5 ปีแห่งความทรมาน ชาวบ้านร้องร้านคาราโอเกะ เปิดยันหว่าง-วิวาทบ่อย ไม่แก้ไข

ชาวบ้านทนทรมานมานาน 5 ปี สองร้านคาเฟ่นมโตคาราโอเกะ อ.นางรอง บุรีรัมย์ เปิดยันสว่าง เสียงดังสารพัด ร้องเรียนไปทุกหน่วยงานยังไม่แก้ไข เทศบาลตอบหนังสือกลับ ‘ให้ร้านไปต่อใบอนุญาตที่ขาดแล้ว’ ไม่ตรงประเด็น จึงมาร้องสื่อ

เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม มีชาวบ้านในตัวอำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ โพสต์ขอความช่วยเหลือทางเพจ กลุ่มนางรองบ้านเอ๋ง อ.นางรอง พร้อมข้อความบรรยายว่า

“ขออนุญาต admin กลุ่มขอใช้พื้นที่กลุ่มบ้านเรา ร้านคิดตี้ คาเฟ่นมโต ถนน บขส. นางรอง-โรงเรียนเทศบาล TOA ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนในชุมชนที่พักอาศัยอยู่ใกล้เคียง มาตั้งแต่ ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน ผม และ ปชช.ที่พักอาศัยใกล้เคียงที่เดือดร้อน เคยร่วมกันทำหนังสือร้องเรียนถึงหน่วยงานรัฐหลายที่ เช่น เทศบาลนางรอง สภ. นางรอง นายอำเภอนางรอง สาธารณสุขอำเภอนางรอง ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ร้องเรียนไปบ่อย จนถึงปัจจุบันนี้ 5 ปีกว่าแล้วครับ ยังเหมือนเดิม”

จากการตรวจสอบ พบว่าร้านดังกล่าวเปิดเป็นร้านคาราโอเกะ 2 สาขา ห่างกันประมาณ 10 เมตร ชื่อ ร้านคิดตี้คาเฟ่นมโต กับร้านคิดตี้คาราโอเกะ ลักษณะดัดแปลงจากบ้านอยู่อาศัยมาเป็นร้านบริการ พบเจ้าของร้านแต่ไม่ขอให้ข้อมูลใดๆ กับผู้สื่อข่าว

สอบถามดาบตำรวจเจริญ ปานพรมมา อายุ 55 ปี อดีตข้าราชการตำรวจ เล่าว่า เมื่อปี 2560 มีคนมาเช่าบ้านหลังดังกล่าว ตอนแรกคิดว่าจะมาอยู่อาศัย ตนยังเข้าไปช่วยขนของตอนย้ายมาใหม่ๆ เบื้องต้นทราบว่ามาจากจังหวัดขอนแก่น

กระทั่งมาปรับปรุงเป็นร้านคาราโอเกะ และร้านอาหารติดกัน มีเพียงบ้านอีกหลังหนึ่งมากั้นไว้ ตอนแรกพอทนได้ เพราะคิดว่าเขามาทำมาหากิน แต่หลังจากนั้นไม่มีคำว่าเกรงใจ เปิดเพลง ร้องเพลงเสียงดังสนั่น ที่สำคัญเปิดยันสว่าง มีการทะเลาะวิวาทบ่อยครั้ง บางครั้งได้ยินเสียงปืน

ที่ผ่านมาได้ร้องเรียนไปยังนายอำเภอนางรอง และ สภ.นางรอง ทางอำเภอตอบมาว่าเป็นหน้าที่ของเทศบาลและตำรวจ เหมือนกับไม่มีผลอะไรในการร้องเรียน จึงคิดหาแนวทางใหม่ เพราะบ้านเรือนชาวบ้านกว่า 10 หลังคาบริเวณนั้นได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะบ้านของตนอยู่ตรงข้ามกับร้าน ได้ยินเสียงเพลงดังทุกคืน

จึงยื่นหนังสือร้องเรียนไปที่เทศบาลเมืองนางรอง อ.นางรอง ได้รับหนังสือตอบกลับมาว่า “ใบอนุญาตของร้านหมดอายุ ได้สั่งให้ไปต่อใบอนุญาตเรียบร้อยแล้ว” คำตอบตรงกันข้ามกับคำร้องเรียนชัดเจน

จากนั้นตนจึงเริ่มถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน บางครั้งมีภรรยามาตามสามี เถียงกันส่งเสียงดัง ยอมรับว่าตนทนทุกข์ทรมานมานาน 5 ปี แต่ไม่มีหน่วยงานราชการใดมาเหลียวแล จนภรรยาต้องเข้าโรงพยาบาล

นายเจริญกล่าวด้วยว่า ตอนนี้ตนได้ทำหนังสือส่งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการจังหวัด นายอำเภอนางรอง ผกก.สภ.นางรอง และเทศบาลนางรอง รวมแล้ว 5 หน่วยงาน และคอยวัดกันว่าหลังจากนี้จะมีการเคลื่อนไหวอย่างไร จะมีการแก้ไขอย่างไรให้กับชาวบ้านที่กำลังได้รับความเดือดร้อนในขณะนี้

ด้าน นางหนูแดง เกรแฮมมูนพระจันทร์ อายุ 50 ปี กล่าวว่า เดือดร้อนมานานตั้งแต่มีการเปิดร้าน เท่าที่ประชุมกันในกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ไปเจรจากับร้านแล้ว แต่ไม่เป็นผลยังมีการเปิดเพลงเสียงดังเหมือนเดิม ส่วนตัวคิดว่า “ย้ายร้าน” ไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่จะดีที่สุด