พิซซาฮัท และเวนดีส์ เป็นเชนร้านอาหารขนาดใหญ่ของอเมริการายล่าสุด ที่ทนพิษ “โควิด-19” ไม่ไหว ต้องยื่นขอล้มละลายเพื่อพิทักษ์ทรัพย์ และทำให้คนงานเกือบ 40,000 ใน 27 รัฐ อยู่ในสภาพเสี่ยงตกงาน
เอ็นพีซี อินเตอร์เนชันแนล ผู้บริหารร้านพิซซาฮัท กว่า 1,200 สาขา (จากทั้งหมดประมาณ 7,100 สาขา) กับ ภัตตาคาร เวนดีส์ อีกเกือบ 400 สาขาทั่วสหรัฐอเมริกา ยื่นขอความคุ้มครองจากเจ้าหนี้ตามมาตรา 11 ของกฎหมายล้มละลายในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม หลังต้องแบกภาระหนี้เกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์ ท่ามกลางต้นทุนอาหารและการว่าจ้างแรงงานที่เพิ่มสูงขึ้น ก่อนจะประสบปัญหาซ้ำซ้อนในช่วงวิกฤตโควิด-19 ทำให้แฟรนไชส์ ที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทอย่าง พิซซาฮัท ต้องปิดร้านชั่วคราว และยอดขายลดลงอย่างมาก
ทั้งนี้ เอ็นพีซี มีพนักงานในส่วนของเชนร้านอาหารทั้งสองแห่งรวมกันเกือบ 40,000 คนใน 27 รัฐ
ซีอีโอ ของ เอ็นพีซี ระบุว่า การยื่นขอความคุ้มครองครั้งนี้เพื่อประเมินและปรับปรุงพอร์ทโฟลิโอด้านภัตตาคารของบริษัทให้ได้ประโยชน์สูงสุด เพื่อให้อยู่ในสถานะที่จะตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าทั่วทั้งประเทศได้ และว่าเอ็นพีซี จะยังคงดำเนินกิจการของทั้งพิซซาฮัทและเวนดีส์ ต่อไปขณะที่ทำตามกระบวนการในมาตรา 11
ข่าวบอกว่า ยอดขายของ พิซซาฮัท ทุกสาขาทั่วประเทศ เริ่มกระเตื้องขึ้นจากระดับต่ำสุดเมื่อเดือนมีนาคม แต่ก็เกิดการระบาดของโควิด-19 อย่างหนัก จนทำให้ยอดขายลดลงอีกครั้ง
เอ็นพีซีเป็นบริษัทอเมริกันล่าสุดที่ยื่นขอความคุ้มครองตามกฎหมายล้มละลายเพราะวิกฤตโควิด หลังจากที่มีบริษัท “บิ๊กเนม” ของอเมริกาจำนวนมากยื่นขอความคุ้มครองไปก่อนแล้ว เช่น จีเอ็นซี ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของร้านพิซซ่าขวัญใจเด็กๆ อย่าง Chuck E. Cheese’s, 24 อาวร์ฟิตเนส, นีแมน มาร์คัส, เจ. ครูว์, เจ.ซี.เพ็นนี, บริษัทรถเช่า เฮิร์ซ เป็นต้น.
ข่าวบอกว่าวิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทำให้การยื่นขอความคุ้มครองจากเจ้าหนี้ตามมาตรา 11 ของกฎหมายล้มละลายในอเมริกา ตลอดช่วงห้าเดือนแรกของปี 2020 เพิ่มขึ้นถึง 48 เปอร์เซ็นต์ในเมื่อเทียบกับปี 2019 โดยเฉพาะช่วงระหว่างเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมที่ผ่านมา มีการยื่นเรื่องขอล้มละลายต่อศาลมากถึง 165 คดี ถือว่าเพิ่มถึง 30 เปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว
เชนร้านอาหาร เป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ในสหรัฐฯ รุนแรงที่สุด โดยสมาคมร้านอาหารแห่งชาติ (the National Restaurant Association) ประเมินว่าจะเกิดความสูญเสียในอุตสาหกรรมร้านอาหารตลอดปี 2020 มากกว่า 240 พันล้านดอลลาร์ เพราะการห้ามให้บริการแบบ ไดน์-อิน หรือการลดจำนวนที่นั่งในร้าน เพื่อปฏิบัติตามระเบียบเรื่องการเว้นระยะห่าง อาจส่งผลให้ร้านอาหารส่วนมากขาดรายได้ไม่ต่ำกว่า 80 เปอร์เซ็นต์.
ขอบคุณข้อมูลข่าวสารจาก siamtownus
P’ BOb ไม่มีดราม่าล้มเพราะวิกฤติทั่วโลก
05 ก.ค. 2563 เวลา 01.57 น.
ลุง แค่คนมีคน ฆ่าตัว มีรูปนายกอยู่ใกล้ มันยังเกาะโลงด่าคนอื่น เหมือน เห็บหมา ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดที่ไทยรับรอง เห็บหมา พวกนั้นจะรุมรัฐบาลทันที..
05 ก.ค. 2563 เวลา 03.26 น.
ลุง ถ้าเป็นประเทศไทย ข่าวแบบนี้จะมีนัก ประชาธิปไตยทั้งหลายก้อจะออกมาพูดว่ า รัฐบาล บริหารไม่เป็น เพราะมาจากเพด็จการสื่อบางสำนักก็จะประโคมข่าวกันน่าดู เพราะรักปชต5556
05 ก.ค. 2563 เวลา 03.22 น.
Note ไอ้ทรัมป์มันโง่ หาเงินไม่เป็น เอาแต่กู้ๆๆ แล้วก็แจกๆๆ
กิจการก็ปิด ยอดคนตกงานก็สูงเป็นประวัติกาล 555
05 ก.ค. 2563 เวลา 02.07 น.
Aree เสียดายมากๆพิซซ่าฮัท ท่องเที่ยวอเมริกาบ่อย ชอบทานพิซซ่าฮัทอร่อยดี ... ทรัมป์ ทำไมช่วยไม่ใด้วะ หรือไม่ชอบกินพิซซ่าวะ เอาตัวรอดเปนยอดดีจัง
05 ก.ค. 2563 เวลา 02.44 น.
ดูทั้งหมด