9 ก.ค.-หนุ่มใหญ่วัย 53 ปี ร้องทุกข์ถูกหญิงวัย 32 ปี ที่พบรักผ่านเฟซบุ๊ก หลอกเงินช่วยค่าใช้จ่ายต่างๆ สุดท้ายสูญเงินกว่า 4 ล้านบาท ในระยะเวลา 2 ปี
วันนี้ นายเอก(นามสมมุติ)หนุ่มใหญ่วัย 53 ปีชาวสระบุรี เดินทางพร้อมน้องสาว และคุณแม่เข้าร้องต่อ ทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ที่ สำนักงานทนายคู่ใจย่านแจ้งวัฒนะ สืบเนื่องจากกรณีที่ตนได้รู้จักกับหญิงสาวชาวเหนือผ่านทางเฟสบุค เมื่อประมาณ2ปีที่แล้ว. และถูกหลอกให้โอนเงินกว่า 4 ล้านบาท
(นายเอก) เปิดใจเล่ากับทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ว่า ตนได้รู้จักกับ(น้องแจง)นางสาว นิภาพร ยืนมาก(อายุ32ปี)ผ่านทาง facebook และตลอดการคุยมา 2 ปี ด้วยความที่ตนเป็นพ่อหม้าย หวังตามหารักแท้ จึงตกลงคบหาดูใจ โดยที่ฝ่ายน้องแจงได้มีการเขียนหนังสือสัญญาว่าจะใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันกับนายเอกฉันสามีภรรยา จึงทำให้นายเอกหลงรักและเชื่อใจน้องแจง อยากใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันรวมถึงอยากช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ
หลังจากที่เริ่มคบสักระยะก็มีเหตุการณ์ที่น้องแจงเอามากล่าวอ้าง ว่าพ่อเสียชีวิตขอค่าทำศพ ไม่นานก็ส่งรูปงานศพแม่ให้นายเอกโอนค่าจัดงานศพให้อีก
จากนั้นน้องแจงก็อ้างอีกว่าจะเข้าทำงานที่ธนาคารแห่งหนึ่งที่โดยจะต้องใช้เงินประกันการทำงาน หลังจากนั้นอีก4-5 เดือนก็บอกจะมาทำงานที่สุวรรณภูมิเพื่อเป็นข้ออ้าง ขอเงินเพิ่มอีก
รวมทั้งยังอ้างถึงที่ดินจังหวัดเชียงรายติดธนาคาร ธกส.ขอเงินไถ่ถอนเพื่อเอาออกมาขาย และจะใช้หนี้ให้ทั้งหมด แต่หลังจากโอนไปก็ยังอ้างอีกว่าติดปัญญาคนที่จะมาซื้อที่ดินผืนดังกล่าวไม่พอใจทางเข้าที่คับแคบ ถ้านายเอกโอนเงินจำนวน 1ล้าน 3แสนบาท มาซื้อที่ที่อยู่ติดกัน เพื่อใช้ทำเป็นทางเข้าจะสามารถขายได้และเอาเงินมาใช้หนี้นายเอก…นายเอกจึงหลงเชื่อและโอนให้เมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา
ยัง ยังไม่หมด ยังมีประเด็นที่น้องแจงบอกว่าโดนคดียักยอกทรัพย์ ถูกฟ้องจากไฟแนนซ์รถยนต์ทำให้นายเอกต้องโอนเงินอีก 4 แสน 4 หมื่นบาท ไปช่วยเหลือด้วยความสงสาร
ซึ่งเงินทั้งหมดที่โอนให้น้องแจงนั้น นายเอกเปิดใจว่า เป็นเงินที่ได้จากการเออร์รี่ จากบริษัทที่ตนทำงาน และส่วนหนึ่งก็เป็นการจำนำรถยนต์ และจากบัตรเครดิต ปัจจุบันตนเหลือเงินติดตัวหลังเออร์รี่เพียงหมื่นกว่าบาท ซ้ำร้ายยังต้องเป็นหนี้อีกมากมายด้วยความหลงรักและอยากช่วยเหลือคนรัก
ยิ่งไปกว่านั้นพักหลังมานี้ เริ่มเห็นความผิดปกติ เพราะเริ่มติดต่อน้องแจงยากขึ้นซ้ำร้ายยังโดนบล็อกเฟสบุ๊ก บล็อกเบอร์โทร เหลือเพียงไลน์แต่ก็ไม่ค่อยตอบเหมือนก่อนโดยน้องแจงอ้างว่าทำงานอยู่ที่ประเทศมาเลเซียโทรศัพท์พังต้องยืมโทรศัพศ์ของเพื่อนเพื่อติดต่อกับนายเอก…โดยนายเอกสืบทราบมาว่าน้องแจงมีผู้ชายคนใหม่แล้ว
นายเอกจึงเริ่มหมดความเชื่อใจสงสัยและปรึกษากับครอบครัวได้รับคำแนะนำไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เสาไห้ จังหวัดสระบุรี วันที่22พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนที่เดินทางมาพบทนายรณณรงค์ วันนี้ต้องการสอบถามประเด็นที่สามาถดำเนินการทางกฏหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้
ด้าน ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องตรวจสอบหลักฐานที่คุยเพิ่มเติมว่าจะเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงหรือเป็นการให้โดยเสนห์หา แต่เบื่องต้นมีการแจ้งความในพื้นที่ไว้เเล้วต้องตามต่อกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะดำเนินการอย่างไร ยอมรับว่าไม่เคยเจอการโอนเงินให้อีกฝ่ายเป็นจำนวนเงินมากขนาดนี้ ทัังๆที่ไม่เคยเจอหน้ากัน หรือแม้แต่วีดีโอคอลหากันก็ไม่เคย มีเพียงการคุยผ่านเฟสผ่านไลน์เท่านั้น
ฝากเตือนไปยังประชาชนที่คิดจะหาคู่ผ่านสื่อออนไลน์ให้พิจารณามากๆและควรที่จะเจอตัวจริงกันก่อนหรืออาจจะลองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสักระยะก่อนจะเชื่อใจและโอนเงินให้ จากหลายๆกรณี.-สำนักข่าวไทย
J กูเดาว่าถ้าเห็นสภาพอีแจงตัวจริงแล้วจะเหวอ
09 ก.ค. 2563 เวลา 19.00 น.
catmeaw6395 ไม่เคยเจอกันโอนช่วย4ล้าน
09 ก.ค. 2563 เวลา 18.27 น.
ไปตายสะ ดีกว่าไปแจ้งความ ยุไก้ลจิสอนตัวต่อตัวแบบหนักๆเลยโง่นัก
09 ก.ค. 2563 เวลา 20.53 น.
Ton hunter มีเงินไม่พอ..ต้องโง่ด้วย..แดกหญ้าอร่อยป่ะ
09 ก.ค. 2563 เวลา 21.04 น.
Narin “แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน”
09 ก.ค. 2563 เวลา 22.22 น.
ดูทั้งหมด