อนาคตของอุตสาหกรรมการผลิตกาแฟ นั้นดูจะดำเข้มกว่ากาแฟในถ้วยที่เราดื่มกินยามเช้าเสียอีก ด้วยเหตุปัจจัยหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อน หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก ภัยพิบัติ การตัดไม้ทำลายป้า ได้ผลักดันให้อุตสาหกรรมกาแฟของโลก ที่มีมูลค่าธุรกิจรวมหลายพันล้านดอลลาร์ นั้นต้องอยู่ในสภาวะเสี่ยงกับการขาดแคลนผลผลิต และแน่นอนว่าทำให้คอกาแฟอย่างเราๆ เดือดร้อนไปด้วย
โดยนักวิจัยของ Kew Gardens (สวนพฤกษศาสตร์หลวงเมืองคิว) จากประเทศอังกฤษ ได้ทำการคำนวณว่า สายพันธุ์กาแฟทั่วโลกกว่า 124 สายพันธุ์ที่เรารู้จักนั้น มีสายพันธุ์กว่า 60% ที่มีความเสี่ยงกับการสูญพันธุ์
ในบางพื้นที่ของโลก สถานการณ์เข้าขั้นหายนะ โดยสายพันธุ์กาแฟป่ากว่า 71% ที่ค้นพบในเกาะมาดากัสการ์ และเกาะในมหาสมุทรอินเดีย นั้นมีความเสี่ยงสูงมากที่จะสูญพันธุ์ โดยคุณ Aaron Davis หัวหน้าทีมวิจัยของ Kew Gardens กล่าวว่า "ความจริงก็คือ ระดับความเสี่ยงในการสูญพันธุ์ของกาแฟหลายๆ สายพันธุ์นั้นสูงมากใกล้เคียง 60% ซึ่งกาแฟมีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์สูงกว่าพืชพันธุ์อื่นๆ และมันถูกจัดกลุ่มให้อยู่ในพืชพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงสุด"
และจากการสร้างโมเดลจำลองด้วยระบบคอมพิวเตอร์แบบล่าสุด คุณ Davis และทีมของเขา สามารถระบุได้ว่า
สายพันธุ์กาแฟมากถึง 75 ชนิด มีความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ โดยมี
13 สายพันธุ์อยู่ในสภาวะเสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง
- 40 สายพันธุ์เสี่ยงอันตราย
- 22 สายพันธุ์อยู่ในระดับอ่อนแอ
และแน่นอนว่า สายพันธุ์กาแฟที่มีมากมายหลายชนิดนี้ ไม่ได้เป็นกาแฟที่เราดื่มกินกันในชีวิตประจำวันเสียทั้งหมด แต่ความหลากหลายของสายพันธุ์นั้น ก็เป็นส่วนผสมที่ช่วยค้ำจุนให้สายพันธุ์พืชที่มีความสำคัญนั้นอยู่รอดปลอดภัย
และในเวลานี้ โลกของเราดื่มกินกาแฟจากสองสายพันธุ์หลักคือ อาราบิก้า (Arabica) และ โรบัสต้า (Robusta) ซึ่งมนุษย์เราเพาะปลูกกาแฟสองสายพันธุ์นี้มายาวนานนับ 100 ปี
โดยเมล็ดกาแฟอาราบิก้านั้นมีการเก็บเกี่ยวในประเทศ เอธิโอเปีย และประเทศ เซาท์ซูดาน (South Sudan) มาอย่างยาวนาน และคงไม่ต้องบอกว่ากาแฟอาราบิก้านั้นโด่งดังขนาดไหนสำหรับคอกาแฟ เพราะยอดขายของมันสูงถึง 60 - 70% ของปริมาณกาแฟที่ขายกันในโลกนี้เลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ดี อาราบิก้า นั้นถูกจัดให้เป็นสายพันธุ์ที่เสี่ยงอันตรายจากการสูญพันธุ์ เนื่องจากการตัดไม้ทำลายป่า และมันยังมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลกอีกด้วย
โดยคุณ Tadesse Woldermariam Gole ผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับผลกระต่อพืชพันธุ์กาแฟจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก ได้กล่าวกับสื่อ Phys.org ว่า "เอธิโอเปีย นั้นเป็นบ้านของกาแฟอาราบิก้า และเราต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า อะไรบ้างที่กระทบกับความอยู่รอดของกาแฟสายพันธุ์นี้"
