ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ฝรั่งสายพันธุ์ใหม่ พันธุ์ “พิจิตร 1” ฝรั่งผลสีเขียว และ “พิจิตร 2” ฝรั่งผลสีแดง ปลูกง่าย ราคาดี

เทคโนโลยีชาวบ้าน
เผยแพร่ 17 ก.พ. 2562 เวลา 01.50 น.

ฝรั่ง เป็นผลไม้ที่ปลูกง่าย สามารถผลิตได้ทั้งปี โดยในบ้านเราผลผลิตส่วนใหญ่จะมีจำหน่ายมากในช่วงเดือนกรกฎาคมตุลาคม และมีจำหน่ายน้อยในช่วงเมษายนของทุกปี

ซึ่งชาวสวนฝรั่งโดยมากจะเลี่ยงการผลิตฝรั่งออกในช่วงเดือนเมษายน เพราะเป็นช่วงที่ผลไม้จากภาคตะวันออกซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลใหญ่ของผลไม้บ้านเรา ออกสู่ตลาดหลายชนิดและมีจำนวนมาก ซึ่งเป็นที่รู้กันของชาวสวนฝรั่งว่า เมื่อไรก็ตาม ที่ มะม่วง เงาะ ทุเรียน มังคุด ออกสู่ตลาดเมื่อไร เมื่อนั้นผลไม้ชนิดอื่นแทบหมดความสำคัญ และช่วงนั้นจะเป็นช่วงตกต่ำของผลไม้ชนิดอื่น เพราะเป็นช่วงที่มีผลไม้ออกสู่ตลาดมากที่สุดนั่นเอง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ส่วนช่วงที่ฝรั่งมักมีราคาสูงจะเป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีผลไม้ชนิดไหนออกสู่ตลาด อย่างช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม ช่วงนั้นราคาฝรั่งจะสูง 25-40 บาท ต่อกิโลกรัม กับอีกช่วงคือเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งบ้านเราจะมีเทศกาลต่างๆ มากในช่วงนี้ ในบ้านเรามีฝรั่งที่ปลูกในเชิงการค้าหลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์หลักๆ ก็จะมี ฝรั่งแป้นสีทอง กิมจู และรองลงมาก็จะมี ขาวอัมพร ฝรั่งไร้เมล็ด พันธุ์แป้นไส้แดง กรอบสามสี ทับทิมสยาม และในยุคที่ฝรั่งสายพันธุ์ใหม่ๆ จากไต้หวันเข้ามาก็จะมีสายพันธุ์ หงเปาสือ ซีกวา เฟิ่นหงส์มี่ เหวินหง เจินจู สุ่ยหมี่ เป็นต้น

ข้อดีของฝรั่งนอกจากจะปลูกง่ายแล้ว ยังให้ผลผลิตได้เร็ว คือหลังปลูกไปแล้วเพียง 6 เดือนขึ้นไป ก็สามารถออกดอกและติดผลได้บ้าง แล้วทำให้เกษตรกรที่เริ่มทำสวนหรือปลูกใหม่มีรายได้เร็วกว่าไม้ผลชนิดอื่นๆ ที่ต้องรอเวลาอย่างน้อย 2-4 ปีขึ้นไป เป็นพืชที่สามารถบังคับให้ออกดอกติดผลได้หลายวิธี ซึ่งที่นิยมคือ การตัดแต่งกิ่งหรือปลายใบของกิ่ง รองลงมาก็จะเป็นการโน้มกิ่ง เป็นต้น ทำให้เกษตรกรสามารถคาดการณ์กำหนดให้ผลผลิตออกสู่ตลาดตามที่เกษตรกรต้องการได้

ฝรั่งสายพันธุ์ดีของจังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ “สวนคุณลี” อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร ได้คัดเลือกจากการนำเมล็ดมาเพาะและคัดเลือกนานหลายปี จนได้ฝรั่งสายพันธุ์ดี เนื้อดี รสชาติหวาน กรอบ 2 สายพันธุ์ คือ ฝรั่งพันธุ์ พิจิตร 1(ผลสีเขียว) และ ฝรั่งพันธุ์ “พิจิตร 2” (ผลสีแดง) โดยมีลักษณะสายพันธุ์ ดังนี้

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

 

ฝรั่งพันธุ์ พิจิตร 1*(ผลสีเขียว) *

เกิดจากการนำเมล็ดฝรั่งไต้หวันพันธุ์ฮ่องเต้มาเพาะ โดยมีวัตถุประสงค์แรกเพื่อจะใช้ทำต้นตอ และนำไปทาบกิ่ง เพื่อจะได้ต้นพันธุ์ที่มีรากแก้ว-เมล็ด ส่วนหนึ่งได้นำไปปลูกแซมในสวนมะนาวแป้นดกพิเศษ เพื่อตรวจสอบดูว่าจะมีฝรั่งต้นใดกลายพันธุ์มาดีกว่าพันธุ์ฮ่องเต้หรือไม่ ผลปรากฏว่ามีฝรั่งอยู่ต้นหนึ่ง ปลูกด้วยเมล็ดไปเพียง 4-5 เดือนเศษ เริ่มออกดอกและติดผลดกมาก เมื่อผลแก่พบว่า ฝรั่งมีผลเป็นทรงกลมคล้ายพันธุ์กลมสาลี่ มีผิวขาวนวล เนื้อกรอบ เนื้อมีความละเอียดมากเป็นพิเศษ เมล็ดน้อย รสชาติหวานรับประทานอร่อยมาก ความหวานน่าจะไม่ต่ำกว่า 14% บริกซ์

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ถ้ามีการบำรุงรักษาที่ดี มีการไว้ผลที่พอเหมาะ ผลจะมีน้ำหนักได้ถึง 1 กิโลกรัม ต่อผล ที่สำคัญเมื่อผลฝรั่งพันธุ์ “พิจิตร 1” แก่จัด เนื้อจะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และเนื้อล่อนหลุดง่ายจากเมล็ด การออกดอกติดผลดกมาก ขนาดผลโดยเฉลี่ย 500-800 กรัม จัดเป็นฝรั่งที่มีรสชาติอร่อยมากอีกพันธุ์หนึ่ง และได้ตั้งชื่อพันธุ์ว่า “พันธุ์พิจิตร 1” เพราะต้นแม่เกิดที่จังหวัดพิจิตร คาดว่าในอนาคตฝรั่งพันธุ์พิจิตร 1 จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการปลูกฝรั่งไทยในอนาคตอย่างแน่นอน ซึ่งมีเพื่อนเกษตรกรหลายท่านที่ปลูกฝรั่งพันธุ์กิมจูอยู่ก่อนหน้านี้ได้ให้คำตอบว่า รับประทานอร่อยกว่าฝรั่งพันธุ์กิมจู และได้ขยายพื้นที่ปลูกเพื่อจำหน่ายผลเพิ่มแล้วในตอนนี้ เนื่องจากมั่นใจในรสชาติมาก แล้วมีการตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่ซื้อไปรับประทาน

 

ฝรั่งพันธุ์ “พิจิตร 2” (ผลสีแดง)

เป็นฝรั่งอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่เกิดขึ้นจากการเพาะเมล็ดของฝรั่งพันธุ์แดงบางกอก หลังจากการเพาะเมล็ด ต้นฝรั่งที่เพาะเมล็ดโตจนออกดอกและติดผล พบว่า มีบางต้นที่แสดงลักษณะที่ดีและดีมากกว่าเดิม คือ ฝรั่งพันธุ์ “พิจิตร 2” ผลมีขนาดใหญ่ เฉลี่ย 350-600 กรัม เนื้อหนากว่าต้นแม่อย่างฝรั่งแดงบางกอกอย่างชัดเจน รสชาติหวาน กรอบ รับประทานอร่อย มีกลิ่นหอม ส่วนใบ ดอก ผล จะมีสีม่วงแดงสวยมาก และแน่นอนฝรั่งที่มีผิวและเนื้อสีแดงม่วงก็จะย่อมมีสารแอนโทไซยานินสูง สีผลฝรั่งเป็นที่สนใจแก่ผู้บริโภคเป็นอย่างมาก และได้ตั้งชื่อพันธุ์ว่า “พันธุ์พิจิตร 2” เพราะต้นแม่เกิดที่จังหวัดพิจิตร

ฝรั่งพันธุ์ “พิจิตร 1” และ “พิจิตร 2” จัดเป็นไม้ผลที่น่าปลูกมาก เนื่องจากสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกได้เร็วสำหรับการปลูกไม้ผล กล่าวคือ ปลูกเพียง 6 เดือน ต้นสามารถออกดอกและติดผลแล้ว และสามารถเก็บผลผลิตขายได้ภายใน 1 ปี เท่านั้น ซึ่งตอนนี้สวนคุณลี จำหน่ายผลฝรั่ง พันธุ์ “พิจิตร 1” และฝรั่งพันธุ์ “พิจิตร 2” ได้กิโลกรัมละ 50 บาท ออกจากหน้าสวน

ถือว่าเป็นผลไม้ที่มีมูลค่าในการจำหน่ายที่ค่อนข้างดีถ้าเทียบกับไม้ผลหลายๆ ชนิดที่มีการดูแลที่มากและนานกว่าฝรั่ง ซึ่งตอนนี้สวนคุณลีก็ขยายพื้นที่ปลูกมากขึ้น เพื่อให้ผลผลิตเพียงพอต่อความต้องการของตลาด สำหรับท่านที่สนใจผลผลิตหรือต้นพันธุ์ฝรั่งแท้จากต้นตำรับ ติดต่อได้ที่ สวนคุณลี โทร. 081-886-7398, 056-513-021 หรือช่องทางเฟซบุ๊ก : สวนคุณลี

การปลูกฝรั่งให้ความสำคัญในเรื่องของสภาพดินปลูก ที่จะต้องเป็นดินที่มีการระบายน้ำที่ดีและมีอินทรียวัตถุสูง เป็นที่สังเกตว่าการนำกากอ้อยมาใช้เป็นปุ๋ยหมักในการปรับโครงสร้างของดิน และที่เน้นเป็นพิเศษคือ จะต้องมีการตรวจเช็คค่าความเป็นกรด-ด่าง ของดิน เมื่อดินเป็นกรดจะแนะนำให้ใส่ปูนโดโลไมท์ ระยะการปลูกมีหลายระยะตามความเหมาะสมของแต่ละสวน เช่น 2.5×3 เมตร 3×3 เมตร และ 4×4 เมตร เป็นต้น มีคำแนะนำเพิ่มเติมว่า การใช้ระยะปลูกที่ห่างพอสมควรมีส่วนช่วยในเรื่องของระบบการถ่ายเทอากาศที่ดี มีส่วนช่วยลดปัญหาโรคและแมลงได้ แล้วบางสวนเอาเครื่องจักรหรือรถขนาดเล็กเข้าทำงานก็จะง่าย ยกตัวอย่าง ถ้าระยะปลูกระหว่างแถวและระหว่างต้น ประมาณ 3×3 เมตร ในเนื้อที่ 1 ไร่ จะปลูกได้ประมาณ 160 ต้น*         *

เตรียมหลุมปลูก

ขนาดของหลุมปลูก ควรกว้างประมาณ 1 หน้าจอบ ถ้าเป็นดินร่วน แต่ถ้าเป็นดินที่ไม่ดี จำเป็นต้องขุดหลุมกว้างขึ้น เพื่อเปลี่ยนสภาพดินในหลุมให้ดีขึ้น ดังนี้

ควiขุดดินโดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ดินบนและดินล่าง ดินบนเป็นส่วนที่มีอินทรียวัตถุมากอยู่แล้ว ให้แยกไว้ส่วนหนึ่ง ดินล่างคือดินที่เมื่อขุดลึกลงไปแล้วพบว่าดินมีสีจางลง เป็นชั้นที่ไม่มีอินทรียวัตถุ ตากดินไว้ 10-15 วัน เพื่อให้แสงแดดส่องฆ่าเชื้อโรคในหลุมปลูกและในดิน กลบดินบนลงในหลุมผสมปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยหมัก 1 ส่วน ต่อดินข้างบน 2 ส่วน โรยสารสตาร์เกิล จี (สารไดโนทีฟูแรน) ซึ่งเป็นสารป้องกันกำจัดแมลงชนิดเม็ดสำหรับรองก้นหลุมและโรยรอบๆ โคนต้น

ซึ่งสารสตาร์เกิล จี จะช่วยป้องกันแมลง เช่น มด ปลวก ที่เข้ามากัดกินรากของต้นกล้าได้ตั้งแต่เริ่มปลูก รวมถึงยังป้องกันการทำลายของแมลงปากดูด อย่างเช่น เพลี้ยแป้ง เพลี้ยอ่อน แมลงหวี่ขาว บริเวณยอดอ่อนของฝรั่ง สามารถคุมได้นาน 30-45 วัน แล้วจึงนำต้นฝรั่งลงในหลุมทับชั้นดินบน จนมีระดับสูงกว่าระดับพื้นดินธรรมดา ประมาณ 10 เซนติเมตร การที่ต้องกลบดินให้สูงกว่าระดับดินเดิมนั้น เพื่อที่เมื่อเวลาปลูกแล้วต้นจะยุบตัวลงเล็กน้อย ซึ่งจะทำให้พอดีระดับดินเดิม ถ้าไม่เผื่อไว้จะเป็นแอ่งและมีน้ำขัง ทำให้รากเน่าตายได้

 

วิธีปลูก

หลังจากเตรียมหลุมปลูกเรียบร้อยแล้ว ให้นำกิ่งพันธุ์ที่ต้องการไปปลูกลงในหลุม กลบดินให้แน่นพอสมควร แล้วใช้ไม้ปักเป็นหลักผูกกันลมโยกและรดน้ำทันที จากนั้นใช้ทางมะพร้าวมาคลุมพรางแสงแดดให้แก่ต้นฝรั่งจนกว่าต้นฝรั่งจะตั้งตัวได้ แต่ถ้าต้นฝรั่งมีความแข็งแรงดีอยู่แล้วในถุงดำ แล้วระบบน้ำดี ก็ไม่จำเป็นต้องทำที่บังแดดให้แต่อย่างใด การปักไม้ค้ำกันลมในระหว่างที่ต้นฝรั่งยังเล็กอยู่ ควรปักไม้ค้ำกันลมเพื่อป้องกันไม่ให้ต้นโยก เพราะอาจกระทบกระเทือนทำให้ต้นฝรั่งไม่โต การปักไม้ค้ำกันลมควรใช้ไม้รวกหรือแขนงไม้ไผ่ ยาว 1 เมตร ค้ำกิ่งต้นละ 1 ถึง 2 อัน และใช้เชือกพลาสติกผูกติดกับกิ่ง แต่อย่าผูกให้แน่นมาก เพราะอาจเจริญเติบโตช้า

การพยุงผลฝรั่ง ฝรั่งจะเริ่มออกผลเมื่อประมาณ 6 เดือนขึ้นไป ควรใช้ไม้ไผ่ปักไว้เพื่อพยุงผลฝรั่ง โดยใช้ปลายหรือแขนงไม้ไผ่ขนาดเล็ก ยาว 1 เมตร หรือมากกว่านั้น ปักใกล้กับปักกิ่งที่ออกผลแล้ว ควรผูกยึดกับกิ่งไว้ บางส่วนจะผูกขั้วผลกับกิ่งหรือไม้ปักเพื่อไม่ให้ผลถ่วงต้น เพราะน้ำหนักผลฝรั่งมาก ถ้ามีลมพัดแรงต้นจะเฉาตายและรากจะขาด

วิธีการให้น้ำ

หลังจากปลูกฝรั่งแล้วต้องหมั่นคอยรดน้ำในช่วงระยะแรกจนกว่าต้นฝรั่งจะตั้งตัวได้ดี หลังจากนั้น ก็สังเกตดูความชุ่มชื้นของดิน ถ้าดินแห้งมากต้องรีบให้น้ำ และถ้ามีฝนตกหนักก็ควรสำรวจระบายน้ำออกจากแปลง ถ้าน้ำท่วมขัง การให้น้ำจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามความต้องการของต้นฝรั่ง ช่วงของการเจริญเติบโตโดยเฉพาะช่วงที่เลี้ยงผลบนต้น จะต้องการน้ำอย่างสม่ำเสมอ แต่เมื่อผลใกล้จะแก่อย่างน้อย 7-10 วัน ก่อนหน้า จะลดการให้น้ำแก่ต้นฝรั่งเพื่อเป็นการเพิ่มความหวานวิธีหนึ่ง 

การใส่ปุ๋ย

โดยปกติการปลูกพืชทุกชนิดควรมีการใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมีสูตรอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะฝรั่งที่มีการออกผลดกและติดผลจำนวนมากเกือบตลอดทั้งปี ที่แนะนำคือ ใช้สูตรเสมอ เช่น 15-15-15 ยืนพื้น แล้วก่อนตัดแต่งกิ่ง ก็จะให้ปุ๋ย สูตร 8-24-24 จนออกดอก และติดผลขนาดเล็กพร้อมที่จะห่อผล ก็จะมาสลับสูตรปุ๋ยที่มีตัวหน้าสูง (ขยายขนาดผล) และตัวท้ายสูง (เพิ่มคุณภาพและความหวาน) เช่น ปุ๋ยสูตร 21-7-14 หรือ 11-6-25 หรือ 13-10-21 หรือ 8-24-24 โดยเน้นการให้อัตราที่น้อยแต่บ่อยครั้ง

หากจะให้ฝรั่งมีการสร้างเนื้อที่ดี มีรสชาติที่ดียิ่งขึ้น ให้ฉีดพ่นปุ๋ยทางใบสูตรที่คล้ายๆ กับทางดิน แต่เน้นปุ๋ยที่มีสูตรตัวท้ายสูง เช่น ปุ๋ยไฮโปส (10-4-36) ปุ๋ยเฟอร์ติไจเซอร์ (3-16-36) ฉีดสัปดาห์ละครั้ง ประมาณ 1-2 ครั้ง เพื่อสร้างคุณภาพผล เช่น เพิ่มขนาดผล สร้างเนื้อ และความหวาน

(อ่านต่อฉบับหน้า)

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 1
  • สีแดงบ้านข่อยเอิ้นว่า บักขี้นก
    17 ก.พ. 2562 เวลา 05.00 น.
ดูทั้งหมด