คงปฎิเสธไม่ได้ว่า กว่าจะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องผ่านทั้งปัญหา และอุปสรรคมากมายนับไม่ถ้วน บางคนผ่านไปได้ บางคนผ่านไม่ได้ อุปสรรคมากน้อยไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัญหาที่เราเผชิญเสมอไป อาจจจะมีอะไรซ่อนอยู่หลังคำว่า"ปัญหา" แต่แน่นอนที่สุด ผู้ชนะคือผู้ที่ไม่ยอมแพ้ต่อ ปัญหาและอุปสรรคที่เราต้องเผชิญ
หากเกิดปัญหา อย่าไปตกใจกลัว ให้ตั้งสติให้ดี ไตร่ตรองมองดูลู่ทางการแก้ปัญหา จากนั้นก็ให้ ลุกขึ้นเดินหน้าแก้ไขให้ได้
ฝึกถามตนเองว่า อุปสรรคที่เราเจอกับการหาวิธีการบินบนท้องฟ้า การหาวิธีไปเดินเล่นบนดวงจันทร์ อันไหนยากกว่ากัน วิธีการที่สามารถบินบนฟ้า ไปเดินเล่นบนดวงจันทร์ เขาก็ทำกันมาแล้ว ทำไมอุปสรรคแค่นี้เราจะแก้ไขไม่ได้
พอคิดได้อย่างนี้จะไม่ยอมแพ้ เดินหน้าสู้ต่อไป แต่จุดที่สำคัญ คือ อย่ากลัวปัญหา เมื่อเราไม่กลัว ปัญหาก็จะค่อยๆ หาทางคลี่คลายได้ เพราะความน่ากลัวของอุปสรรคที่มากที่สุดเกิดจากใจของเรา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่า เมื่อเราเจออุปสรรคอะไร เราต้องรู้เหตุผลที่มาของอุปสรรคนั้นก่อน ในทางพระพุทธศาสนา สาเหตุหลักของอุปสรรคมี 2 อย่าง คือ
1. เกิดจากวิบากกรรมในอดีต อดีตชาติทำอะไรไม่ดีเอาไว้ วิบากกรรมก็จะตามมาส่งผล
2. เกิดจากความประมาทของเราในชาตินี้ เช่น ไม่สำรวมคำพูด พูดจาโอ้อวด หรือพูดข่มคนอื่นจนถูกคนอื่นเขาหมั่นไส้ วิบากกรรมจากความประมาทเหล่านี้จะมาคุกคามเราในปัจจุบัน
เมื่อเรารู้ที่มาของอุปสรรคเหล่านี้แล้ว เราก็จะมองเห็นทางแก้ คือ
1. เราต้องอยู่ในบุญ เหตุในอดีตที่ทำไว้แก้ไขไม่ได้ แก้ได้อย่างเดียว คือ ต้องอยู่ในบุญ ทำบุญให้บุญไปเจือจางบาปให้อ่อนกำลังลง เพราะการสร้างบุญเหมือนการเติมน้ำลงในแก้ว สร้างบาปก็เหมือนเติมเกลือลงในแก้ว เราหยุดเติมเกลือแล้วก็เติมน้ำมากๆ เกลือก็จะเจือจาง ความเค็มก็จะเบาบางลง
2. ตั้งสติให้ดี ไม่เผลอ ไม่ประมาท จะพูดอะไรคิดให้ดีก่อนพูด จะทำอะไรก็ไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนทำ
เพียงแค่นี้ก็จะค่อยๆ เอาชนะอุปสรรคไปได้
ตัวอย่างจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อครั้งพระองค์ทรงพบอุปสรรคที่ใหญ่สุด คือ ในคืนที่จะตรัสรู้ธรรม พญามารยกทัพมามากมาย แต่พระบรมโพธิสัตว์อยู่ลำพังเพียงพระองค์เดียว มารมาทวงที่นั่ง คือ หินใต้ต้นโพธิ์ที่มีหญ้าคาปูอยู่ มากล่าวตู่เอาว่าที่นั่งนั้นเป็นของเขา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงนิ่ง ระลึกนึกถึงความดี นึกถึงบารมีที่เคยสร้างไว้ ท้ายที่สุดความดีที่พระองค์สร้างก็มาช่วยให้พ้นจากอุปสรรคครั้งนั้นไปได้ เห็นไหม เราต้องจับหลักให้ดี ถ้าเจออุปสรรคอย่าตกใจ ให้ทำใจนิ่งๆ แล้วระลึกนึกถึงบุญกุศล บุญที่เคยทำมาก็จะมาหล่อเลี้ยงใจ พอบุญมาหล่อเลี้ยง เราก็จะมองเห็นช่องทางในการแก้ปัญหา
