สภาล่างมะกัน ผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวรอบ 2 เลี่ยงชัตดาวน์รัฐบาลหวุดหวิด
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวรอบ 2 เพื่อไม่ให้รัฐบาลต้องเจอกับการชัตดาวน์ อัดฉีดให้รัฐบาลสหรัฐมีงบประมาณให้ใช้ต่อไปในระดับปัจจุบันไปจนถึงช่วงกลางเดือนมกราคม 2024 โดยขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกส่งต่อไปยังวุฒิสภาซึ่งผู้นำของทั้งรีพับลิกันและเดโมแครตได้ออกมาสนับสนุนร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับนี้ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐจะต้องลงนามให้เป็นกฎหมายก่อนเส้นตายในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้
ร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่ว่านี้ได้รับเสียงสนับสนุนจากทั้ง ส.ส.เดโมแครตและรีพับลิกัน และได้รับการลงมติสนับสนุนไปด้วยคะแนนเสียง 336 ต่อ 95 ถือเป็นชัยชนะของนายไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐคนใหม่ในการโหวตที่สำคัญครั้งแรก นับตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่งเมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แม้จะมีเสียงคัดค้านจาก ส.ส.รีพับลิกันบางคนก็ตาม
นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐจากพรรคเดโมแครต กล่าวเมื่อช่วงค่ำของวันเดียวกันว่า เขายินดีที่ร่างกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านการลงมติรับรองจากทั้งสองฝ่ายอย่างเข้มแข็ง พร้อมบอกด้วยว่าเขาจะทำงานร่วมกับนายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาจากรีพับลิกันเพื่อผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวให้เร็วที่สุด ซึ่งจะขยายเวลาให้ฝ่ายนิติบัญญัติร่างกฎหมายงบประมาณฉบับเต็มที่จะครอบคลุมตั้งแต่เรื่องกองทัพไปจนถึงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์
แม้ ส.ส.รีพับลิกันฝ่ายขวาบางคนไม่พอใจที่ร่างงบประมาณชั่วคราวดังกล่าว เนื่องจากไม่ได้ลดรายจ่ายของรัฐบาลจำนวนมากและรวมถึงเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยตามชายแดนที่พวกเขาต้องการ แต่บรรดาสมาชิกสายแข็งของพรรคบอกว่าจะยังหนุนหลังนายจอห์นสันต่อไป โดยนายไมค์ การ์เซีย ส.ส.รีพับลิกันจากรัฐแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า ร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวฉบับนี้ไม่ใช่ฉบับในอุดมคติที่พวกเขาต้องการ แต่การชัตดาวน์รัฐบาลจะส่งผลเสียมากเกินไป
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวของจอห์นสันจะขยายงบประมาณสำหรับการก่อสร้างทางทหาร สวัสดิการทหารผ่านศึก การขนส่ง การพัฒนาเมือง การเกษตร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา น้ำและพลังงานไปจนถึงวันที่ 19 มกราคม 2024 ขณะที่งบประมาณการดำเนินงานทางราชการอื่นๆ ทั้งหมด รวมถึงด้านกลาโหม จะสิ้นสุดลงในวันที่ 2 กุมภาพันธ์
สภาคองเกรสกำลังเผชิญกับความขัดแย้งในด้านการคลังเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ หลังไม่สามารถหาข้อสรุปในเรื่องการขยายเพดานหนี้สหรัฐที่มีกว่า 31 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐนานหลายเดือนจนทำให้รัฐบาลเกือบผิดนัดชำระหนี้ ความขัดแย้งในเรื่องการคลังทำให้มูดีส์ บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ลดระดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐจาก “คงที่” เป็น “ลบ” เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พร้อมกับระบุอีกว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงจะยังทำให้ต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้นอีก