ธนาคารอาคารสงเคราะห์และ BAM ลงนามสัญญาจำหน่ายสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปี 2561 มูลค่าเงินต้นคงค้างรวม 1,012 ล้านบาท ช่วยให้ NPL ธอส. ลดลง 0.09% รายละเอียด้ป็นอย่างไรติดตามกับชุตินันท์ เพชรากานต์
ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคที่เริ่มมีหนี้มีเยอะขึ้น รวมไปถึง สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือที่เรียกกันว่าหนี้เสีย (NPL) ที่เกิดจากประชาชนที่ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยและเงินต้นคืนให้สถาบันการเงินเป็นระยะเวลาติดต่อกัน 3 เดือน สถาบันการเงินนั้นจะมองว่าเป็นหนี้เสียทันที ซึ่งทำให้ทางธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ(ธอส.)ได้ร่วมลงนามสัญญาจำหน่ายสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) กับ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด หรือ BAM ปี256" มูลค่าเงินต้นคงค้างรวม 1,012 ล้านบาท ช่วยให้ NPL ธอส. ลดลง 0.09%
ด้านกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ฉัตรชัย ศิริไล เผยว่า. การจำหน่าย NPLครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคาร ช่วยให้ธนาคารมีความแข็งแกร่งทางการเงินมากขึ้น โดยธนาคารสามารถนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายเป็นเงินสด สำรองในกองทุนของธนาคารเพื่อสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อใหม่ให้กับลูกค้าประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัย เป็นของตนเองตามพันกิจ "ทำให้คนไทยมีบ้าน" ได้เพิ่มขึ้นต่อไป ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561 ธอส. มี NPL ก่อนจำหน่ายให้กับ BAM ในครั้งนี้จำนวน 47,435 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.28%
ขณะที่ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สมพร มูลศรีแก้ว บอกถึง การลงนามในสัญญาจำหน่ายสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้. ระหว่าง ธอส. กับ BAM ในครั้งนี้ มีภาระหนี้เงินต้น 1,012 ล้านบาท จำนวนลูกหนี้ 2,072 บัญชี โดยลูกหนี้มีทั้งที่อยู่ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2548 จนถึงวันนี้ BAM มีการลงนามซื้อ NPL จาก ธอส. รวม 5 ครั้ง คิดเป็นภาระหนี้เงินต้น รวมทั้งสิ้น 28,080 ล้านบาท จำนวนลูกหนี้ 53,222 บัญชี ขั้นตอนต่อไป BAM จะมีหนังสือแจ้งให้ลูกค้ารับทราบ เพื่อเข้ามาเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ โดยพิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าเป็นหลัก
ปัจจุบัน BAM มี NPL ที่อยู่ในความดูแลจำนวน 88,430 ราย คิดเป็นภาระหนี้เงินต้น 445,100 ล้านบาท ขณะที่มี NPA จำนวน 17,464 รายการ คิดเป็นมูลค่า 47,251 ล้านบาท วัตถุประสงค์หลักของการรับซื้อ NPL และ NPA จากสถาบันการเงินมาบริหารจัดการ เพื่อช่วยแก้ปัญหา และลดหนี้ด้อยคุณภาพในระบบสถาบันการเงิน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต