ในโลกปัจจุบันยุคที่แต่ละคนสามารถพูดและคิดอะไรก็ได้ การคิดต่างเป็นเรื่องธรรมดา การคิดต่างเพียงเพื่อให้ต่างก็เป็นเรื่องธรรมดา
บางคนคิดต่างเพราะเลือกเชื่ออย่างนั้น
ยกตัวอย่างเช่น ทฤษฎีโลกแบน คนที่เชื่อว่าโลกแบน ต่อให้เอาหลักฐานทุกอย่างมาวางตรงหน้า ก็ยังยืนยันว่าโลกแบน ขอเชื่ออย่างนั้น พวกเขาบอกว่าพระอาทิตย์ พระจันทร์ไม่ได้โคจร มันถูกบางสิ่งแขวนไว้เหนือโลกนิ่ง ๆ ฯลฯ
หากพาพวกเขาขึ้นเครื่องบินวนไปรอบโลก พวกเขาก็ยังไม่เชื่อว่าบินรอบโลกวงกลมจริง เอาภาพถ่ายโลกจากดาวเทียมให้ดู ก็บอกว่าเป็นภาพตัดต่อ
จนทุกวันนี้ชาวโลกแบนกับชาวโลกกลมก็ยังทะเลาะกันไม่จบสิ้น
มีขำขันเรื่องหนึ่งเล่าว่า ชาวบ้านสองคนในตลาดทะเลาะกันเรื่องการบวกเลข คนหนึ่งว่า 1+1 = 2 อีกคนหนึ่งบอกว่า 1+1 = 3
ทั้งสองทะเลาะกันหน้าดำหน้าแดงทั้งวัน ในที่สุดก็มีคนบอกให้ไปหาท่านเปาบุ้นจิ้นตัดสินว่าใครผิดใครถูก
เปาบุ้นจิ้นฟังความว่าก็สั่งลงโทษคนที่ยืนยันว่า 1+1 = 2 เป็นคนผิด
ชาวบ้านที่บอกว่า 1+1 = 2 ถามท่านเปาบุ้นจิ้นว่า “ทำไมข้าฯผิด ในเมื่อ 1+1 = 2 จริง พิสูจน์ได้”
ผู้พิพากษาศาลไคฟงตอบว่า “หากมองในมุมของหลักคณิตศาสตร์ คนที่บอกว่า 1+1 = 3 ย่อมผิด แต่หากมองในมุมของการใช้ชีวิต คนที่ยืนยันว่า 1+1 = 2 แล้วไปโกรธคนที่บอกว่า 1+1 = 3 เป็นคนผิด”
“ทำไม ?”
“ก็เพราะเจ้าใช้ชีวิตไม่เป็น เจ้าคิดจะเปลี่ยนความคิดของคนที่ไม่ยอมเปลี่ยนความคิด ย่อมเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์”
คนโบราณสอนว่า “สีซอให้ควายฟัง” เพราะคนบางประเภทฟังความไม่ออก
คนโบราณก็ยังสอนว่า “อย่าถือสาคนบ้า อย่าว่าคนเมา”
นั่นคือให้ปล่อยวางคนที่ฟังความไม่ออก เพราะทั้งคนบ้ากับคนเมาไม่รู้ว่าตัวเองผิด
การไปถือสาด่าว่าเขา ก็คือไม่เข้าใจโลก
----------------------------------------------------
โลกเต็มไปด้วยคนเห็นต่าง โลกก็ยังเต็มไปด้วยคนไม่รู้จริง แต่ถือดีเชื่อมั่นล้านเปอร์เซ็นต์ว่าตัวเองรู้จริง
เรียกว่ามิจฉาทิฐิ
คนบางประเภทนั้นมิเพียงสอนไม่ได้ ยังไม่ยอมให้สอนด้วย
ทางพุทธจึงแบ่งคนออกเป็นบัวสี่เหล่า
