บันเทิง

“อิน สาริน” เจ้าพ่อแฮชแท็กคนใหม่

PPTV HD 36
อัพเดต 20 มี.ค. 2562 เวลา 12.59 น. • เผยแพร่ 20 มี.ค. 2562 เวลา 12.37 น.
พระเอกหนุ่มหน้าใหม่ “อิน - สาริน รณเกียรติ” ขึ้นแท่นหนุ่มฮอตเจ้าพ่อแฮชแท็กคนใหม่ของวงการ เผยยิ่งดังต้องยิ่งทำตัวดี

รั้งตำแหน่งหนุ่มฮอตคนใหม่ของวงการไปเรียบร้อย สำหรับพระเอกลุคโอปป้า “อิน – สาริน รณเกียรติ” ซึ่งก่อนหน้านี้สาวๆกรี๊ดกันยกเมืองกับตำแหน่ง จุฬาคิ้วท์บอย แต่เมื่อก้าวเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง ดีกรีความดังของหนุ่ม “อิน” ก็มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งงานอีเว้นท์ งานพรีเซ็นเตอร์รุมจีบเพียบ แถมล่าสุดยังได้ฉาย เจ้าพ่อแฮชแท็ก และ พระเอกห้างแตก มาการันตีความเปรี้ยงปร้าง มีโอกาสเจอ โอปป้าสาริน เราไม่รอช้ารีบคว้าตัวมาพูดคุยแบบเอ็กซ์คูลซีฟเป็นการด่วน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง >> “อิน สาริน” ขึ้นแท่นหนุ่มฮอตคนใหม่ของวงการ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

*กลายเป็นหนุ่มฮอตคนใหม่ของวงการ รู้สึกยังไงบ้าง *

“ก็มีปรับตัวบ้างนะครับ อย่างเช่นแฟนคลับจากปกติเป็นกลุ่มก้อนเล็กๆ แฟนคลับก็ขยายใหญ่ขึ้นแล้วก็มีคนที่เหมือนกับว่ามาจากละครทั้ง 2 เรื่องที่ออนจบไปและกำลังออนแอร์ ก็พยายามทำตัวให้ดีเป็นตัวอย่างที่ดีให้ได้ครับ ผมก็ยังไม่ชินสักเท่าไหร่”

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

กดดันมากไหม มีชื่อเสียงมากขึ้น

“ก็ไม่ได้กดดันนะ มันไม่ได้มีความกดดันใดๆอย่างที่บอกว่าแค่รู้จักกาลเทศะให้มากขึ้น วางตัวให้มากขึ้นแค่นั้นเอง”

ชีวิตเปลี่ยนไปมากไหม

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

“นิดหน่อยครับ เวลาไปเดินห้างแบบนี้ ก็จะมีคนมาขอถ่ายรูปมากขึ้นอะไรแบบนี้ แต่ว่านิดหน่อยไม่ได้มีอะไรมากมาย”

เป็นเจ้าพ่อแฮชแท็ก ฮอตห้างแตก รู้สึกยังไงบ้าง แฮชแท็กส่วนตัวเยอะมาก

“แฮชแท็กเยอะมาก ( หัวเราะ ) มีคนแซวเป็นเจ้าพ่อแฮชแท็ก คืออินเองก็ยังอ่านของตัวเองไม่หมดเลย อาจจะด้วยความที่กระแสละครดีด้วยแหละครับ ตัวละครทุกตัวก็ได้รับความนิยม ก็ดีใจครับ ส่วนที่คนเรียกว่า อินห้างแตกก็ยังไม่ชินครับ ( ยิ้ม ) อยากบอกแฟนๆว่ามาหากันเยอะๆ มาหากันบ่อยๆครับ มีเวลาให้ทุกคนครับ เท่าที่มีครับ” 

จำแฮชแท็กตัวเองได้ไหม?

