เฉลิม ออกแถลงการณ์ 3 ข้อทางออกประเทศ จำเป็นต้องเลิกใช้รธน.ปัจจุบัน

เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ 3 ข้อทางออกประเทศ ชี้จำเป็นต้องเลิกใช้รธน.ปัจจุบัน

เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย (พท.) ออกแถลงการณ์เสนอทางออกประเทศไทย ใจความสำคัญว่า 1.ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันปี 60 ทันที 2.ให้นํารัฐธรรมนูญฉบับปี 40 มาใช้บังคับชั่วคราวทันที 3.นายกรัฐมนตรีต้องประกาศยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน โดยเป็นการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 40

จากนั้นจึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ถาวรต่อไป เพื่อให้เป็นรูปธรรมสามารถปฏิบัติได้จริง
โดยตนจะเสนอให้สมาชิกพรรคร่วมฝ่ายค้านพิจารณาเห็นชอบใน 3 ข้อดังกล่าว โดยการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 63 จะมีเพียง 3 มาตราดังกล่าวเท่านั้น ไม่มีเนื้อความยุ่งยากใดๆ พิจารณาเพียง 3 วันก็แล้วเสร็จ จากนั้นนําส่งให้ผู้นําฝ่ายค้านนําขึ้นกราบบังคมทูลทรงมีพระราชวินิจฉัยประกาศใช้ต่อไป

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด

ทั้งนี้ ทราบดีว่าข้อเสนอของตนต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ คัดค้านและสนับสนุนอย่างหลากหลาย และกว้างขวาง ตนก็ประสงค์เช่นนั้น และยินดีอย่างยิ่งที่จะมีนักวิชาการ นักการเมือง นักประชาธิปไตย นักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชนออกมาแสดงความเห็นต่อข้อเสนอนี้

ตนยืนยันว่าหากเราจะได้ใช้สติไตร่ตรองให้ดีแล้ว จะพบว่าประวัติศาสตร์ชาติไทยถูกบันทึกว่า รัฐธรรมนูญเกือบทุกฉบับ เมื่อได้ใช้ไประยะหนึ่งก็มักจะถูกยกเลิกโดยวิธีฉีกทิ้งด้วยการปฏิวัติรัฐประหารเสมอๆ ดังเช่น เมื่อ คสช.ปฏิวัติก็ได้ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งเช่นกัน แล้ว คสช.ก็ใช้บทบาทที่ไม่มีกฎหมายใดรองรับเลย เสนอประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2557 เป็นการชั่วคราว

แม้ว่าบ้านเมืองขณะนี้วิกฤตยิ่งกว่าก่อนการปฏิวัติเมื่อปี 2557 แต่ตนก็ไม่ส่งเสริมให้มีการปฏิวัติเพื่อฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญนี้อีก แต่การออกใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันทีเพื่อยกเลิกฉบับปี 60 นี้ แล้วนําเอาฉบับปี 40 มาใช้ก่อนเป็นการชั่วคราวแล้วจัดการเลือกตั้ง สามารถกระทําได้ทันที

แถลงการณ์ระบุอีกว่า หากจะมีผู้กล่าวอ้างว่าวิธีนี้ไม่มีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญปี 60 ขอเรียนว่า ถูกต้อง เพราะมีแต่บทบัญญัติเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ จึงเป็นความจริงที่ไม่มีบทบัญญัติ ว่าด้วยการออกรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเดิม กรณีนี้จึงแน่ชัดว่าไม่มี บทบัญญัติเขียนให้กระทําได้

แต่ก็ไม่มีบทบัญญัติห้ามมิให้กระทํา ซึ่งย่อมต้องถือว่ากระทําได้ เพราะได้มีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับปี 60 นี้ ไว้ในมาตรา 5 วรรคสองว่า “เมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้กระทําการนั้นหรือวินิจฉัย กรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”

ดังนั้น การที่ตนจะดําเนินการร่วมกับพรรคการเมืองฝ่ายค้าน จนในที่สุดเสนอให้ท่านผู้นําฝ่ายค้านในรัฐสภานําร่างรัฐธรรมนูญใหม่ปี 63 ที่มีเพียง 3 มาตรา ขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงพระบรมราชวินิจฉัยประกาศใช้ จึงเป็นสิ่งที่พึงกระทําได้โดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 5

และแน่นอนที่สุดย่อมเป็นวิธีการที่ดีกว่า และชอบธรรมกว่าการปฏิวัติแล้วฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญดังที่เมื่อปี 57 ที่คสช.กระทําไป ตนเชื่อว่าประชาชนจํานวนมากไม่เห็นด้วยกับวิธีของ คสช.ที่กระทําไปเกี่ยวกับ รัฐธรรมนูญดังกล่าว

“ข้าพเจ้าตระหนักดีและมั่นใจว่า ข้อเสนอของข้าพเจ้าดังกล่าวมานี้จะได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะนักเรียน นิสิต นักศึกษาและภาคธุรกิจ โดยเฉพาะพ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกคน ซึ่งท่านมีสิทธิมีเสียงในการเลือกตั้งตัวแทนของท่านให้มาบริหารประเทศชาติ และในที่สุดแล้วพวกเราทุกคนก็จะช่วยกันนําพาประเทศชาติบ้านเมืองให้พลิกฟื้นฟันฝ่าอุปสรรคทั้งปวง ให้ประเทศไทยกลับเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ และทุกคนอยู่ดีกินดีได้อย่างแท้จริงโดยเร็วที่สุด” ร.ต.อ.เฉลิมระบุ