ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงและโลกที่ขับเคลื่อนไปข้างหน้าแทบจะตลอดเวลา สิ่งหนึ่งที่ต้องถูกพัฒนาควบคู่กันไปก็คือ “การศึกษา” ที่เราต้องเรียนรู้ตลอดเวลาเพื่อให้ทันกับกระแสโลกที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
หันมามองที่ระบบการศึกษาไทยที่ใคร ๆ ก็คาดหวังว่ามันจะต้องค่อย ๆ พัฒนาขึ้น แต่จนแล้วจนรอด ผ่านมากี่ยุคกี่สมัย ปัญหาที่เกิดขึ้นกับการศึกษาบ้านเราก็แทบจะไม่ได้ถูกแก้ไขให้ดีขึ้นเลย
ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่หลายคนสัมผัสมาจนชินตา เรียกว่ารับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกันเป็นอย่างดีว่าเด็กไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันต้องประสบกับอะไรบ้าง ที่น่าแปลกใจก็คือในเมื่อโลกพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว แต่ทำไมระบบการศึกษาบ้านเรากลับหยุดนิ่งอยู่กับที่ ทำไมเด็กไทยไม่ได้รับการศึกษาที่ถูกต้อง เหมาะสม และสอดคล้องกับยุคสมัย ทำไมปัญหาเหล่านี้ยังตามหลอกหลอนอนาคตของชาติอยู่ตลอดเวลา
1. มัวแต่ท่องจำ
นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าระบบการศึกษาไทยเน้นการท่องจำมากขนาดไหน เรื่องนี้มีการพูดคุย วิจัย เปรียบเทียบกันมาหลายครั้ง แต่ละครั้งล้วนตีแผ่การเรียนการสอนแบบท่องจำว่าด้อยพัฒนา และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์อะไรไม่ได้เลย เรื่องนี้จะไปโทษเด็กฝ่ายเดียวคงไม่ได้ เพราะเป็นปัญหาเรื้อรังมาตั้งแต่รากเหง้าดึกดำบรรพ์ ผ่านไปกี่ปีก็มีแต่ท่องจำ ไม่ได้สอนให้เด็กรู้จักใช้ความคิดวิเคราะห์เพื่อพัฒนาตนเอง
2. อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้
หลายคนไม่เชื่อว่าจะมีเด็กไทยที่อยู่ในระบบโรงเรียนแล้วอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้จริงหรือ แต่นี่คือความจริงที่สังคมไทยต้องยอมรับ ซึ่งจากผลการสำรวจพัฒนาการของนักเรียนในสังกัด กทม. 437 โรงเรียนเมื่อปีที่ผ่านมา พบว่ามีเด็กที่อ่าน-เขียนภาษาไทยไม่คล่องตามเกณฑ์ประมาณ 2 หมื่นคน โดยในจำนวนนี้มีประมาณ 3,000 คน ไม่สามารถอ่านออกเขียนได้เลย
ตัวเลขดังกล่าวถือว่าน่าตกใจอย่างมาก เนื่องจากเป็นโรงเรียนใน กทม. ที่ถือว่ามีมาตรฐานและเข้าถึงการศึกษาได้มากกว่าโรงเรียนในต่างจังหวัด แต่กลับมีเด็กที่อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้อีกเป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นคุณภาพการศึกษาไทยที่มีความเหลื่อมล้ำและไม่ได้มาตรฐานอีกมากมาย
3. เก่งแต่คิดไม่เป็น
ที่ผ่านมาเด็กไทยถูกเน้นให้ก้มหน้าก้มตาเรียน ต้องเรียนหนังสือให้เก่งอย่างเดียวเท่านั้น แต่ไม่เคยได้รับโอกาสให้ออกสำรวจ เรียนรู้ และลงมือทำใด ๆ เท่าที่ควร จึงไม่แปลกที่เด็กจะขาดทักษะการคิดวิเคราะห์ ขาดการเรียนรู้ และทักษะชีวิต กลายเป็นเด็กที่ไม่มีวินัย เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ขาดความยับยั้งชั่งใจ คิดไม่เป็น ไม่รู้จักประยุกต์ใช้วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาให้เกิดประโยชน์ได้
4. ถึงคิดเป็น แต่ก็วิเคราะห์ไม่ได้อยู่ดี
ยกตัวอย่างง่าย ๆ บ้านเราไม่ค่อยออกข้อสอบแบบอัตนัยที่ต้องเขียนคำตอบกันสักเท่าไหร่ ทั้ง ๆ ที่ข้อสอบลักษณะนี้ทำให้เด็กได้คิด วิเคราะห์มากกว่าข้อสอบปรนัยที่เป็นแบบเลือกตอบ เท่ากับเป็นการปิดกั้นทางความคิด ให้เด็กคิดอยู่แต่ในกรอบ ในตัวเลือก ก. ข. ค. ง. เท่านั้น เพราะฉะนั้นถึงเด็กจะคิดได้ คิดเป็น แต่เมื่อถึงคราวต้องวิเคราะห์และนำไปใช้ก็ทำไม่ได้อยู่ดี
