ในตอนนี้สถานการณ์การระบาดของ Covid-19 ในญี่ปุ่นก็ยังไม่ค่อยดีขึ้นสักเท่าไรครับ แม้จะมีการประกาศภาวะฉุกเฉินที่ขยายไปทั่วประเทศแล้วก็ตาม แต่จำนวนคนติดเชื้อก็ยังพุ่งสูงขึ้น ตอนนี้มีผู้ติดเชื้อเกือบครบทุกจังหวัด (ขาดแค่จังหวัดอิวาเตะจังหวัดเดียวที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อ) โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างโตเกียวนี่ก็มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงมากในทุก ๆ วัน ซึ่งนักวิชาการของญี่ปุ่นเขาก็ออกมายอมรับเลยครับว่าสาเหตุของการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าเป็นห่วงนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ
“ประชาชนชาวญี่ปุ่นไม่ให้ความร่วมมือกับทางการในการกักตัวอยู่กับบ้าน”
เราอาจจะชื่นชมคนญี่ปุ่นที่มีระเบียบวินัยดีจนน่าเอาเป็นแบบอย่างในหลาย ๆ เรื่อง แต่กับเรื่องให้ความร่วมมือในการป้องกันไวรัสอยู่กับบ้าน เมื่อเทียบกันผมก็เห็นว่าคนไทยเราให้ความร่วมมือดีกว่าคนญี่ปุ่นมาก ๆ อย่างแรกเลยก็คือเรื่องการออกไปทำงาน
ในช่วงนี้บริษัทที่ไทยเน้นการทำงานจากที่บ้านกันมาก ๆ แต่ในญี่ปุ่นนั้นมีอัตราการ Work from Home เพียงแค่ 18% เท่านั้น (อ้างอิงจาก YouGov) ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่มีการทำงานจากที่บ้านต่ำที่สุดในโลก สาเหตุก็มาจากความบ้างานของคนญี่ปุ่นนั่นเอง ช่วงนี้เพื่อน ๆ ของผมก็ยังต้องออกไปทำงานกันตามปกติ แถมยังทำโอทีกันแทบทุกวันอีกด้วย
นอกจากเรื่องการทำงานแล้ว ในช่วงวันหยุด คนญี่ปุ่นก็ยังคงออกมาเที่ยวกัน (ก็ทำงานทุกวันก็ต้องหาเรื่องเที่ยวด้วยงี้) อย่างเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีข่าวว่าที่เอโนชิม่า เกาะในจังหวัดคานากาว่าใกล้ ๆ โตเกียว ซึ่งเป็นเมืองชายทะเลที่คนญี่ปุ่นนิยมมาพักผ่อน ก็ยังมีคนมาเดินเที่ยวกันแน่นจนรถติดยาวเหมือนในภาวะปกติ หรือแม้แต่สวนสาธารณะเซตากายะ ก็ยังมีภาพคนออกมานั่งพักผ่อนหย่อนใจกันเต็มสวนสาธารณะเต็มไปหมด ก็คงเป็นเพราะว่าช่วงนี้เป็นฤดูแห่งการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น อากาศก็ดี ซากุระก็บานสวย แต่คือมันใช่เวลาออกมาเที่ยวกันไหมอะแก !!
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สถานที่ท่องเที่ยวหลายที่ในญี่ปุ่นต้องตัดสินใจปิดเพื่อไม่ให้คนมาเที่ยว ที่เป็นข่าวสะเทือนอารมณ์ที่สุดก็คือสวนทิวลิปในเมืองซากุระจังหวัดชิบะ ที่อยู่ไม่ไกลจากโตเกียวอีกเช่นกัน พอเห็นข่าวว่าคนออกมาเที่ยวกันเยอะในช่วงนี้ แล้วดอกทิวลิปของทางสวนก็กำลังบานสวยงามพอดี เขาก็เลยตัดสินใจตัดต้นทิวลิปที่ปลูกไว้กว่า 800,000 ต้นทิ้ง พร้อมกับประกาศยกเลิกเทศกาลชมทิวลิปประจำปีไปซะเลย เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวแห่กันมา
อีกหนึ่งพื้นที่ที่คนญี่ปุ่นนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวในช่วงนี้ก็คือจังหวัด “โอกินาว่า” นั่นเองครับ จังหวัดโอกินาว่าเป็นเกาะที่อยู่ทางใต้สุดของญี่ปุ่น ที่คนญี่ปุ่นนิยมเดินทางมาพักผ่อนกัน ช่วงนี้โอกินาว่าก็มีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นจากจังหวัดอื่น ๆ เข้าไปเที่ยวกันเยอะ ด้วยสาเหตุที่ว่าตอนนี้พวกเขานั้นเดินทางออกนอกประเทศไม่ได้ และโอกินาว่าก็เป็นจังหวัดของญี่ปุ่นที่ดูมาเหมือนญี่ปุ่นมากที่สุด (โอกินาว่าอารมณ์จะออกแนวๆ ไต้หวันอะไรประมาณนี้ครับ) ที่สำคัญก็คือตอนนี้ที่โอกินาว่าไม่มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเลย ทำให้คนค่อนข้างน้อยและรู้สึกว่าเที่ยวได้สนุกกว่าช่วงปกติที่มีแต่นักท่องเที่ยวจีนเต็มไปหมด
ที่น่าตกใจก็คือมีรายการโทรทัศน์ของญี่ปุ่นรายการหนึ่งเขาสัมภาษณ์สาวออฟฟิศที่บริษัทให้หยุดงานเป็นกรณีพิเศษเพราะมีอาการไข้ ซึ่งแน่นอนว่าขอให้หยุดงานก็หมายถึงให้นอนอยู่บ้านอะเนาะ แต่สาวคนนี้ดันเลือกที่จะบินไปเที่ยวโอกินาว่าซะอย่างนั้น แถมยังมาให้สัมภาษณ์อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่า เพราะคิดว่าคงจะไม่มีโอกาสหยุดพิเศษแบบนี้อีกแล้ว ก็เลยตัดสินใจไปเที่ยวดีกว่า (ได้เหรอ ?)
ในขณะที่คนที่เหนื่อยจากการทำงานในช่วงนี้มากที่สุดก็คือพนักงานของร้านที่ยังเปิดอยู่ตอนนี้ ทั้งซูเปอร์มาเก็ต ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา ที่จะต้องรับมือกับลูกค้าที่ไร้มารยาทมากมาย ที่หนักที่สุดก็คือเหล่าพนักงานของร้านสินค้าทุกอย่าง 100 เยน ที่ถึงขั้นต้องออกมาประท้วงหยุดงาน
ด้วยเหตุผลที่ว่าลูกค้าที่มาที่ร้านนั้นมีมารยาทแย่เกินไป ลูกค้าแห่มาที่ร้านเป็นจำนวนมากขึ้นเทียบกับช่วงปกติ บางคนก็ไม่ได้ต้องการมาซื้อของ แต่แค่อยากมาเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศเพราะร้านอื่น ๆ มันปิด ลูกค้าไร้มารยาทเหล่านี้ไม่ให้ความร่วมมือในการใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลก่อนเข้าร้าน แถมยังต่อว่าพนักงานอย่างรุนแรง ถ้าไม่สามารถหาซื้อของบางอย่างเช่นหน้ากากอนามัยจากร้านได้ จนพนักงานของร้านตัดสินใจประท้วงหยุดงาน พร้อมกับติดป้ายเอาไว้หน้าร้านเพื่อชี้แจงสาเหตุอีกด้วย
จนตอนนี้นักวิชาการชาวญี่ปุ่นได้กล่าวว่า “เหมือนว่าการกักตัวอยู่กับบ้านของคนญี่ปุ่นจะจบลงแล้ว ทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในการประกาศภาวะฉุกเฉิน” เพราะคนญี่ปุ่นจะไม่ให้ความร่วมมือกับทางการอีกต่อไป การประกาศภาวะฉุกเฉินก็เป็นภาวะฉุกเฉินที่ไม่ได้ฉุกเฉินอย่างแท้จริง เพราะรัฐบาลก็ได้แค่ขอความร่วมมือจากประชาชนเท่านั้น ไม่ได้มีอำนาจในการบังคับให้ประชาชนทำอะไรหรือมีบทลงโทษอะไรเป็นพิเศษ
ดีหน่อยก็ตรงที่สามารถขอความร่วมมือจากร้านค้าต่าง ๆ ให้เลื่อนเวลาปิดขึ้นมาให้เร็วขึ้น ทำให้ตอนนี้ญี่ปุ่นเองก็เหมือนจะมีเคอร์ฟิวกลาย ๆ เพราะห้างร้านที่เคยเปิดถึงดึกก็ปิดตัวตั้งแต่หัวค่ำ พอไม่มีสถานที่ให้ออกมาเดิน คนก็จะอยู่กับบ้านกัน ทำให้เราจะได้เห็นภาพญี่ปุ่นที่ไร้ผู้คนในช่วงกลางคืน แต่พอกลับมาเป็นกลางวันชีวิตก็ดำเนินไปปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซึ่งก็ทำให้น่าเป็นห่วง เพราะถ้ายังเป็นแบบนี้ก็ไม่รู้สถานการณ์จะสิ้นสุดลงเมื่อไร
*อ้างอิงข่าว: livedoor news, blog.esuteru*
ติดตามบทความใหม่เกี่ยวกับเรื่องน่ารู้และเรื่องแปลก ๆ ของประเทศญี่ปุ่นทาง LINE TODAY: TOP PICK TODAY จากผมได้ทุกวันเสาร์นะครับ
ช่องทางการติดตามเพิ่มเติม
Facebook :Eak SummerSnow
Youtube : Eak SummerSnow
So แปลก
ปกติคนญี่ปุ่นจะเคารพกฏระเบียบ ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม
24 เม.ย. 2563 เวลา 18.22 น.
chaom วัฒนธรรมชีวิตคืองาน งานคือชีวิต...มุมมองฝังรากลึกปิดบังความจริงด้านอื่นครับ
25 เม.ย. 2563 เวลา 03.02 น.
🌺wanpen🌺 เป็นไง คนที่ขื่นชมคนญี่ปุ่น ชื่นชมประเทศญี่ปุ่นว่าเคารพในระเบียบวินัย ตอนนี้ยุคโควิด19 คนญี่ปุ่นกลับไม่สนใจระเบียบวินัยไม่สนใจกฎที่ทางรัฐบาลตั้งขึ้น แล้วโควิด 19 คงไม่สามารถควบคุมได้ ตอนนี้ประชาชนคนไทยดีเราเคารพกฎระเบียบที่รัฐบาลตั้งขึ้นมา ต้องร่วมมือกันทั้งสองฝ่ายประชาชน กับรัฐบาล ไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ในการลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19
25 เม.ย. 2563 เวลา 06.07 น.
Long k.k 42 ข้อดีของโควิท คือได้เห็นอีกด้านของหลายๆสังคม
25 เม.ย. 2563 เวลา 11.14 น.
วัดชนาธิปเฉลิม ความกล้วตายต่างกัน ส่วนเรื่องงาน คนขยันไมีขอบหยุดงาน ส่วนคนขี่เกียจชอบ
25 เม.ย. 2563 เวลา 05.18 น.
ดูทั้งหมด