มินจายอง หรือ ราชินีมิน มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์เกาหลี ย้อนไปเมื่อ สงครามจีน-ญี่ปุ่น สิ้นสุดลงใน ค.ศ. 1895 ส่งผลให้เกาหลีหลุดลอยไปจากจีน ในปีเดียวกันนี้ก็เกิดโศกนาฏกรรมบางอย่างขึ้นในพระราชวังเคียงบอคของ พระเจ้าโกจง ซึ่งเป็นผลงานของญี่ปุ่น แต่ไม่มีใครเอาผิดกับญี่ปุ่นได้
สนธิสัญญาชิโมโนเซกิที่จีนยอมจํานนต่อญี่ปุ่น เพื่อยุติสงครามผลักดันจีนให้ออกไปจากเกาหลี และหยุดการที่เกาหลีต้องส่งบรรณาการหรือจิ้มก้องไปจีน แต่ยังไม่ทําให้ญี่ปุ่นพอใจ เพราะราชสํานักเกาหลียังกุมอํานาจอยู่ด้วย พระราชินีองค์หนึ่งผู้ไม่เคยยอมญี่ปุ่น และเป็นผู้ประคับประคองราชบัลลังก์อันโอนเอนของพระเจ้าโกจงตลอดมา พระนางคือ มินจายอง ราชินีของ “พระเจ้าโกจง” การดํารงอยู่ของพระนางจะเป็นเสี้ยนหนามมิให้ญี่ปุ่นครอบครองเกาหลีได้สําเร็จ และญี่ปุ่นก็จะไม่เก็บพระนางไว้
ย้อนกลับไปกล่าวถึงรัชกาลของพระเจ้าโกจงสักเล็กน้อย (ครองราชย์ ค.ศ. 1864-1907) พระเจ้าโกจงทรงเป็นกษัตริย์แห่งโชซอนในยุคหัวเลี้ยวหัวต่อทางประวัติศาสตร์ ทรงอ่อนแอทั้งสติปัญญาและจิตใจ เพราะทรงถูกอุปโลกน์ให้ขึ้นเป็นกษัตริย์ด้วยพระชนมายุเพียง 11 พรรษา โดยการชักใยและบอกบทโดยพระบิดา (เจ้าชายลีแฮอง แต่ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นเจ้าชายแดวอน เมื่อขึ้นเป็นผู้สําเร็จราชการแล้ว – ผู้เขียน)
พระเจ้าโกจงเสวยราชย์เพียงเพื่อเป็นเครื่องมือที่ช่วยอํานวยความสะดวกให้แก่กลุ่มอํานาจใหม่เท่านั้น และกลไกในการบริหารประเทศในช่วงต้นรัชกาลตกอยู่ในกํามือของเจ้าชายแดวอน ซึ่งเป็นพระบิดาเรื่อยมา
พอพระเจ้าโกจงทรงเจริญพระชนมายุเพียง 15 พรรษา พระบิดาก็ได้คลุมถุงชนให้กษัตริย์เกาหลีมีพระมเหสี โดยเลือกคู่ครองให้เสร็จสรรพเพื่อให้อยู่ในสายตาของตนต่อไป เด็กสาวผู้ไร้เดียงสาคนหนึ่งจากตระกูลมินอายุเพียง 16 ปีถูกเลือกขึ้นมาให้อภิเษกสมรสกับพระเจ้าโกจงเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1866 เด็กหญิงคนนี้มีชื่อว่า มินจายอง
มินจายอง ถูกคัดเลือกขึ้นมาเป็นคู่ชีวิตของยุวกษัตริย์ ก็เพราะเธอไม่มีทีท่าว่าจะเป็นเสี้ยนหนามของเจ้าชายแดวอน ผู้สําเร็จราชการได้เลย เพราะเธอกําพร้าทั้งบิดามารดาแต่ยังเล็ก ซ้ำร้ายยังไร้ญาติขาดมิตรและกองเชียร์ที่จะสนับสนุนเธอให้ขึ้นมามีบทบาทอะไรได้ อันเป็นการพยากรณ์ที่ผิดพลาดโดยสิ้นเชิง เพราะในอีก 30 ปีต่อมา มินจายอง จะก้าวขึ้นไปเป็นราชินีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดองค์หนึ่งของเกาหลี ผู้กุมอํานาจอยู่ข้างหลังบัลลังก์ของพระเจ้าโกจงอย่างแท้จริง
การเป็นคนใฝ่หาความรู้ของราชินีมินจายอง ทําให้พระนางเจริญวัยขึ้นมาเป็นคนรู้มาก และกลายเป็นนักบริหารที่มีขุนนางกลุ่มยังเติร์กหรือพวกหัวสมัยใหม่เป็นพวกของพระนางเอง การมองการณ์ไกลของพระนางทําให้เกิดคณะปฏิรูปเล็กๆ ขึ้นคณะหนึ่งที่ถูกส่งออกไปดูงาน (ล้วงความลับ) ถึงจีนและญี่ปุ่น ได้เห็นความล้มเหลวของจีน และเบื้องหลังความสําเร็จของญี่ปุ่นในระยะสร้างชาติ
