"บิ๊กตู่" โว บัตรประชารัฐ สร้างรายได้กว่า 65 ล้านบาท

18 มิ.ย.62-ที่ทำเนียบรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ถึงโครงการเสริมทรายชายหาดพัทยา ว่า เป็นการแก้ไขปัญหาไม่ให้ชายหาดเสื่อมโทรม ทั้งนี้ตนได้สั่งการให้ทำแบบนี้ทุกชายหาดที่สำคัญและเป็นแหล่งท่องเที่ยวของไทย ซึ่งขณะนี้ทางกรมเจ้าท่าได้ทยอยดำเนินการแล้ว มีการปรับทราย เอาทรายไปถมในส่วนต่างๆ ซึ่งก็มีระเบียบว่า จะต้องมีการกั้นพื้นที่ค้าขาย และการจัดพื้นที่กีฬาทางน้ำที่เหมาะสม รวมถึงการพัฒนาทางเท้าที่ไม่ให้ไปกีดขวางการจราจรที่ประชาชนต้องไม่เดือดร้อนด้วย ซึ่งตนต้องขอร้องและขอความร่วมมือด้วย

"บิ๊กตู่" โว บัตรประชารัฐ สร้างรายได้กว่า 65 ล้านบาท

พล.อ.ประยุทธ์ แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรีถึงตลาดประชารัฐว่า มีการดำเนินการเสร็จไปจำนวนมากแล้ว โดยกระทรวงพาณิชย์ ได้รายงานว่า ยอดการใช้จ่ายเงินสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐ ทั้งร้านแบบติดตั้งเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (อีดีซี) และแบบใช้แอปพลิเคชันถุงเงินประชารัฐ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.61-26 พ.ค.62 มีมูลค่าการใช้จ่ายรวม 65 ล้านบาท ซึ่งร้านธงฟ้าประชารัฐ มีส่วนช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับเกษตรกร ที่เป็นสินค้าจากเกษตรกรและผู้ผลิตสินค้าชุมชน ที่มีรายได้เฉลี่ยเดือนละประมาณ 32,000 ล้านบาท
นายกฯ วอน คนวิจารณ์ รัฐบาลแก้ปัญหาประมง อย่าย้อนกลับไปที่เก่าอีกเลย
พล.อ.ประยุทธ์ แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย หรือ ไอยูยู ว่า จากที่ติดตามหลาย ๆ สื่อก็ยังมีความไม่เข้าหลายอย่าง แต่เท่าที่สังเกตได้คือ ประมงพื้นบ้านมีความพึ่งพอใจในการปฏิบัติตามกฎระเบียบของไอยูยู ในส่วนของประมงพาณิชย์อาจจะมีปัญหาในเรื่องของต้นทุน ก็ต้องมีการชี้แจงทำความเข้าใจในเรื่องการนำสัตว์น้ำเข้ามาขายในประเทศไทย เพราะประเทศไทยส่งออกสินค้า ประเภทสัตว์น้ำเป็นประเทศต้น ๆ ระดับโลก จึงทำให้ประมงของมีสินค้าไม่เพียงพอ จึงต้องมีมาตรการภาษีเข้ามา ทั้งนี้ก็ต้องขอบคุณประมงพาณิชย์ และประมงพื้นบ้านที่เข้าใจในหลักการของไอยูยู ซึ่งรัฐบาลก็จะหาวิธีการแก้ปัญหาความเดือดร้อนต่าง ๆ ต่อไป เราอย่าย้อนกลับไปที่เก่าอีกเลย หลายคนยังพูดจาที่ทำเกิดความเสียหาย อะไรที่ทำได้แล้วเราจะกลับไปที่เก่าทำไม ซึ่งเรื่องนี้เป็นความยั่งยืนของประมงไทย

"นายกฯ" สั่งทำแหล่งกักเก็บน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำแก้ปัญหากทม.ระบายน้ำไม่ทัน

พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการบริหารจัดการน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ในกรุงเทพฯและในเมืองใหญ่ๆ ว่า วันนี้สั่งการไปแล้ว ให้นำแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 มาสืบสาน รักษา ต่อยอด และได้สั่งการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) หารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และกรุงเทพมหานคร ในการจัดทำแหล่งกักเก็บน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำ เป็นการเก็บน้ำใต้ดินบ้าง พื้นที่เปิดบ้าง เพื่อเอาน้ำในพื้นที่ที่ท่วมเสมอ เช่น กรุงเทพฯที่มีหลายแอ่ง แหล่งไหนเดือดร้อนมาก็ต้องจูงน้ำตรงนี้ไปเก็บไว้ก่อน เหมือนแก้มลิง และเมื่อระบบระบายน้ำลงสู่ทะเลเรียบร้อยแล้ว ค่อยระบายน้ำตรงนั้นออกไป

นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้กำลังให้ไปหาทางดำเนินการอยู่ และเริ่มไปแล้ว 4 แห่ง ยังเหลืออีก 3-4 แห่ง ซึ่งต้องใช้งบประมาณจำนวนหนึ่ง รวมถึงเรื่องถนน เส้นทางต่างๆให้กระทรวงคมนาคมไปดูถนนตรงไหนที่ต่ำ เช่น เส้นทางไปพัทยา ชลบุรี ที่น้ำท่วมข้างถนนอยู่ตลอด จะใช้หลักการพระราชดำริได้หรือไม่โดยเก็บพักน้ำไปก่อนในช่วงฝนตกหนัก เพราะบ้านเรามีปัญหาระบบระบายน้ำมายาวนาน มีปัญหาคนเข้ามาอยู่อาศัยมากขึ้น พื้นที่ในการระบายน้ำ กักเก็บน้ำลดน้อยลง ขอให้เข้าใจการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ต้องทำแบบนี้

"นายกฯ" สั่ง เตรียมมาตรการรองรับผลกระทบศก.โลก

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงมาตรการรองรับทางด้านเศรษฐกิจว่า วันนี้ทุกคนทราบดี ยังมีเรื่องสงครามการค้า ความขัดแย้ง เรื่องพลังงาน ที่มีข่าวการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน ดังนั้นเราต้องเตรียมทุกมาตรการ เราเป็นประเทศเล็กยังไงก็มีผลกระทบบ้าง ไม่มากก็น้อย ก็ต้องหารือร่วมกันว่าจะทำอย่างไร รวมถึงในอาเซียนด้วย นอกจากนี้ต้องติดตามราคาพืชผลการเกษตร ตนได้เข้มงวดให้มีการปฏิบัติเกิดขึ้นโดยเร็ว ราคายางก็ขึ้นมา 50-60 บาทแล้ว ค่อยๆขึ้นทีละขั้นตอนเพื่อความยั่งยืน ต้องไปดูกลไกข้างล่าง มีการเอื้อประโยชน์กับใครอย่างไร ต้องไปรื้อทั้งหมด ก็ทำให้ค่อยๆดีขึ้น ขณะที่ราคาปาล์มน้ำมันก็ขึ้นมา 3.50 บาทแล้ว ใช้เวลากี่เดือน ในการนำมาใช้เป็นพลังงานต่างๆ