พวกที่เป็นบัวใต้น้ำคือพวกที่ไม่สามารถสั่งสอนได้ บางคนมิได้โง่เขลา แต่เพราะเปลือกแห่งมิจฉาทิฐิหนาเกินไป ไม่ยอมรับฟังเรื่องแตกต่างจากความคิดของเขา
ทางเซนบอกว่า หากน้ำชายังเต็มถ้วย ย่อมไม่สามารถเติมชาใหม่เข้าไป
ดังนั้นในกรณีบัวใต้น้ำ สิ่งที่ผู้รู้จริงทำได้คือ ปล่อยวาง ถ้ายังมีเมตตาจะสอน ก็สอนทางอ้อมให้เป็นประโยชน์กับเขา อย่าให้เขารู้ว่าถูกสอน อย่าไปทำลายอัตตาที่เขาถือมั่น
ถ้าเรารู้จริง เชี่ยวชาญเรื่องใดเรื่องหนึ่งจริง และคนอื่นไม่เชื่อ ไม่ต้องการรับคำแนะนำสั่งสอนในเรื่องที่เรารู้จริง ก็ไม่ต้องแนะนำสั่งสอน
คำกล่าวหนึ่งในนิยายจีนกำลังภายในคือ “สวรรค์มีทางไม่ไป นรกไร้ทางกลับบุกเข้ามา”
ไม่ทุกคนที่สามารถแยกแยะทางสวรรค์กับทางนรก
คนบางประเภทไม่ชอบเดินตามรอยของคนอื่นที่เดินนำหน้าไปก่อนแล้ว หรือชอบทำตัวแตกต่างเพียงเพราะมันแตกต่าง
อย่าถือสาคนเหล่านี้ ถ้าไปโกรธพวกเขา ผลก็คือตนเองเป็นโรคหัวใจ ชีวิตก็ไม่มีความสุข
บางครั้งคนเราก็ต้องเดินแบบทางใครทางมัน
---------------------------------------------------
วินทร์ เลียววาริณ
Demon ใช้หลักพรหมวิหาร4(เมตตา-กรุณา-มุฑิตา-อุเบกขา) ให้คนรู้จักการให้และการปล่อยวางครับ
11 พ.ค. 2563 เวลา 00.38 น.
ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นมากับในชีวิต ในการมีสติและคิดพิจารณาถึงในความถูกต้องให้อย่างดีแล้ว ก็ย่อมที่จะช่วยทำให้เลือกที่จะตัดสินใจกับทำในสิ่งที่ถูกต้องได้อยู่เสมอ.
11 พ.ค. 2563 เวลา 03.30 น.
เมาแล้วนั้น ดันทุรัง ต้องกระทืบครับจะได้สร่าง
11 พ.ค. 2563 เวลา 03.34 น.
แต่ว่ากันว่ายิ่งคนฉลาดมากรู้มากเท่าไหร่ชีวืตก็หาอารมณ์ความสุขได้น้อยลงไป เพราะโลกเต็มไปด้วยความทุกข์ คนจึงชอบเสพสุราของมึนเมาเพื่อให้ขาดสติให้โง่ลงหน่อยจะได้มีสุขพึงใจเพิ่มขึ้น
พวกสื่อบันเทิงต่างๆก็นับรวมในความโง่ด้วยซ้ำ ถ้านักปราชญ์เตือนให้เห็นความจริง ก็แน่นอนที่มีคนจะไม่เห็นด้วย
ตกลงจะเอาไงกับชีวิตกันดีนะ ฉลาดสุดๆ โง่สุดๆ หรือโง่บ้างฉลาดบ้างปนๆกันไปดี
15 พ.ค. 2563 เวลา 02.47 น.
ภณทัฒ5297 ถ้าอยากอ่านบทความย้อนหลัง ต้องไปกดหาตรงไหนคร้บ
12 พ.ค. 2563 เวลา 05.55 น.
ดูทั้งหมด