ลิเวอร์พูล ปราบ แมนฯ ซิตี้ 3-1 เก็บเพิ่มเป็น 34 คะแนนจาก 12 นัด ทิ้งห่างอดีตแชมป์ 2 สมัยซ้อนที่หล่นไปที่ 4 เป็น 9 แต้ม และห่างอันดับ 2 และ 3 อย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ กับ เชลซี 8 แต้ม หงส์จึงกุมชะตาลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี ไว้ในมือ
แต่ทว่า “เดอะ ค็อป” ยังนิ่งนอนใจไม่ได้แน่ เพราะในอดีตหงส์แดงเคยเก็บแต้มนำห่างทีมอื่นเป็นกอบเป็นกำ แต่สุดท้ายฟอร์มหลุดพลาดแชมป์ลีกมาแล้ว
1990-91
ผู้จัดการทีม : เคนนี่ ดัลกริช
นำห่างที่สุด : 8 แต้มหลัง 13 เกม
อันดับจบซีซั่น : 2
ช่องว่างจากแชมป์ : 7 แต้ม (อาร์เซน่อล)
นี่คือซั่นที่หงส์แดงหวังจะป้องกันแชมป์ลีกสูงสุด (ดิวิชั่น 1) ให้ได้ จนออกสตาร์ตได้สวยหรูชนะรวด 8 เกมแรก ซึ่งรวมถึงถล่มคู่อริ “ปีศาจแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด ขาดลอย 4-0 ที่แอนฟิลด์ในเดือนกันยายน แต่ลิเวอร์พูลก็เริ่มสะดุด เสมอกับ นอริช ซิตี้ 1-1 ในวันที่ 20 ตุลาคม
กลางเดือนพฤศจิกายน หงส์แดง ยังมีแต้มนำห่าง “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล 8 คะแนน หลังลิเวอร์พูลเก็บได้ถึง 37 จาก 39 แต้มเต็ม แต่สถิติไร้พ่าย 15 นัดแรกของซีซั่นดังกล่าวถูกหยุดลงที่ความปราชัยต่ออาร์เซน่อล 0-3 ในเดือนธันวาคม ซึ่งถือเป็น 1 ในความปราชัยจากทั้งหมด 8 นัดในฤดูกาลนั้น โดยหงส์แดงเก็บได้อีกเพียง 39 คะแนนจาก 25 แมตช์สุดท้าย และจบอันดับ 2 ของลีก
2002-03
ผู้จัดการทีม : เฌราร์ อูลลีเย
นำห่างที่สุด : 7 แต้มหลัง 12 เกม (เตะมากกว่าอาร์เซน่อล อันดับสอง 1 เกม)
อันดับจบซีซั่น : 5
ช่องว่างจากแชมป์ : 19 แต้ม (แมนฯยู)
ซีซั่นที่แล้ว หงส์จบที่ 2 เป็นรองเพียงอาร์เซน่อล ฤดูกาลใหม่นี้กูรูต่างคาดการณ์ว่าหงส์มีลุ้นถึงแชมป์แน่ และจาก 12 นัดแรกในลีก ลูกทีมของอลูลลีเยร์ นำทีมแชมป์ ด้วยผลงาน 30 คะแนน
จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นนับตั้งแต่แพ้ มิดเดิลสโบรห์ 0-1 เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ซึ่งลิเวอร์พูลเก็บชัยชนะไม่ได้เลยในอีก 11 นัดจากนั้น และยังชนะได้เพียง 2 จาก 16 แมตช์ ส่งผลให้ลิเวอร์พูลจบอันดับ 5 ตามหลังแชมป์อย่างแมนฯ ยูไนเต็ดมากถึง 19 แต้ม
2008-09
ผู้จัดการทีม : ราฟาเอล เบนิเตซ
นำห่างที่สุด : 4 แต้มหลัง 21 เกม (แมนฯยู ตาม 5 แต้ม เตะน้อยกว่า 2 นัด)
อันดับจบซีซั่น : 2
ช่องว่างจากแชมป์ : 4 แต้ม (แมนฯยู)
ฤดูกาลนี้หงส์แดงออกสตาร์ตไม่แพ้ใครใน 10 นัดแรก และมีแต้มเหนือแชมป์เก่าแมนฯยู 8 คะแนน แต่จากนั้นในเดือนมกราคม หงส์ไร้ชัย 3 เกมติดจนเสียตำแหน่งจ่าฝูงให้ปีศาจแดง และไม่สามารถกลับมาสู่จ่าฝูงได้อีกเลย
แม้หลายคนจะโจมตีไปที่ความสามารถของ เบนิเตซ แต่ความจริงแล้วถือเป็นงานยากในการคัมแบ๊กหัวตาราง เพราะแมนฯยูของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ชนะ 11 นัดรวดนับตั้งแต่ช่วงบ๊อกซิ่งเดย์จนถึงวันที่ 4 มีนาคม นอกจากนี้หงส์แดงยังแพ้ฤดูกาลนั้นแค่ 4 นัด มากกว่าแมนฯยู เพียง 2 เกมเท่านั้น แต่ลิเวอร์พูลกลับเสมอมากถึง 11 เกม จบจบฤดูกาลด้วย 86 คะแนน รองจากผีแดงที่ซิวแชมป์ 4 แต้ม
