ทั่วไป

ศธ.ออกนโยบายป้องกันการขัดผลประโยชน์ในองค์กร บุคลากรห้ามรับสินบน

ประชาชาติธุรกิจ
อัพเดต 26 ก.ย 2566 เวลา 05.25 น. • เผยแพร่ 26 ก.ย 2566 เวลา 04.37 น.
พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ

กระทรวงศึกษาธิการ ออกนโยบายป้องกันการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม บุคลากร ข้าราชการทุกสังกัดห้ามรับสินบน ถือเป็นการทุจริต สั่งจัดทำรายงานสรุปการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่น ๆ ที่มีมูลค่าเกิน 3,000 บาท

วันที่ 26 กันยายน 2566 พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงนามในประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การป้องกันการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

พลตำรวจเอกเพิ่มพูนกล่าวว่า เนื่องจากการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม และการให้-รับสินบน เป็นประเด็นสำคัญที่ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง ทั้งในระดับประเทศ และระดับนานาชาติ หากเกิดการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม มักจะนำไปสู่การทุจริตในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งอยู่เสมอ

โดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 หมวด 6 มาตรา 126 มาตรา 127 และมาตรา 128 ได้กำหนดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ

โดยได้กำหนดทิศทางไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561-2580) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (21) ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อกำหนดแนวทางบริหารจัดการความเสี่ยงเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวมของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบกับเจ้าพนักงานของรัฐ ป้องกันมิให้เกิดปัญหาการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม อันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน และเป็นการป้องปรามมิให้บุคลากรภายในหน่วยงานกระทำการซึ่งอาจเป็นความผิดทางอาญา ทางวินัย หรือกฎหมายอื่น

ศธ.จึงกำหนดให้การป้องกันการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม เป็นนโยบายสำคัญและเร่งด่วน ซึ่งจำเป็นที่ทุกหน่วยงานในสังกัดจะต้องดำเนินการ เพื่อให้การดำเนินงานมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ จึงเป็นที่มาของการลงนามประกาศดังกล่าว

พลตำรวจเอกเพิ่มพูนกล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันยังออกแนวทางการปฏิบัติตามประกาศฯ เพื่อส่งเสริมให้บุคลากรสังกัด ศธ.ยึดถือและปฏิบัติตามหลักในการป้องกันเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม การกระทำที่เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดหรือการให้-รับสินบนอยู่เสมอ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

รวมถึงสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติงานและไม่เข้าไปมีส่วนได้เสียในกิจการที่ตนสังกัด กำหนดให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความลับของราชการโดยเคร่งครัด จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ภายใน ศธ. เพื่อสร้างความเข้าใจและกระตุ้นเตือนกรณีที่อาจเกิดความสุ่มเสี่ยงในการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดในโอกาสต่าง ๆ เช่น เทศกาลปีใหม่ เกษียณอายุราชการ เลื่อนตำแหน่ง/ระดับ เป็นต้น

นอกจากนี้ ต้องจัดให้มีการคุ้มครอง ช่วยเหลือผู้แจ้งข้อมูล เบาะแส หรือร้องทุกข์กล่าวโทษ หรือการยกย่อง ชมเชย การให้รางวัลแก่บุคลากรสังกัด ศธ. ในการส่งเสริมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ตลอดจนให้ทุกหน่วยงานในสังกัด ศธ. จัดทำรายงานสรุปการรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่มีมูลค่าเกิน 3,000 บาท และข้อร้องเรียนเรื่องการให้-รับสินบน ของบุคลากรในสังกัดต่อหัวหน้าส่วนราชการของแต่ละหน่วยงานทราบเป็นประจำทุก 6 เดือน พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานเพื่อให้การดำเนินงานมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้

ดูข่าวต้นฉบับ