ต้องยอมรับว่า สกุลเงินดิจิทัลนั้นเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงอย่างมาก แต่ผลกระทบด้านการใช้งานพลังงานอาจทำให้สหรัฐต้องหันกลับมาทบทวนการใช้งานใหม่อีกครั้ง เพราะมันกำลังสร้างปัญหาทางมลพิษอยู่ไม่ใช่น้อย
.
ย้อนกลับไปหลายปีก่อน จีนได้พยายามปราบปรามธุรกิจเหมืองบิทคอยด์อย่างหนัก ซึ่งล่าสุดก็ออกกฎอย่างเด็ดขาดให้หยุดทั้งหมดในทันที เนื่องจากหลาย ๆ เหตุผล แต่ส่วนหลัก ๆ ธุรกิจเหมืองบิทคอยด์นั้นกินพลังงานไฟฟ้ามากเกินไปจนทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าขาดแคลนในหลายมณฑลของจีน
.
มาวันนี้ สหรัฐมีการอภิปรายกันขึ้นในสภาคองเกรสถึง “ผลกระทบด้านพลังงานของสกุลเงินดิจิทัล” ที่จัดโดยคณะกรรมการพลังงานและการพาณิชย์ของสภาผู้แทนราษฎร สหรัฐฯ เพราะตอนนี้สหรัฐกลายเป็นศูนย์กลางของการขุดบิทคอยด์ไปแล้ว จากสาเหตุที่จีนปราบปรามอย่างหนัก และการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจมีนัยสำคัญต่อโครงข่ายไฟฟ้าในสหรัฐที่ค่อนข้างจะตึงเครียดอยู่ให้ตึงเครียดยิ่งขึ้นไปอีก
.
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ธุรกิจบิทคอยด์นั้นกินพลังงานไฟฟ้ามากกว่าประเทศยูเคนหรือนอเวย์ที่ใช้ในหนึ่งปี และหากเปรียบบิทคอยด์เป็นประเทศ จะเป็นประเทศที่ใช้พลังงานมากเป็นอันดับที่ 27 ของโลก นั่นทำให้บิทคอยด์เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ก่อมลพิษมากที่สุด เนื่องจากการขุดบิทคอยด์มักจะใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิสครับ
.
ทำให้ตอนนี้สหรัฐ กำลังมองหาแนวทางใหม่ ๆ ของการนำพลังงานสะอาดมาใช้ หรือหากร้ายแรงสุดคือจะยกเลิกบิทคอยด์แล้วให้คนไปใช้สกุลเงินดิจิทัลอื่นแทน แม้บิทคอยด์จะเป็นเครือข่าย Crypto ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่บิทคอยด์ก็ยังต้องการไฟฟ้ามากกว่า cryptocurrencies อื่น ๆ เพราะใช้กระบวนการที่เรียกว่า “หลักฐานการทำงาน” หรือ “Proof of work” ซึ่งทำงานเป็นระบบรักษาความปลอดภัยประเภทหนึ่งเพื่อเก็บบัญชีแยกประเภทการทำธุรกรรม blockchain ที่ปลอดภัยและแม่นยำ นักขุดต่างตรวจสอบธุรกรรมโดยการแข่งกันเพื่อไขปริศนาที่ซับซ้อนโดยใช้คอมพิวเตอร์เฉพาะทาง และพวกเขาก็ได้รับ บิทคอยด์เป็นรางวัล ในขณะเดียวกัน พลังการประมวลผลทั้งหมดนั้นก็เผาผลาญพลังงานไฟฟ้าอย่างมาก
.
สัญญาณที่น่าเป็นห่วงตอนนี้คือ หากเทียบกับจีน ในยุคที่การขุดบิทคอยด์รุ่งเรือง คนงานเหมืองมักจะใช้พลังน้ำที่สะอาดในช่วงฤดูฝนและเปลี่ยนกลับมาใช้ถ่านหินเมื่อไม่ใช่ฤดูฝน แต่ในสหรัฐอเมริกา พลังงานส่วนใหญ่จะมาจากเชื่อเพลิงฟอสซิล ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าที่สร้างมลพิษอย่างมาก
.
ตอนนี้ สกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ มีแผนจะเปลี่ยนไปใช้รูปแบบการตรวจสอบแบบใหม่คือ proof of stake ซึ่งไม่ต้องการพลังประมวลผลจำนวนมากเพราะไม่มีปริศนาให้ไข แต่บิทคอยด์ยังไม่มีแผนจะเปลี่ยนขั้นตอนการตรวจสอบดังกล่าว ทำให้ยังสกุลเงินที่ดิจิทัลที่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมาก
.
ทั้งนี้ ไม่รู้ว่าหลังจากมีข่าวนี้ออกมา มันส่งผลกระทบต่อบิทคอยด์แค่ไหน เพราะวันนี้ มูลค่าของบิทคอยด์ก็ร่วงหนักขึ้นอีก และมีนแนวโน้มจะร่วงลงเรื่อย ๆ ครับ
.
ที่มาข้อมูล
theverge
⭐️Techhub รวม How To , Tips เทคนิค อัปเดตทุกวัน
กดดูแบบเต็มๆ ที่ www.techhub.in.th
Thida Lapimol'ลูกโซ👌 อ่านแล้ว
26 ม.ค. 2565 เวลา 07.18 น.
Mc$ 4289 มาเปิดเมืองไทย ไฟเหลือเฟือ
23 ม.ค. 2565 เวลา 07.25 น.
Surapun สกุลเงินของคนกลุ่มไอที ที่ไม่ได้มีฐาน ศก.อะไรรองรับเลย แค่ใช้ไฟปั่น แล้วได้เงิน .. ไม่ได้สะท้อนคุณค่าผลผลิตใดๆให้กับ ศก.โลก .. เงินในฝันที่ต้องล่มสักวัน เงินดิจิตอลที่มาจากรูปแบบเงินจริง คือของจริง มั่นคงกว่าแน่นอน
23 ม.ค. 2565 เวลา 06.15 น.
1313Shopping เลอะเทอะ...555...
23 ม.ค. 2565 เวลา 04.15 น.
drone0955131728 555...
23 ม.ค. 2565 เวลา 03.47 น.
ดูทั้งหมด