เมื่อมองย้อนกลับไปดูข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของเอธิโอเปียตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา ทำให้ทีมวิจัยจาก Kew Gardens รับรู้ว่า ผลกระทบจากการตัดไม้ทำลายป่า ภัยพิบัติ และความแห้งแล้ง นั้นส่งผลเสียขนาดไหนต่อแหล่งเพาะปลูกกาแฟอาราบิก้าตามธรรมชาติ
และตลอดระยะเวลา 100 ปีที่ผ่านมา ชาวไร่กาแฟ ได้ใช้ความหลากหลายของพันธุ์พืชในป่า เพื่อค้ำจุนให้สายพันธุ์กาแฟอาราบิก้าอยู่รอด ทำให้สายพันธุ์กาแฟนี้มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ รวมถึงภัยพิบัติ และศัตรูพืช และดูเหมือนว่าเราต้องนำเทคนิคนี้มาใช้งานอีกครั้งเพื่อให้มันอยู่รอด แต่น่าเสียดายที่เราไม่สามารถใช้ประโยชน์จากความหลากหลายของพันธุ์พืชในป่าได้อีกต่อไป ทำให้ทั้งสายพันธุ์กาแฟอาราบิก้า และโรบัสต้า อาจมีชีวิตรอดได้อีกไม่นาน
มีการระบุไว้ในงานวิจัยว่า "หลายๆ พื้นที่ควบคุมนั้นล้มเหลวในการรักษาความหลากหลายของพืชพันธุ์ และการควบคุมความหลากหลายของพืชพันธุ์อย่างได้ผลนั้น มีความจำเป็นมากเพื่อรักษาให้พืชพันธุ์เป้าหมาย นั้นถูกอนุรักษ์ไว้อย่างมีประสิทธิภาพ"
มันไม่ใช่การลงโทษและความเศร้าโศก พวกเรายังมีโอกาสที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ถ้าเราสร้างการเปลี่ยนแปลงได้เร็วพอ ขยายการป้องปกดูแลที่อยู่อาศัยของพืชพันธุ์ตามธรรมชาติ เพื่อทำให้ยังคงมีความหลากหลายทางชีวภาพ
คอกาแฟทั่วโลกยังคงโล่งใจได้ที่จะไม่เกิดภาวะการขาดแคลนกาแฟในเร็วๆ นี้ แต่ถ้ายังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็เป็นไปได้ว่าเราจะเผชิญกับภาวะขาดแคลนกาแฟในอนาคตอันใกล้นี้ และย้อนกลับไปในปี 2016 มีรายงานออกมาจากองค์กร Fairtrade Australia & New Zealand ที่ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก จะทำให้ปริมาณการผลิตกาแฟลดลงถึง 50% ซึ่งทำให้เกิดปัญหากับทั้งตัวเกษตรกรเอง และคอกาแฟทั่วโลกด้วย
โดยคุณ Aaron Davis หัวหน้าทีมวิจัยของ Kew Gardens กล่าวว่า "สำหรับคอกาแฟก็ยังไม่มีเรื่องให้ต้องกังวลในเวลานี้ แต่สิ่งที่เรานำเสนอคือปัญหาที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว หากเราไม่เปลี่ยนแปลงในวันนี้เพื่อรักษาทรัพยากรสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตกาแฟเอาไว้ อนาคตสำหรับอุตสาหกรรมกาแฟนั้นต้องมืดหม่นอย่างแน่นอน"
และถ้าเราไม่ทำอะไรเลย เครื่องดื่มที่เป็นที่โปรดปรานมากที่สุดอย่างหนึ่งของโลก นั้นต้องมีจุดจบที่น่าขมขื่นในสักวัน
วันนีีฉันดื่มไปแล้ว5ถ้วย พอล่ะ พรุ่งนี้ตุนต่อ
18 ม.ค. 2562 เวลา 09.29 น.
デチャ(諏訪) ปัญญาอ่อน ลอกบทความมาแบบไม่มีความคิด
18 ม.ค. 2562 เวลา 03.14 น.
al far อัลฟา farook ใส่น้ำตาลสิ จะได้ไม่ขม
เห้อ กาแฟหมดพันธุ์ เดี๋ยวก็หาอย่างอื่นกินต่อได้นิ
18 ม.ค. 2562 เวลา 02.54 น.
ดูทั้งหมด