาม แพททริค คุณ ได้ที่อินสตาแกรม @patrickkun  และเฟซบุคเพจ Patrick Kun