ข่าวที่เกี่ยวข้อง >> ผลักดัน 10 ปียังไม่ท้อ “กฎหมายคุ้มครองปลานกแก้ว”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง >> จับ 6 นักท่องเที่ยวฝรั่งเศสใช้ปืนยิงปลานกแก้วกลางทะเลภูเก็ต
จากกรณีที่เว็บไซต์ Similan Farm, Clownfish โพสต์ข้อความพร้อมระบุว่า อย่ากินผมเลยได้ไหม ผมชื่อปลานกแก้วครับ หลายๆคนที่เป็นนักดำน้ำคงจะรู้จักผมดี เพราะพวกผมมีสีสันสวยงาม และมักพบเห็นได้ง่ายในแนวปะการัง ใช่แล้วครับบ้านของผมอยู่ในแนวปะการัง เห็นจะงอยปากแข็งๆของผมไหม ผมเอาไว้ครูดกินซากปะการังตาย เสร็จแล้วก็ถ่ายออกมาเป็นทรายขาวๆ ที่ทุกคนชื่นชอบ ปีๆหนึ่งผมอึ ออกมาเป็นทรายได้ถึง 90 กิโลกรัมเลยนะ
ผมยังมีหน้าที่สำคัญอีกอย่างคือหม่ำสาหร่าย ที่มักขึ้นคลุมแนวปะการังหลังปะการังตายเนื่องจากเหตุ การณ์ปะการังฟอกขาว หรือภัยคุกคามอื่นๆ ถ้าไม่มีผมล่ะ สาหร่ายจะพากันขึ้นคลุมพื้นที่จะทำให้ตัวอ่อนปะการังไม่มีที่ลงเกาะ แล้วก็จะไม่มีปะการังตัวอ่อนมาทดแทนตัวเก่านะครับ
เพจอนุรักษ์ บอกว่า ปัจจุบัน มนุษย์เริ่มนิยมนำปากนกแก้วมาบริโภคมากขึ้น และถูกจับมาขายตามตลาด ทั้งๆที่แนวปะการังส่วนใหญ่เป็นเขตอนุรักษ์และไม่อนุญาตให้มีการทำประมง ซึ่งหากมีการบริโภคปลานกแก้วกันมากขึ้น ย่อมส่งผลต่อระบบนิเวศในท้องทะเล โดยเฉพาะแนวปะการังจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ขณะที่กลุ่มอนุรักษ์หลายคนยังแสดงความห่วง เนื่องจากยังพบมีการนำปลานกแก้วมาวางขายที่ร้านอาหาร และร้านขายอาหารทะเลในตลาด จึงเรียกร้องให้มีการคุ้มครองปลาชนิดนี้ก่อนที่จะสูญพันธ์
ด้านเพจเฟซบุ๊ก สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ระบุว่า ปลานกแก้ว หรือ Parrotfish เป็นปลาทะเลขนาดกลางชนิดหนึ่ง มีเกล็ดขนาดใหญ่ จะงอยมีปากยืดหดได้ ปากคล้ายนกแก้ว ซึ่งเป็นที่มาของชื่อปลานกแก้ว เนื่องจากปลานกแก้วมีรูปร่าง ลักษณะและสีสันสวยงาม จึงมีผู้นิยมจับมาดูเล่นและนำมาเป็นอาหาร
ทำให้ประชากรปลานกแก้วลดลง ส่งผลกระทบระบบนิเวศโดยรวมของทะเล และทำให้ทะลบริเวณนั้น เสียสมดุลไปอย่างมาก ปะการังตายมากขึ้น ฟื้นตัวช้า และเมื่อเกิดการฟอกสีเนื่องจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้น ก็จะฟื้นตัวยากหรือตายไปอย่างถาวร
สำนักอุทยานแห่งชาติ ขอรณรงค์ประชาชนร่วมกัน ไม่สนับสนุน ไม่ซื้อ ไม่รับประทานปลานกแก้ว หากพบเห็นการจับปลานกแก้วในเขตอุทยานแห่งชาติให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
ทั้งนี้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เคยมีประกาศฉบับลงวันที่ 11 สิงหาคม 2558 ห้ามกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวน เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือทำอันตรายกับสัตว์ต่างๆ ทุกชนิดในอุทยานแห่งชาติ หากฝ่าฝืนจะมีความผิดและต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สุนทรี อ่างสำเร็จ จะเบียดเบียนกันไปถึงไหน ทั้งที่โลกนี้มีอาหารมากมาย พอถึงเวลาธรรมชาติลงโทษก็นั่งคร่ำครวญ แล้วใครล่ะที่ทำ
18 พ.ย. 2562 เวลา 02.27 น.
เจ้าหน้าที่ไทยบางกลุ่มมันกะโหลกกะลาเจอไม่จับ ( ไม่ใช่เรื่องของกรุ ) บางกลุ่มเจอแล้วจับรับใต้โต๊ะ รู้จักกันแบงค์บังตา กฏหมายหมดความศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครเกรงกลัว ทุกอย่างเกินจากความมองข้ามเล็กๆน้อยๆ ปล่อยจนเกิดการคอรัปชั่นโกงกินกันทั่วทั้งประเทศ ถ้าคดีเล็กๆสามารถจัดการเอาใจใส่ คดีใหญ่โตคนมันต้องกลัว ประเทศถดถอย เจ้าหน้าที่ไร้ประสิทธิภาพ กฏหมายเอื้อพวกพ้อง แย่มีแต่แย่
18 พ.ย. 2562 เวลา 02.18 น.
นาย ไพบูลย์ กรมอุทยาย ฯก็เสนอให้ออกเป็นกฏหมายสิครับ ใครนำมาขายก็จับปรับในอัตราที่สูงๆ ตัวละ 10,000 บาท ออกตรวจตลาดบ่อยๆสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ต่อไปเมื่อไม่มีคนขาย มันก็จะไม่มีคนดิน คนที่จับมาขายเมื่อขายไม่ได้เขาก็ไม่จับ การรณรงค์มันก็ดี แต่ช้าและเสียงบประมาณ ออกเป็นกฏกระทรวงหรือกฏหมายมันเร็วกว่า ที่สำคัญก็ตั้งใจทำงานหน่อยขยันๆออกตรวจและจับ พร้อมกับทำความเข้าใจกับแม่ค้าซะ พักเดียวก็ไม่มีใครเอามาขายแน่ๆ
18 พ.ย. 2562 เวลา 02.02 น.
ไม่มีอะไรจะกินกันแล้วหรือ
18 พ.ย. 2562 เวลา 02.00 น.
แดกมนุษย์มั่งสิ
18 พ.ย. 2562 เวลา 01.51 น.
ดูทั้งหมด