เมื่อเราไปเจอคนที่เราต้องทำธุรกิจหรือร่วมงานกัน แล้วเขาเป็นคนไม่มีเหตุผล ให้เราทำใจนิ่งๆ ทำหน้าที่การงานของเราทุกอย่างตามหลักการ ให้ไตร่ตรองทุกเรื่องที่จะพูดจะทำอย่างสุขุมรอบคอบ สุดท้ายเขาจะเกรงใจเรา และเข้ามาหาเราด้วยเหตุผลแทน
ยิ่งเจอคนไม่มีเหตุผลมากเท่าไร เรายิ่งต้องสุขุมรอบคอบเป็นพิเศษ สุดท้ายปัญหาก็จะคลี่คลายได้เอง และประสบการณ์จะยิ่งหลอมให้เราหนักแน่น เป็นผู้ใหญ่ที่เป็นที่รักและเกรงใจของทุกๆ คน
คนในโลกนี้สามารถแบ่งกลุ่มใหญ่ๆ ได้ 3 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 คือ กลุ่มที่หนีปัญหา อะไรที่ทำท่าจะยากก็หลบทันทีถือคติรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มที่ลงมือทำบ้างนิดๆ หน่อยๆ เพื่อไม่ให้ใครตำหนิเอาได้ ทำนิดหน่อยก็เลิก
กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มที่เดินหน้าสู้จนกว่าจะประสบความสำเร็จสูงสุด สำหรับชีวิตของคนที่คอยหลบอยู่ตลอด เขาจะแค่พอประคับประคองเอาตัวรอดไปวันๆ หนึ่ง เมื่อเจอปัญหาจะไม่ยอมสู้ จะไม่มีวันโดดเด่นขึ้นมาเลย
อีกประเภทก็สู้นิดหน่อย สู้แล้วก็พัก คือ คนที่ตอนลำบากก็สู้ชีวิต เมื่อมีฐานะขึ้นมาก็เริ่มไปเที่ยว ถือว่าตัวเองเริ่มมีเงินแล้ว แทนที่จะสู้ชีวิต ทำงานหนักต่อก็ไม่เอาแล้ว สุดท้ายเลยหยุดอยู่แค่นั้น
แต่คนประเภทเดินหน้าสู้ปัญหาอย่างไม่หยุดยั้ง และพัฒนาอย่างตลอดต่อเนื่อง สุดท้ายก็จะกลายเป็นเศรษฐีที่รวยเป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสนล้านได้ในที่สุด
ชีวิตจริงเดินพื้นราบมันง่าย แต่ถ้าเดินขึ้นเนินต้องออกแรงมาก ยิ่งถ้าต้องปีนขึ้นเขาด้วยก็จะยิ่งเหนื่อยมากขึ้น อย่างการปีนขึ้นภูกระดึง ระหว่างที่เดินขึ้นเขา เราจะรู้สึกเหนื่อยจนแทบหมดแรง แต่เมื่อขึ้นไปถึงยอดภูกระดึงได้แล้ว จะพบกับบรรยากาศเหมือนดั่งสรวงสวรรค์ จากยอดเขาสูงสามารถมองไปได้ไกลเป็น 10 เป็น 100 กิโลเมตร เหมือนกัน
ถ้าเราเจออุปสรรค แล้วสามารถก้าวข้ามอุปสรรคนั้นไปได้ ยิ่งข้ามได้มากเท่าไร ชีวิตเราก็จะยิ่งสูงขึ้น วิสัยทัศน์ก็จะกว้างไกลมากขึ้น สิ่งดีๆ จะรอเราอยู่หลังอุปสรรค เพราะเรากำลังจะเข้าความสำเร็จ
เจริญพร