5. เรียนไม่ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน
อีกปัญหาที่ทุกภาคส่วนรู้กันอยู่แล้วก็คือตลาดแรงงานบ้านเราต้องการแรงงานระดับไหน โดยแต่ละปีมีบัณฑิตจบปริญญาตรีเดินเข้ามาในตลาดแรงงานปีละไม่ต่ำกว่า 4 แสนคน ในขณะที่ตำแหน่งงานที่รองรับงานในระดับปริญญาตรีมีเพียง 1.6 แสนตำแหน่ง และมีแนวโน้มว่าแต่ละปีจะลดลงเรื่อย ๆ ด้วย สวนทางกับความต้องการแรงงานระดับ ปวช. ปวส. ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่กำลังขยายตัว ซึ่งเท่ากับว่าเรากำลังผลิตบัณฑิตระดับปริญญาตรีเกินความต้องการของตลาดแรงงานไปหลายเท่าตัว เป็นเหตุให้คนตกงานเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
6. มีปริญญาแต่ไม่มีความรู้
ค่านิยมบ้านเราที่สนใจแต่ใบปริญญา สมัยก่อนอย่างน้อยต้องจบปริญญาตรี แต่ตอนนี้คนแห่เรียนปริญญาโทกันหมด มีปริญญา 2-3 ใบ แต่ถามว่าความรู้ที่ติดมากับใบปริญญามีหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่อง อย่าลืมว่าใบปริญญาเป็นแค่ใบรับรองว่าอย่างน้อยก็ผ่านหลักสูตรมาแล้ว แต่สิ่งที่ร่ำเรียนมาจะอยู่ในสมองหรือไม่ ปริญญาไม่ได้รับประกันใด ๆ ดังนั้นค่านิยมผิด ๆ เพี้ยน ๆ แบบนี้ควรจะหมดไปเสียที เพราะคนไม่มีปริญญาแต่ความรู้แน่นปึ้กมีให้เห็นถมไป
ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน แต่เป็นเนื้อร้ายที่เรื้อรังสะสมอยู่ในระบบการศึกษาไทยมานาน ซึ่งเรื่องนี้คนมีอำนาจในบ้านเราต่างรู้กันดีว่าการปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบเป็นสิ่งที่ต้องเริ่มต้นและลงมือทำอย่างต่อเนื่อง ต้องมีองค์กรที่พร้อมเป็นเจ้าภาพอย่างชัดเจน ไม่ใช่ทุกคนรับรู้ปัญหาเหมือนกันหมด แต่ไม่มีใครเริ่ม ไม่มีใครพร้อมจะลงมือ ระบบการศึกษาบ้านเราถึงได้ล้าหลังและไม่พัฒนาอยู่แบบนี้
ทั้งที่จริงแล้ว การศึกษาควรจะเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนทั้งชาติ แต่กลับไม่ได้รับการเหลียวแล ปล่อยให้เนื้อร้ายกัดกินทั้งระบบ แก้ก็ไม่ได้ เดินหน้าก็ไม่ไหว ผลร้ายก็ตกอยู่ที่ประชาชนตาดำ ๆ ที่ต้องขวนขวายหาทางเลือกกันเอาเอง คนมีโอกาสก็ดีไป มีสิทธิ์เลือกสิ่งที่ดีที่สุด แต่เหล่าประชาชนคนรากหญ้าอย่างเรา ๆ ก็ก้มหน้ารับกรรม ทนกับระบบการศึกษาไทยที่มีปัญหากันต่อไป
7. ไม่มีตัวอย่างที่ดี โทษแต่เด็กอย่างเดียวเลย ผ้าขาวอยากให้มันเป็นสีอะไรก็เอาสีนั้นไปแต้มเอา หาว่าเด็กท่องจำ คิดไม่เป็น วิเคราะห์ไม่เป็น ใครละที่เป็นคนสอนให้ท่องจำ ทุกวันนี้ยังแก้ปัญหาด้วยการตีเด็กอยู่เลย ควบคุมบริหารจัดการเด็กก็ไม่ได้ โทษว่าเป็นความผิดของเด็ก เด็กแสดงความคิดเห็นก็ไม่รับฟัง ต้องอาวุโส เด็กเก่งกว่าไม่ได้ สอนเด็กให้ท่องว่า “โตไปไม่โกง” แต่ก็มีแต่คนที่โตแล้วแก่แล้วทั้งนั้นที่ “โกง”
10 ม.ค. 2561 เวลา 17.21 น.
Dæng พัฒนาครูก่อนให้ครูเลิกเล่นหวย เป็นหนี้ ใจจะได้อยู่ที่เด็ก เปลี่ยนทัศนคติพ่อ แม่ เลิกให้ลูกเรียนเก่งแบบโง่ ๆ สอบได้ 3 หรือ 4 แต่คิดไม่เป็น เห็นแก่ตัว รู้จักแต่สิทธิ์แต่ไม่รู้จักหน้าที่ ผิดครูก็ทำโทษไม่ได้เดี๋ยวถูกพ่อ แม่ ฟ้อง ไม่นานเราก็แพ้ เขมร ลาว ตอนนี้แพ้เวียตแล้ว โชคดีที่จะตายก่อน😭😭😭
10 ม.ค. 2561 เวลา 17.34 น.
Aorrr ครูโง่ พ่อแม่โง่ ผู้ใหญ่ที่อยู่รายล้อมโง่ ทีวีละครมีแต่เนื้อหางี่เง่า
นักการเมืองโง่เง่าในอดีต เช่นอ่านคอนกรีต เปนคอ นก รีต เด็กเลยโง่ตาม
10 ม.ค. 2561 เวลา 17.31 น.
suthee ก็มีผู้ใหญ่โง่โง่ผลก็แบบนี้อย่าหวังอะไรมาก
10 ม.ค. 2561 เวลา 17.29 น.
Sasinu ต้นเหตุปัญหาการศึกษาไทย คือ กระทรวงศึกษาธิการ
10 ม.ค. 2561 เวลา 17.24 น.
ดูทั้งหมด