“ราชินีมิน” ได้กลายเป็นกําลังสําคัญของพระเจ้าโกจงในช่วงการแทรกแซงของญี่ปุ่น จนมีผู้ยกย่องให้พระนางเป็นเสาหลักของความเป็นชาติเกาหลี และภาพพจน์ของความซื่อตรงต่อชาติบ้านเมือง
ในระยะที่อิทธิพลของพระนางกําลังผลักดันให้ต่างชาติที่มิได้ประสงค์ร้ายจนเกินไปคือจีนและรัสเซียเข้ามาสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มขุนนางหัวสมัยใหม่ในราชสํานักเกาหลีนั้น เจ้าชายแดวอนผู้อาวุโสกลายเป็นผู้แปรไปเป็นฝ่ายญี่ปุ่นเสียเอง และดําเนินการอย่างลับๆ ที่จะกําจัดพระนางออกไปให้พ้นทาง
ด้วยการวางแผนของราชินีมินจายอง พระเจ้าโกจงทรงดําเนินการติดต่อในทางลับกับรัสเซีย เพื่อหาทางสกัดกั้นการคุกคามของญี่ปุ่น ซึ่งต้องการให้เกาหลีเป็นเพียงจังหวัดหนึ่งของจักรวรรดิญี่ปุ่นเท่านั้น แต่นโยบายถ่วงดุลอํานาจของราชินีมินจายองก็มิได้เล็ดลอดสายตาของเจ้าชายแดวอน ผู้รายงานให้ข้าหลวงใหญ่ญี่ปุ่นทราบเป็นระยะๆ
แผนการกําจัดราชินีจึงอุบัติขึ้น เพื่อหยุดยั้งการแทรกแซงของมือที่ 3 ในเกาหลี
แผนลอบประทุษร้ายราชินีเกาหลีของทีมสังหารจากญี่ปุ่นลอบเข้าไปภายในพระราชวังเคียงบอคอย่างเงียบๆ ในเช้าตรู่ของวันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 1895 ทีมสังหารบุกเข้าไปถึงพระราชฐานชั้นในอันเป็นที่ประทับ แต่ก็ถูกสกัดกั้นโดยราชองครักษ์ของราชินีมินจายอง แต่ทีมสังหารซึ่งมีกําลังมากกว่าและเป็นมืออาชีพจากญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการชี้เป้าจากสายลับเกาหลีที่นิยมญี่ปุ่นก็เข้าไปจนถึงพระตําหนักฝ่ายใน ได้สังหารองครักษ์และพระสนมซึ่งพยายามปกป้องราชินีอย่างสุดความสามารถแต่ก็ไร้ผล
มีสตรีรวม 3 คนถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหดในเช้าวันนั้น หนึ่งในร่างที่ไร้วิญญาณก็คือราชินีมินจายองผู้สูงศักดิ์ และเพื่อให้แน่ใจว่าเป้าหมายถูกกําจัด ทีมสังหารได้เผาพระบรมศพเป็นเถ้าถ่าน เพื่อทําลายหลักฐานในป่าสนหลังพระตําหนักนั่นเอง (วิโรจน์, 2555)
ราชินีมินจายองสวรรคตอย่างมีปริศนา ด้วยพระชนมายุเพียง 43 พรรษา โดยปราศจากร่องรอยหลักฐาน ทิ้งให้ พระเจ้าโกจง ต้องทนต่อสู้กับชะตากรรมตามลําพังต่อไปอย่างไม่มีจุดหมาย
อิทธิพลของญี่ปุ่นและเหตุการณ์ในวันนั้นสามารถปิดปากสื่อมวลชนทั่วโลกที่มองว่าเกาหลีเป็นเพียงเรื่องภายในของญี่ปุ่นเท่านั้น ไม่มีใครอยากติดตามเสนอข่าว เพราะเกรงว่าจะกระทบกระเทือนความสัมพันธ์กับญี่ปุ่น แม้สื่อตะวันตกที่ไม่เคยตกข่าวสําคัญเกี่ยวกับราชวงศ์ก็ยังงดการเสนอข่าวใดๆ ที่จะเปิดเผยชะตากรรมของ ราชวงศ์เกาหลี เพราะต้องการเอาใจญี่ปุ่น
ผู้เขียนเป็นนักสะสมเอกสารโบราณประเภทหนังสือเก่าและหนังสือพิมพ์เก่าจากยุโรป มีหนังสือพิมพ์รายวันที่ตีพิมพ์ในประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ ตลอด ค.ศ. 1895 หลายร้อยฉบับ แต่ก็ไม่พบการเสนอข่าวใดๆ เกี่ยวกับการจากไปของราชินีมินจายองแม้แต่ประโยคเดียว อันเป็นเรื่องผิดสังเกต โดยเฉพาะเมื่อเกิดกับสื่อมวลชนยุโรปที่เคยเสนอข่าวเกี่ยวข้องกับเกาหลีไม่มากก็น้อย ทุกวันนี้ก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเงินและอํานาจซื้อสํานักพิมพ์อิสระของฝรั่งได้