"( หัวเราะ ) ที่พอจำได้ก็มี #อินสาริน #inpitar #innsarin #ภูผา #พ่อเพิ่ม #ท่าโฉลงคิ้วท์บอย #สารินหรือสามี #อิน5วัน #cuteboy แล้วก็แฮชแท็กละครที่เล่นครับ ( ยิ้ม ) เยอะไหมครับ อาจจะมีอีกที่เพิ่มมาแฟนๆเขาจะคิดแฮชแท็กกันครับ 

คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จในวงการบันเทิงระดับไหนแล้ว

“ใช้คำว่าเริ่มต้นได้ดีครับ ใช้คำว่าประสบความสำเร็จไหมมันอีกไกลแสนไกล แต่เราโชคดี เราโชคที่เราเริ่มต้นได้ดี เราเริ่มต้นกับละครที่ดี เราเริ่มต้นกับละครที่บทแตกต่างกันแล้วประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ทั้งสองเรื่องถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีครับ อินเชื่อว่าคนเรามีจังหวะของตัวเอง แต่จะมาช้ามาเร็วก็ไม่รู้ แค่ตั้งใจทำไปเรื่อยๆครับ”

กลัวไหมว่าความดังมันจะทำให้เราเปลี่ยนไป
“ไม่เปลี่ยน คิดว่าไม่เปลี่ยน ก็จะพยายามทำตัวให้เหมือนเดิมที่สุด”

ความดังกับโซเชียลมันคู่กัน กลัวคนขุดอะไรหรือเปล่า
“อ่อ..มันแรงใช่ไหม ก็เป็นไปได้แต่ผมว่า เราก็จริงไว้ก่อนดีกว่า เราจริงไว้ตั้งแต่แรกไม่ต้องไปสร้างอะไรที่มันเกินตัวหรืออะไรที่มันไม่จริงให้คนเข้ามาขุดทีหลังจะดีกว่า”

คาดหวังกับชีวิตตัวเองต่อจากนี้ยังไงบ้าง

“ก็อยากเป็นนักแสดงที่ดีขึ้น อยากเล่นบทที่หลากหลายต่อไปเรื่อยๆ เพราะว่าพอเราเล่นสองสามเรื่องแล้วบทมันแตกต่างกันเราเริ่มมีความสนุกของการได้เป็นนักแสดงที่เราได้รับบทแตกต่างอยากให้มีคนรักมากขึ้น อยากจะมีเวลาให้แฟนคลับทุกๆคนด้วย”

วงการบันเทิงเปลี่ยนหรือสอนอะไรในตัว *“อิน” บ้าง *

“ก็คงแค่มีคนรู้จักมากขึ้น เป็นที่รู้จักมากขึ้น เป็นที่พูดถึงมากขึ้น และสอนให้รู้จักความหมายของคนมุมมองของคน เพราะว่าวงการนี้อย่างที่เคยบอกมันหลายคนมากเลย มากหน้าหลายตาที่เข้ามาอยู่ในวงการ ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังรวมไปถึงตัวละครต่างๆที่เราได้รับ พอได้อยู่ทำงานกับคนเยอะๆหรือว่าทำงานเป็นคนอื่นๆเยอะๆมั นก็เลยมันก็ได้เรียนรู้มุมมองที่ต่างกันความคิดที่ต่างกันแล้วคุณค่าและความหมายของคนมากขึ้น”

