กลายเป็นประเด็นร้อนที่กระทบต่อความรู้สึกไม่น้อย หลังนายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ออกมาแถลงถึงเที่ยวบินของทหารสหรัฐที่จะเดินทางถึงประเทศไทย ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ และเลือกเข้ากักตัวที่พื้นที่ควบคุมโรค ในโรงแรมเอกชน หรือ Alternative State Quarantine : ASQ ตามการประสานงานระหว่างคณะที่ปรึกษาทางการทหารสหรัฐประจำประเทศไทย JUSMAG THAI กองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ ก่อนที่ ศบค.จะพิจารณาอนุมัติ
ตามการชี้แจงของกองทัพบก พล.อ.ณฐพนธ์ ศรีสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กองทัพบก (ผอ.ศบค.ทบ.) ระบุว่า ทหารสหรัฐทั้ง 110 นาย ชุดแรกเดินทางจากเกาะกวม จำนวน 71 นาย เป็นผู้เชี่ยวชาญของกองพลน้อยสนับสนุนความมั่นคง SFAB เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับแผนการจัดตั้ง กรมสไตรเกอร์ ที่กองพลทหารราบที่ 11 พร้อมทั้งการปรับหลักนิยมในการรบตามแบบของหน่วยสหรัฐ นอกจากนั้นยังมีผู้เชี่ยวชาญในการแลกเปลี่ยนความชำนาญในหัวข้อเฉพาะ หรือ SMEE เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาหน่วยรบหลัก ทั้งราบ ม้า ปืน โดยผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นจะกระจายไปยังศูนย์การทหารราบ ศูนย์การทหารม้า ศูนย์การทหารปืนใหญ่ และโรงเรียนศูนย์สงครามพิเศษ
จากข้อมูลที่ได้ตรวจสอบพบว่า คณะผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้สังกัดกองทัพบกสหรัฐ แต่เป็นพนักงานราชการ ส่วนใหญ่เป็นทหารเกษียณ จึงไม่มียศทางทหาร แต่มีความรู้และเชี่ยวชาญในด้านการใช้ยุทโธปกรณ์ ด้านวางแผนยุทธวิธีการ การจัดตั้งหน่วย ฯลฯ ที่สหรัฐจะส่งมาสาธิต และสอนแนวทางการปรับหน่วยให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของกองทัพบกไทย
ส่วนเที่ยวบินถัดมา เป็นทหารประจำการ ที่เข้าฝึกร่วมภายใต้รหัส Balance Torch จำนวน 32 นาย เดินทางมาจากฐานทัพอากาศโยโกตะของสหรัฐในญี่ปุ่น โดยกำลังพลสหรัฐที่เดินทางมาครั้งนี้ จัดจาก 1st Special Forces Group หรือกองพลราบพิเศษที่ 1 (ส่งทางอากาศ) โดย “เฟิร์ส กรุ๊ป” มีกองพันประจำอยู่ที่เกาะโอกินาวา พื้นที่ปฏิบัติการในภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก
พร้อมกันนั้นยังมีกำลังพลที่เข้ามาร่วมฝึก HMA Ex หรือการฝึกเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม จำนวน 4 นาย จากฐานทัพสหรัฐในญี่ปุ่น และการฝึก Vector Balance Torch จำนวน 3 นาย เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับกองพันปฏิบัติการพิเศษ กรมรบพิเศษที่ 3 รักษาพระองค์
เหตุผลสำคัญที่ ผอ.ศบค.ทบ.ชี้แจงเหตุผลคือ การพิจารณาจากความสัมพันธ์ทางทหารระหว่าง 2 ประเทศที่มีมาอย่างยาวนาน และไม่อยากให้เรียกว่า “การฝึก” เพราะมากกว่า 50% เป็นผู้เชี่ยวชาญที่เดินทางมาในลักษณะของ “เทรนเนอร์”
และเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่า ได้มากกว่าเสีย และยังสอดคล้องกับการ “ผ่อนคลายมาตรการของรัฐ” ที่ให้กิจการ กิจกรรม และเศรษฐกิจในประเทศเดินได้ ทางกองทัพบกสหรั ฐจึงได้ขออนุมัติผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศ จากนั้นก็จะมีการชี้แจงข้อกำหนดที่ ศบค.วางกรอบไว้ เพื่อให้มีการลงนามยอมรับการปฏิบัติตามมาตรการของรัฐในการกักตัว ไม่ออกไปนอกพื้นที่ รวมถึงมาตรการควบคุมโรคอื่นๆ และทางฝ่ายสหรัฐจะออกค่าใช้จ่ายในการกักตัว 14 วันเองทั้งหมด
นอกจากนั้นกองทัพบกจะจัดเจ้าหน้าที่ประจำ ที่โรงแรมคอนราด ถ.วิทยุ จัดกำลังพลจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล ม.2 รอ.) และโรงแรมอนันตรา รีเวอร์ไซด์ ฝั่งธนบุรี จัดจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ แห่งละ 2 นาย เพื่อช่วยทางโรงแรมกำกับดูแลกำลังสหรัฐในการควบคุมโรค ตั้งแต่ 4 ส.ค. ถึง 18 ส.ค. 63 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดการกักตัว ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จะเข้าบริหารจัดการให้เกิดความรัดกุม นอกจากนั้นพื้นที่ในโรงแรมจะมีการกันพื้นที่เฉพาะในชั้นเดียว ล็อกลิฟต์ขึ้น-ลง เก็บคีย์การ์ด ดูแลควบคุมทางขึ้น-ลงบันไดหนีไฟ
และหลังจากครบเวลา 14 วัน จะส่งทหารไปในภารกิจที่ได้กำหนดตามแผน โดยอยู่ในพื้นที่ค่ายทหาร ซึ่งเป็นหน้าที่ของกองทัพบกจะเข้าไปรับผิดชอบในห้วงหลังเวลากักตัวทั้งหมด
แม้ ทบ.จะยกเลิกการฝึกหนุมานการ์เดี้ยน ที่มีทหารสหรัฐเข้ามาฝึกหลักพันนาย และ อนุมัติแผนให้ผู้เชี่ยวชาญ หรือการฝึกที่มีกำลังพลจำนวนน้อยแทน เพื่อดำรงความต่อเนื่องในแผนพัฒนากองทัพแทน สอดรับกับความสัมพันธ์ในฐานะพันธมิตรที่ยาวนาน แต่จำนวนทหารที่รวมกันหลักร้อยนาย ก็ทำให้สังคมรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม 110 ทหารสหรัฐที่เข้ามาในประเทศครั้งนี้ ยังคงตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ถึงเหตุผล ความเหมาะสม ในการที่ ศบค.อนุมัติให้เข้ามา แม้จะมีการแจ้งข้อมูลการพบปะกับทหารไทยไม่เกิน 50 นาย แต่ “ความเสี่ยง” ในการที่โควิดจะเล็ดลอดเข้ามาในหน่วยทหารก็ยังมีอยู่เหมือนกัน
จากข้อมูลของพลเมืองสหรัฐที่ติดเชื้อในแต่ละวันยังอยู่ในลำดับต้นตาราง เช่นเดียวกับทหารสหรัฐที่ฐานทัพที่เมืองโอกินาวา ก็เคยตกเป็นข่าวว่าพบการติดเชื้อจำนวนมาก จึงยังวางใจได้ยากว่า มาตรการที่เข้มข้นเหล่านั้นจะสกัดกั้นเชื้อแฝงที่แทรกเข้ามาอยู่ในร่างกายมนุษย์ได้หรือไม่ เพราะไวรัสมองไม่เห็นด้วยตา
จึงหนีไม้พ้นที่ “กองทัพ” จะถูกตั้งคำถามเรื่อง “บทเรียน” ที่เกิดจากการใช้คำว่า วินัยทหาร และความมั่นคง ในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพราะในที่สุดก็มักสรุปจบเหมือนเดิม!!!.
pop เอาเงินที่ผลาญงบ มาช่วยคนจนดีกว่า
05 ส.ค. 2563 เวลา 17.13 น.
Ae ทรัมป์สั่งมาปล่อยเชื้อ...555
04 ส.ค. 2563 เวลา 23.12 น.
ศิริภรณ์ จะเตรียมรบ กับนักศึกษาที่ออกมาแสดงความต้องการของเค้า?
นี่มันประเทศอะไร ตะวันออกกลางรึป่าว.วะ? ทำอะไีรดูมีเงื่อนงำำอำพราง เกิ้นนนนน
04 ส.ค. 2563 เวลา 22.53 น.
นคร เมืองเดช ไทยปลอดเชื้อเลยต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
เพื่อที่จะได้ต่อ พรก.ฉุกเฉิน ออกไปจนถึงสิ้นปี
04 ส.ค. 2563 เวลา 22.23 น.
sawas นำเข้าโควิคนะชิ
04 ส.ค. 2563 เวลา 21.40 น.
ดูทั้งหมด