‘โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า’ หลาย ๆ คน คงจะคุ้นชินกับสุภาษิตนี้ เรามักถูกสอนให้ระงับความโกรธไว้ในใจ เพื่อที่จะไม่แสดงความรู้สึกที่ไม่ดีของตัวเองออกมาแสดงให้คนอื่นรับรู้ น้ำขุ่นต้องไว้ข้างใน น้ำใสต้องไว้ข้างนอก วัฒนธรรมไทยเป็นวัฒนธรรมที่กดทับความโกรธไว้ข้างใน ซึ่งจริง ๆ แล้ว ‘ความโกรธ’ นั้นก็มีประโยชน์อยู่
ความโกรธเป็นแรงขับเคลื่อนให้ทำสิ่งต่าง ๆ สำเร็จ
เวลาที่คนเราโกรธนั้น เราจะมีพลังมหาศาลในการทำสิ่งต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องยาก ๆ ในเวลาปกติอาจจะสำเร็จได้อย่างง่ายได้เวลาโกรธ เพราะว่าเวลาที่คนเราโกรธจะมีแรงผลักดันบางอย่าง ถ้าใช้ความโกรธอย่างชาญฉลาด ก็จะทำให้เกิดระโยชน์ต่อทั้งตัวเรา และไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น
ความโกรธทำให้ไม่มองโลกในแง่ร้าย
ฟังดูย้อนแย้ง แต่เป็นเรื่องจริง มีการศึกษาว่าคนที่แสดงออกว่าโกรธนั้นมีแนวโน้มที่จะเดินต่อไปข้างหน้าและก้าวข้ามความเจ็บปวดได้ดีกว่า เพราะไม่ได้สนใจในเรื่องของความเจ็บปวดสักเท่าไหร่นัก รวมไปถึงเวลาที่เราโกรธ เราจะมองว่าตัวเองมีพลังในการเปลี่ยนแปลงมากกว่าจะจมปักอยู่กับความน้อยเนื้อต่ำใจ
ความโกรธช่วยในเรื่องความสัมพันธ์
หลาย ๆ คนอาจจะเข้าใจว่าความโกรธทำให้ความสัมพันธ์นั้นแตกแยก เพราะความโกรธเป็นสิ่งที่คนรับรู้กันว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีนัก มันก็จริงความโกรธที่แสดงออกอย่างไม่ระมัดระวัง เป็นตัวบ่อนทำลายความสัมพันธ์ แต่ความโกรธที่ผ่านการตระหนักรู้ และทบทวนก่อนจะแสดงออกไปเป็นประโยชน์ต่อความสัมพันธ์มากกว่า เพราะว่าเป็นการแสดงออกเพื่อที่จะหาทางออกของปัญหาต่าง ๆ ได้เวลาที่โกรธแล้วไม่แสดงออกว่าโกรธ เก็บไว้ในใจ บางครั้งก็ไม่ได้ทำให้คนรัก หรือคนข้าง ๆ รู้ว่าเรากำลังโกรธอยู่ ก็อาจจะก่อให้เกิดปัญหาในภายภาคหน้าได้
ความโกรธช่วยลดความรุนแรง
ยิ่งโกรธ ยิ่งก่อให้เกิดการกระทำที่รุนแรง แต่ในอีกแง่ก็ช่วยให้ลดความรุนแรงเช่นเดียวกัน ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าการที่คนเราแสดงออกว่าโกรธ เป็นการแสดงออกในอีกทางหนึ่งว่าต้องการที่จะแก้หรือเปลี่ยนแปลงปัญหาที่เกิดขึ้น เวลาที่คนเราต่างสังเกตความโกรธของอีกฝ่าย ทำให้เรามักจะได้สัญญาณของอะไรบางอย่างซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการอยู่ในสังคม
ความโกรธเป็นเครื่องมือในการต่อรองได้
ความโกรธถ้าถูกใช้ในทางที่ถูกต้องและดี ก็สามารถเป็นเครื่องมือในการต่อรองสิ่งที่เราต้องการได้
แต่การโกรธนั้น ก็ไม่ควรจะโกรธแบบพร่ำเพรื่อ การอนุญาตให้ตัวเองได้โกรธบ้างเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่าโกรธไปทุกเรื่อง ให้อยู่บนหลักเหตุผล ดีกว่าใช้อารมณ์โกรธจนไปกระทบกับผู้อื่น
ขอบคุณข้อมูลจาก
N 🚥🚦🚥 C ความโกรธอาจเป็นแรงขับให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้สำเร็จก็จริง แต่หรียญมันมีสองด้านเสมอ ไฟโกรธของมนุษย์มีฤทธิ์ทำลายล้างเหนือกว่าที่จะก่อพฤติกรรมบวก สังเกตเถอะกรรมหนักทั้งหลาย ล้วนบันดาลขึ้นจากความโกรธ ทั้งนั้นแหละ
22 มี.ค. 2564 เวลา 19.41 น.
suthee.j นั่นเป็นทางโลก ความโกรธมาจากจิตที่มีโทสะ ซึ่งส่งผลทางร่างกาย ถ้าทำให้เกิดขึ้นบ่อยๆ มันจะยิ่งรุนแรงขึ้น จนกระทั่ง เวลาโกรธ สติจะไม่มี พระพุทธเจ้าค้นพบความโกรธ หรือโทสะ เป็นกิเลส พระแนะนำสอนให้ มองดูความโกรธให้ทันด้วยการฝึกสติ เพราะอารมณ์จะเกิดขึ้นได้ขณะละอารมณ์เดียว จะเกิดซ้อนกันไม่ได้ เราจึงควรฝึกสติเพื่อให้ทันอารมณ์โกรธ ถ้าสติเกิดทัน ความโกรธก็จะดับ ควรฝึกสติบ่อยๆ
22 มี.ค. 2564 เวลา 23.17 น.
Manty2019 เขียนอะไรมั่วๆ สุดท้ายก็เขียน เอาตัวรอด บทความนี้.....
22 มี.ค. 2564 เวลา 19.06 น.
🏕🌈Nid🌌🏝 คิดว่ายังไงความโกรธ ก็ไม่ดีอยู่ดี ทำลายสุขภาพจิตร ทำลายสุขภาพกายพร้อม
22 มี.ค. 2564 เวลา 23.21 น.
[HPTRM]^yayako선량 แค่ความคิดของคนๆ นึง ถ่ายทอดอวดฉลาดออกมา จะเก่งกว่าพระพุทธเจ้าเชียวเหรอ
22 มี.ค. 2564 เวลา 23.32 น.
ดูทั้งหมด