หลายคนมองว่าไลฟ์สไตล์เป็นลูกคุณหนู แต่น้อยคนที่จะรู้ว่า “อิน” ทำงานหาเงินเอง

“อาจจะด้วยเราขาวหรือเปล่า หรืออะไรสักอย่างที่ทำให้เราดูเป็นลูกคุณหนูเนอะ คนส่วนใหญ่จะเรียกว่าลูกคุณชายหรือคุณหนู มันก็มีบ้างพาร์ทที่เราอยากจะใช้ชีวิตสบายๆ แต่ว่าจริงๆแล้วเราหาเงินเองจริงๆ เราอยากจะบอกทุกคนว่าเราเงินเองมาตั้งนานแล้ว คือลูกคนรวยหรือเปล่าเว้นไว้อีกเรื่องนึงดีกว่า แต่อยากจะให้ทุกคนสนใจเราเรื่องการทำงานหรือด้านของการที่เราสามารถหาเงินทำเองได้มากกว่า ผมหาเงินเองตั้งแต่อายุ 19 จากการถ่ายโฆษณา และจากนั้นก็เริ่มขายของบ้าง ตอนเด็กๆก็จะขายของเพื่อนพ่อเพื่อนแม่ ซื้อมาขายไป ผู้ใหญ่มาบ้านก็จะให้ซื้อชิ้นสองชิ้น มีช่วงนึงก็เคยทำขนมขาย ทำพายบลูเบอรี่ชีสเค้ก แต่ว่าทำไม่ได้เยอะมาก ก็ขายเพื่อนที่มหาลัยที่จุฬาฯ ทุกคนก็จะแซวเราว่า โอ๊ย!! ก็ไม่ได้ร้อนเงินอะไร (หัวเราะ) แต่แค่อยากทำขายไง อินจะโดนแซวตลอดเลยนะว่าทำไมต้องขายอะไรตลอดเวลา แล้วก็มาหนักๆเลย คือกำไลหิน แล้วก็เว้นไว้มาอีกชิ้นนึงก็เปิดแบรนด์เลย”

ทำไมเราไม่อยู่เฉยๆสบายๆ จริงๆพ่อแม่ก็ซัพพอร์ต
“มันน่าเบื่อ เกิดมาแล้วเนอะ เรามีชีวิตมีเป้าหมายอะไรสักอย่างที่ทำให้เรามีมิชชั่น คือเกิดมาจะรวยจะจน เราต้องมีมิชชั่นในชีวิตก่อน อินเคยเห็นคนที่เขารวยมากๆ แล้วเขาไม่มีอะไรทำในชีวิต เขาดูน่าเบื่อกว่าคนที่ไม่ค่อยจะมีอะไรแต่มีสีสันหรือว่ามีมิชชั่น เพราะฉะนั้นอินคิดว่า ถ้าเรามีโอกาสที่ดีในการเกิดที่พอจะมีอยู่แล้ว แล้วเราเติมสีสันให้ชีวิตด้วยการสร้างมิชชั่นให้ชีวิต พยายามหาเงินเองให้ได้ เพื่อที่จะไม่ได้ไปเดือดร้อนคนอื่น หรือว่าสามารถเป็นแรงบันดาลใจหรือเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนอื่นๆได้ มันก็จะดียิ่งขึ้นไปใหญ่เลย”

*จากรูปลักษณ์ภายนอก คนอาจจะโฟกัสมากกว่าฝีมือ *

“อินอยากให้คนโฟกัสที่ฝีมือ ความสามารถมากกว่านะ  เพราะว่ารูปลักษณ์ก็โชคดีจริงๆ มันเป็นความประทับใจแรก ซึ่งแรกๆคนเห็นก็คงเอ็นดูเรา แต่ถ้าแวบแรกเอ็นดูเราตามมาด้วยแวบ 2 แวบ 3 ที่เล่นละครไม่ได้เลย พูดไม่รู้เรื่อง ทำตัวไม่น่ารัก มาแล้วก็ไป คงอยู่ไม่ได้ยาว อยู่ไม่ได้จริง เพราะฉะนั้นองค์ประกอบหลายๆอย่างมันต้องมาพร้อมๆกัน ภายนอกดีก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ภายในก็ต้องดี ภายในนอกจากจะสกิลการแสดง การวางตัว จิตใจเราก็ต้องดีไปด้วย ซึ่งการเป็นนักแสดงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย คือเราต้องเข้าใจก่อนว่านักแสดงห้ามเป็นนักแสดงที่ดีแค่ในจอ เราต้องเป็นคนที่ดีด้วย สำหรับอินถือว่าเป็นนักแสดงเท่ากับบุคคลของสาธารณะ เท่ากับต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนอื่นๆให้ได้ด้วย ไม่ใช่แค่ว่าดังแล้วทำตัวไม่ได้เป็นตัวอย่างที่ดี”

