ภาพรวมตลาดหุ้นไทยกลับมาฟื้นตัวตอนปลายสัปดาห์ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับที่ 1,735.10 จุด เพิ่มขึ้น 0.20% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 58,192.36 ล้านบาท ลดลง 13.43% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai เพิ่มขึ้น 0.18% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 375.18 จุด
โดยตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงช่วงต้นถึงกลางสัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลต่อความไม่แน่นอนในประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า การเจรจายังคงไม่คืบหน้า และยังเตือนว่าอาจมีการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาได้ช่วงปลายสัปดาห์ สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดยมีแรงหนุนจากถ้อยแถลงของประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ที่มีท่าทีเปิดรับโอกาสของการปรับลดดอกเบี้ย ขณะที่ นักลงทุนยังรอติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลภายหลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการแล้ว
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (22-26 ก.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,725 และ 1,715 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,745 และ 1,765 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ การแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา (25-26 ก.ค.) การทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 2/62 ของบริษัทจดทะเบียนไทย รวมถึงความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/62 ยอดขายบ้านใหม่และบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย. รวมถึงดัชนี PMI Composite (เบื้องต้น) เดือนก.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI Composite (เบื้องต้น) เดือนก.ค. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น
ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน คาดการณ์ว่า นักลงทุนจะมีการเล่นเก็งกำไรตามความคาดหวังนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของเฟด ซึ่งเฟดจะมีการประชุมในวันที่ 30-31 ก.ค.นี้ โดยปกติก็มักจะมีการเล่นเก็งกำไรกันก่อน 2 สัปดาห์ก่อนการประชุม นอกจากนี้ ในวันที่ 24 ก.ค.นี้ก็ให้ติดตามตัวเลข PMI ภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ และยุโรป อีกทั้งติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 25 ก.ค.นี้ด้วย ส่วนตลาดหุ้นไทยให้ติดตามนโยบายของภาครัฐฯ จากความคาดหวังในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ให้แนวรับไว้ที่ 1,720 จุด ส่วนแนวต้าน 1,750-1,767 จุด