วันที่ 2 เมษายน 2563 นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ โควิด-19 หลังจากการประกาศใช้พรก.ฉุกเฉินมาได้ 7 วันว่า ดูจากการที่มีการประกาศมาตรการปิดสถานที่ต่างๆเพิ่มเติมในกทม.และอีกหลายจังหวัดรวมทั้งการปิดจังหวัดบางจังหวัดไปแล้ว ประกอบกับการที่นายกฯบอกว่าอาจจะลดหรือหยุดการบริการขนส่งสาธาณะหรือห้ามเดินทางอย่างเข้มงวด หลายประเทศพูดถึงการทำงานและการใช้ชีวิตแบบใหม่เมื่อไม่ได้ใช้มาตรการล็อคดาวน์และออกกฎระเบียบให้ปฏิบัติกันแล้ว แต่ไทยเรายังไม่ได้คิดไม่ได้ทำ ยังเหมือนกับจะล็อคดาวน์กันเรื่อยไปทำให้เห็นว่าหลังวันที่ 30 เมษายนนี้
รัฐบาลมีแนวโน้มที่จะใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้นไปอีก ซึ่งตนเห็นว่าไม่ใช่ทิศทางที่ถูกต้อง เพราะจะทำให้เศรษฐกิจเสียหายและประชาชนเดือดร้อนอย่างมากจนถึงขั้นอยู่กันไม่ได้ รัฐบาลควรกำหนดยุทธศาสตร์เสียใหม่ ตั้งเป้าให้สามารถผ่อนคลายการใช้มาตรการที่กระทบธุรกิจและการทำมาหากินลง ให้สภาพต่างๆกลับคืนสู่สภาพใกล้เคียงกับปรกติมากขึ้น โดยสามารถคุมสถานการณ์โควิด19 ได้ดีด้วยไปพร้อมๆกัน
“ผ่านไปแค่ 7 วัน ในกทม.ถ้ารวมมาตรการของกทม.ด้วยก็ 10 วัน ธุรกิจทั้งประเทศปิดไปมาก ที่ไม่ได้ถูกสั่งให้ปิดก็ปิดไปด้วย คนทำมาค้าขายไม่ได้ ทำมาหากินไม่ได้ เงินที่ช่วยก็ยังไม่ได้ รัฐบาลตั้งงบไว้สำหรับคน 3 ล้านมีคนสมัครขอมา 20 ล้าน แม้แต่คนที่ได้เอือน 5000 บาทก็ไม่พอใช้ รายจ่ายยังมีอยู่ทุกวัน จะอยู่ไปให้ตลอด ถึง 30 เมษา ก็ไม่ไหวแล้ว มาตรการที่เยียวยาผลกระทบก็ยังช่วยทุกฝ่ายได้น้อยมาก อย่าลืมว่าระบบเศรษฐกิจของเราสายป่านไม่ได้ยาวพอ ถ้ายืดออกไปถึงเดือนพฤษภาคมอีก คงเป็นไปไม่ได้แน่” นายจาตุรนต์กล่าว
นายจาตุรนต์กล่าวอีกว่า การล็อคดาวน์ที่เขาทำกันก็เพื่อเผด็จศึกโควิด ไม่ใช่ล็อคดาวน์เรื่อยไป ช่วงที่ใช้มาตรการปิดสถานที่หยุดกิจการต่างๆนี้เป็นช่วงที่ต้องดำเนินมาตรการต่างที่จัดการกับโควิด19 คือต้องลดผู้ติดเชื้อและเตรียมความพร้อมของระบบสาธารณสุขเพื่อคุมสถานการณ์ให้ได้ แต่ปรากฏว่ายังทำน้อยมาก การตรวจเพื่อให้รู้ว่าติดเชื้อหรือไม่ ประเทศไทยทำน้อยกว่าประเทศอื่นๆมาก แต่ก็ไม่มีการตั้งเป้าให้ทำเพิ่มขึ้นอย่างจริงจัง ระบบการสืบหาค้นหาผู้ติดเชื้อหรือต้องสงสัยว่าติดเชื้อก็ยังทำน้อยและระบบการกักตัวก็อ่อนแอ สิ่งเหล่านี้ยังไม่ได้ทำจริงจัง เท่ากับเรารอให้ผู้ติดเชื้อป่วยเสียก่อนค่อยมาหาหมอเอง
“ส่วนปัญหาการขาดแคลนด้านต่างๆของระบบสาธารณสุขก็ยังแก้ ไม่ตก ไม่ได้จัดสรรงบประมาณให้ทั้งๆที่ทำไม่ยาก ถ้ายังปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป เราก็อาจยังไม่สามารถคุมสถานการณ์ได้ในเร็วๆนี้ และอาจต้องมีมาตรการเข้มข้นต่อไปอย่างไม่มีกำหนด โดยระบบก็อ่อนแอ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เท่ากับการใช้มาตรการปิดสถานที่ หยุดกิจการ ห้ามเดินทาง จะสูญเปล่า” นายจาตุรนต์ กล่าว
นายจาตุรนต์กล่าวทิ้งท้ายว่า น่าเป็นห่วง ถ้ารัฐบาลยังปล่อยให้สถานการณ์เป็นอย่างนี้ เศรษฐกิจจะแย่และคนจะเดือดร้อนกันทั่วประเทศโดยที่สถานการณ์โควิดก็ยังคุมไม่อยู่ ถึงวันที่ 30 เมษายน จะผ่อนคลายก็กลัวการแพร่ระบาด จะเข้มงวดต่อไประบบเศรษฐกิจก็รับไม่ไหวและประชาชนก็่อยู่ไม่ได้ รัฐบาลจึงควรจะทำให้มาตรการรับมือโควิดในทุก้านมีประสิทธิภาพมากที่สุดโดยตั้งเป้าว่าหลังวันที่ 30 เมษายนนี้จะผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจเดินได้คนทำมาหากินได้ใกล้เคียงกับสภาพปรกติมากที่สุด
WITTAYA มีปากไว้พูด ต้องใช้สมองติด นะครับ
02 เม.ย. 2563 เวลา 06.41 น.
เลิกพรก แล้วคนติดไวรัส ทั้งประเทศจะทำยังไง
ขนาดมีพรก ยังติดไปเป็นพัน
02 เม.ย. 2563 เวลา 06.39 น.
VITCH นายจาตุรนต์ไม่เคยเห็นใครเลวทรามเหมือนนายเลย แค่นี้ยังคิดไม่ออกอีก เป็นถึงอดีตรมตแต่งี้เง้าสุดๆเลย
02 เม.ย. 2563 เวลา 06.40 น.
พระสยามเทวาธิราช พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง โปรดช่วยกันส่งเชื้อ โควิท19 ให้ครอบครัว ฉายแสง และให้เป็นโรคนี้จนตาย
02 เม.ย. 2563 เวลา 06.43 น.
อ๋อยติดเชื้อหน่อยดีไหม?
02 เม.ย. 2563 เวลา 06.36 น.
ดูทั้งหมด