มันก็เลยทำให้เรากดดันตัวเองไหมในเรื่องของการแสดง
“นิดหน่อยครับ ก็จะกดดันเป็นเรื่องๆไป คือเราพยายามทำการบ้านให้ได้เยอะที่สุด แต่มันจะมีบางบท บางฉากนี้ที่เรารู้ว่าเรายังไม่ถึงแน่ๆ ต่อให้ทำการบ้านมาแล้วเราก็รู้ว่าไม่ได้ถึงเพราะประสบการณ์เราต่ำ ก็จะมีบ้างแต่พยายามปล่อยวาง ทำให้มันจริงที่สุด ถือคติเดิมเลยครับ คือทำให้ดีที่สุดก่อน ฉากไหนที่พอจะรู้ว่าทำได้เท่านั้น อินขอจริงไว้ก่อน แสดงออกมาให้จริงที่สุด เพราะว่าคนดูที่บ้านรู้ว่าเราเล่นจริง อย่างน้อยที่สุดถ้าเรารู้ ว่าเราเล่นจริง เขาสามารถรับรู้ความรู้สึกจริงของเราได้ เขาก็น่าจะอินไปกับเราระดับหนึ่ง”

คิดว่าตัวเองเป็นแบบอย่างอะไรให้แฟนๆได้บ้าง

“ด้านการเรียนครับ อินไม่ได้เรียนเก่งอินกล้าพูดเลยว่าอินพยายามมาก ตอนเข้าจุฬาปีหนึ่งนั่งหลังห้องแถวสุดท้าย เพราะเราเป็นเด็กหลังห้องมาก่อน 2.7 ไปเลย ไม่ได้ละ มันทำแบบนั้นไม่ได้ เราก็เชื่อว่าเราต้องทำได้ดีกว่านี้ นั่งหน้าห้อง ปีสี่คือนั่งหน้าห้องสุด จดทุกอย่าง อ่านทุกตัว ปีสี่ปีเดียวได้ 3.7 เราผลักตัวเองขึ้นด้วยความคิดของตัวเอง ด้วยความพยายาม ไม่มีใครกดดัน แล้วเราก็ไม่ใช่เด็กเก่งเป็นต้นทุน ไม่ใช่เด็กฉลาดเป็นต้นทุนด้วย เพราะฉะนั้นถ้าเราทำได้ใครๆก็ต้องทำได้”

การที่แฟนคลับมีเราเป็นไอดอล ต้องทำเปลี่ยนตัวเองเยอะไหม

“เยอะนะ เยอะจริงๆ คือจริงๆมันเปลี่ยนมานานแล้ว เราก็ไม่ใช่คนที่เพอร์เฟคอยู่แล้ว เรามีนิสัยที่ไม่ดีเยอะแยะมากมายไปหมด แต่อันนี้เมื่อก่อนนะ( หัวเราะ ) แต่พอมีน้องๆชื่นชอบชื่นชมเอาเราเป็นตัวอย่าง เราทำตัวไม่ดีไม่ได้เลย เพระว่าน้องเขาทำตามกันจริงๆ เราต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในแบบของเรานะครับ ไม่ใช่ดีจนแบบว่า เราก็พยายามให้น้องทุกคน เขาได้เห็นว่าคนพยายามก็มักจะได้ดีกว่าวันเมื่อวานหรือคนที่วางตัวดีพูดความรู้สึกนึกคิดได้ดี ก็จะออกมาได้ดีแบบนี้ เราจะสามารถอินสไปร์เข้าได้เล็กๆน้อยๆ”

*ทุกวันนี้ครอบครัวแฟนคลับโตขึ้นเรื่อยๆ *

“ขอบคุณที่เข้ามาเติมเต็มให้อินนะครับ อย่างที่บอกว่าเราเองโตขึ้นมากับแฟนคลับที่เป็นกำลังใจให้ซึ่งกันและกัน โตขึ้นแบบเพื่อนก็เป็นกำลังใจให้ซึ่งกันและกัน วันข้างหน้าก็อยากเป็นกำลังใจที่ดีให้กับเขาได้ อยากจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเขาได้เหมือนเดิมครับ”

 

 

 

 

 

ดูข่าวต้นฉบับ