เพียงแต่รู้คร่าวๆ จากหนังสือประวัติศาสตร์เกาหลีที่พิมพ์ในสมัยหลังว่าภายหลังการปลงพระชนม์พระราชินีมินจายอง ผ่านไปราว 2 ปี คือในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1897 พระเจ้าโกจงก็ทรงละทิ้งพระราชวังเคียงบอค เสด็จฯ ไปประทับลี้ภัยภายในสถานทูตรัสเซียเป็นเวลาเกือบ 1 ปีเต็ม เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัยของพระองค์เอง ทรงคิดอยู่เสมอว่ารัสเซียน่าจะเป็นทางออกของเกาหลีที่ดีได้
หมายเหตุ : หลังสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่นจบลงด้วยความปราชัยของรัสเซีย ไม่มีชาติใดกล้าข้องแวะกับญี่ปุ่นอีก ปล่อยให้ญี่ปุ่นคุกคามส่วนต่างๆ ของเอเชีย
ค.ศ. 1907 ญี่ปุ่นผนวกเกาหลีเข้าเป็นจังหวัดหนึ่งได้สำเร็จ และปลด พระเจ้าโกจง ออกจากราชบัลลังก์แล้วควบคุมพระองค์ไปที่ญี่ปุ่น ไม่ปล่อยให้พระองค์กลับมาปกครองเกาหลีอีก รัฐบาลญี่ปุ่นสถาปนาพระเจ้าซุนจง พระราชโอรสของพระเจ้าโกจงเป็นจักรพรรดิเกาหลี แต่ก็เป็นแค่ในนาม ปล่อยให้ข้าหลวงใหญ่ญี่ปุ่นปกครองกันเอง
อ่านเพิ่มเติม :
- ตำนานเจ้าหญิงอินเดีย ผู้กลายเป็นราชินีแห่ง “เกาหลี”
- ถกตำนานเจ้าหญิงอินเดีย ข้ามไปเป็นราชินีเกาหลีใต้ ให้กำเนิดทายาทตระกูลคิมและฮอ!?
หมายเหตุ : คัดเนื้อหาส่วนหนึ่งจากบทความ “อย่าให้เหมือนเกาหลี กษัตริย์ที่หายไปจากภาพประมุขทั่วโลกออกมหาสมาคม” เขียนโดย ไกรฤกษ์ นานา ในศิลปวัฒนธรรม ฉบับพฤศจิกายน 2555
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 22 ธันวาคม 2561
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ราชินี “มินจายอง” ผู้พลีชีพแทนพระเจ้าโกจง จักรพรรดิโดยชอบธรรมองค์สุดท้ายของเกาหลี
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com
โชชิว อ่านข่าวการลอบสังหารองค์หญิงแล้ว ทำไมดูแล้วเศร้าจังเลยในใจ
16 มี.ค. 2564 เวลา 07.40 น.
โดนนิวเคลียส์ไปสองลูกยังน้อยไป. ไม่สมกับความเลวระยําที่ทําไว้ในอดีด
16 มี.ค. 2564 เวลา 04.32 น.
Pummy เคยได้ยินมาว่าคนเกาหลีเดิมๆเกลียดญี่ปุ่นมากชนิดที่ว่า ไม่ใช้สินค้าใดๆที่มาจากญี่ปุ่นเลย แต่ผลิตเองใช้เอง เช่น ฮุนได ซัมซุง เกียร์ ส่วน ซีรี่ย์เกาหลี แต่ละเรื่องก็ใช้ของพวกนี้ เป็นอันเข้าใจค่ะ ว่าทำไม ถึงมันจะผ่านไปนานแล้ว แต่เข้าใจความเจ็บปวดค่ะ
16 มี.ค. 2564 เวลา 02.24 น.
MUA Inc. เป็นมานานแล้ว และก็ยังคงดำเนินอยู่
เด๋วลองดูพม่าเป็นตัวอย่าง
การรุกรานจากชาติที่ยิ่งใหญ่กว่า
ถ้าคนในชาติถูกกดขี่เอาเปรียบ อยุติธรรม มันก็ขาดความสามัคคี ก็เป็นช่องให้ต่างชาติที่ใหญ่กว่าเข้าแทรกแซงโดยง่าย ตามเนื้อหาข่าว แล้วก็วิบัติตั้งแต่รากหญ้ายันtop class
16 มี.ค. 2564 เวลา 00.09 น.
Chanwit ญี่ปุ่นเลวจริงๆ
15 มี.ค. 2564 เวลา 23.35 น.
ดูทั้งหมด