2013-14
ผู้จัดการทีม : เบรนแดน ร็อดเจอร์ส
นำห่างที่สุด : 5 แต้มหลัง 35 เกม (แมนฯ ซิตี้ตาม 6 แต้ม เตะน้อยกว่า 1 นัด)
อันดับจบซีซั่น : 2
ช่องว่างจากแชมป์ : 2 แต้ม (แมนฯ ซิตี้)
ในช่วง 3 แมตช์สุดท้ายของซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูลต้องการ 7 แต้มเพื่อการันตีซิวแชมป์ ตามโปรแกรมต้องเจอเชลซี, นิวคาสเซิล และ คริสตัล พาเลซ ซึ่งการบู๊เชลซีเป็นงานยากที่สุด แต่อย่างน้อยขอแค่เสมอ และหวังชนะ 2 เกมสุดท้าย โดยก่อนปะทะสิงห์บลูส์ หงส์ชนะเกมลีกมา 11 นัดติด
จนถึงวันที่หงส์เปิดบ้านฟาดแข้งเชลซี พวกเขาครองบอล 73 เปอร์เซ็นต์ กับโอกาสยิง 26 ครั้ง แต่ก็ยิงเชลซีไม่ได้ และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมหงส์แดงดันเสียหลักล้มเป็นช็อตลื่นในตำนาน จนถูก เดมบ้า บา ฉวยบอลจากกลางสนามลากไปยิงประตูในนาที 45+3 ก่อนจบเกมเป็นเชลซีชนะ 2-0 ถัดมาหงส์เสมอพาเลซ และชนะนิวคาสเซิลนัดปิดท้าย ในขณะที่แมนฯ ซิตี้ชนะรวด 5 แมตช์สุดท้าย จึงแซงหงส์เข้าวินซิวแชมป์ไปอย่างน่าเจ็บใจ
2018-19
ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์
นำห่างที่สุด : 9 คะแนนหลัง 20 เกม
อันดับจบซีซั่น : 2
ช่องว่างจากแชมป์ : 1 แต้ม (แมนฯ ซิตี้)
ลิเวอร์พูล ถล่มอาร์เซน่อล 5-1 เกมส่งท้ายปี 2018 เก็บสถิติชนะในลีก 9 นัดรวด หนีแมนฯ ซิตี้ที่เตะน้อยกว่า 1 นัด เป็น 10 แต้มชั่วคราว (ลดลงเหลือ 7 เมื่อเตะเท่ากัน) แต่เกมนัดแรกในปี 2019 ของหงส์แดงกลับพลาดท่าแพ้แมนฯซิตี้ 1-2 ช่องว่างของแต้มจึงถูกลดลงเหลือแค่ 4 แต้ม
หงส์สะดุดเสมออีก 4 นัดใน 8 เกมจากนั้น (เจ๊าเลสเตอร์, เวสต์แฮม, แมนฯยู และเอฟเวอร์ตัน) ในขณะที่เรือใบสีฟ้าชนะรวด 14 แมตช์สุดท้าย จนคว้าแชมป์ 2 ปีซ้อนกับ 98 แต้มในมือ แม้หงส์ที่ชนะรวด 9 เกมที่เหลือแต่ก็ไม่เพียงพอต่อการคว้าแชมป์ลีกในรอบ 29 ปี
ปัจจุบัน 2019-20 ลิเวอร์พูลนำห่างที่ 2 ถึง 8 แต้มจาก 12 นัดแรก ถือเป็นโอกาสที่ดีกับการคว้าแชมป์ลีกที่ใฝ่ฝันมานาน เพราะฟอร์มกำลังเข้าฝัก แข็งแกร่งและดุดัน แถมยังมีโชคได้ประตูชัยช่วงทดเวลาหลายต่อหลายเกม
ฟอร์มแชมป์ขนาดนี้ ปีนี้หงส์มาแน่ แค่อย่าทำหมูหกอีกครั้งก็แล้วกัน
ถวัลย์ ศิริสงค์ รุ่น23 อดีต คือบทเรียนและประสบการณ์ แต่ปีนี้ ผมว่าเราพร้อมทุกอย่าง จิตใจฮึกเหิมมากๆ พรีเมียร์ลีก คือเป้าหมายแรก ที่พวกเราต้องเอามาให้ได้ ปีนี้แหละครับ เหมาะสมที่สุด
13 พ.ย. 2562 เวลา 04.35 น.
Krung รอแค่ปลดล๊อค ได้แชมป์เมื่อไหร่ รับรองหงส์บินสูงอีกหลายปี คอยดู
13 พ.ย. 2562 เวลา 03.24 น.
Ned ก็ยังถือว่าทำผลงานยังดีเกาะกลุ่มหัวตารางหลายๆ season นะ ปีนี้ถ้าสมาธิดีๆคง ได้ถ้วยพรีเมียร์หละ แต่ยังไง UCL ก็สำคัญกับธุรกิจมากๆ ได้เงินมาจะได้ซื้อตัวดีๆ ขยายขนาดทีมต่อไป เตะหลายถ้วยดูแล้วสมาชิกดีๆยังน้อยไปนิด
13 พ.ย. 2562 เวลา 03.11 น.
เลสเตอร์ชัวร์กว่าไม่มีแรงกดดัน
13 พ.ย. 2562 เวลา 02.42 น.
ดูทั้งหมด