การเมือง

แถลงเปิดแคมเปญ 'เขียนใหม่ทั้งฉบับ' ล่า 5 หมื่นชื่อยื่น ครม.ใหม่ เสนอตั้งคำถามประชามติเอง

MATICHON ONLINE
อัพเดต 14 ส.ค. 2566 เวลา 02.55 น. • เผยแพร่ 13 ส.ค. 2566 เวลา 15.35 น.
ภาพโดย ไอลอว์

แถลงเปิดแคมเปญ ‘เขียนใหม่ทั้งฉบับ เลือกตั้ง 100%’ ล่า 5 หมื่นชื่อ ยื่น ครม. เสนอคำถามประชามติเอง ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งของประชาชน

เมื่อเวลา 15.15 น. วันที่ 13 สิงหาคม ที่ลานหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร กลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งประกอบด้วยหลายองค์กรที่ผลักดันประเด็นเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ จัดเวทีแถลงการณ์เปิดแคมเปญ “เขียนใหม่ทั้งฉบับ เลือกตั้ง 100%” พร้อมเชิญชวนประชาชนเข้าชื่อเพื่อเสนอคำถามสำหรับการทำประชามติต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

สำหรับตัวแทนจากเครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญ (CALL) ดำเนินการแถลงการณ์ ประกอบด้วย น.ส.จีรนุช เปรมชัยพร เครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญ (CALL) นายนันทวัฒน์ ศักดิ์สกุลคุณากร คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) นายรัชพงษ์ แจ่มจิรไชยกุล จากโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือไอลอว์ และ นายสมบูรณ์ คำแหง ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ดำเนินรายการโดย นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้อำนวยการโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน

นายยิ่งชีพกล่าวก่อนแถลงการณ์ว่า กิจกรรมนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความเร่งด่วน เราทราบว่าประชาชนกำลังให้ความสนใจกับการจัดตั้งรัฐบาลช่วงนี้ ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่ชัดว่าการจับขั้วจะสำเร็จเมื่อไร เราเห็นแล้วว่ารัฐบาลใหม่มีเจตจำนงชัดเจนที่จะทำประชามติเขียนรัฐธรรมนูญใหม่เป็นวาระเร่งด่วนเกินกว่าที่จะเตรียมตัวทัน แปลว่าถ้าเขาทำตามสัญญาของการจัดตั้งรัฐบาลไม่เกินเดือนกันยายนเรารู้แล้วว่ามีประชามติหนึ่งครั้งแน่นอน คำถามใหญ่คือประชามติครั้งนี้คำถามคืออะไร ถ้าปล่อยให้รัฐบาลที่กำลังจะจัดตั้งซึ่งเป็นการผสมขั้วตั้งคำถามเอง คำถามที่ออกมาอาจจะมีปัญหา มีกลไกมีกลเกมซ่อนเล่ห์กลอยู่ข้างใน และการทำประชามติข้างหน้าจะยุ่งและยาวจึงเป็นที่มาของการรวมตัวกันในวันนี้

จากนั้นนายนันทวัฒน์เกริ่นถึง ปัญหาของรัฐธรรมนูญ 2560 ว่า พวกเรากลุ่มเครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญมาจากหลายองค์กรภาคประชาชนร่วมกัน วันนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าเราไม่ทบทวนปัญหารัฐธรรมนูญ 2560 ก่อน ทุกท่านทราบดีว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ใช้มาเกือบหกปี ถูกอ้างว่าดีไซน์มาเพื่อเรา หรือปราบโกงก็ตาม แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหาทั้งเนื้อหาและกระบวนการร่างที่ลิดรอนจำกัดสิทธิเสรีภาพ ตัดการมีส่วนร่วมของประชาชน อีกทั้งทำให้องค์กรอิสระใช้อำนาจไปทางตรงข้ามกับประชาชน ในส่วนของกระบวนการร่างไม่ว่าจะเนื้อหา บรรดาผู้ร่าง และกระบวนการตกอยู่ภายใต้ คสช.ทั้งสิ้น ทั้งนี้ เพื่อการสืบทอดอำนาจเผด็จการ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

นายนันทวัฒน์กล่าวว่า นอกจากนี้ แม้จะมีประชามติปี 2559 ก็ถูกห้ามรณรงค์ มีข้อจำกัดในการแสดงความเห็น มีประชาชนถูกจับกุมเพียงเพราะรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ประชามติครั้งนั้นที่นำมาสู่รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นไปอย่างไม่เสรี และไม่อาจอ้างได้ว่าผ่านการรับรองจากประชาชน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีการเสนอแก้ไข แต่ก็ถูกขัดขวางโดย ส.ว.เสมอ เช่นเดียวกันกับที่ศาลรัฐธรรมนูญออกคำวินิจฉัยให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปยากขึ้นอีก

“ด้วยเหตุนี้กลุ่มภาคประชาชนจึงเห็นว่านี่เป็นวาระสำคัญที่จะต้องจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งต้องผ่าน 5 ขั้นตอน โดยขั้นแรกคือการทำประชามติที่จะเป็นจุดเริ่มต้นทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อยืนยันว่าประชาชนต้องการรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แท้จริง

“เราเห็นว่าจำเป็นต้องทำประชามติเพื่อขอฉันทามติจากประชาชนให้เร็วที่สุด คาดว่าเร็วที่สุดปลายปี 2566 นี้ที่จะเกิดประชามติเพื่อให้ประชาชนร่วมตัดสินใจว่าจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ดังนั้น สิ่งที่จะเป็นกระดุมเม็ดแรก กระดุมเม็ดสำคัญที่สุดที่จะพาเราไปถึงการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากประชาชนมีส่วนร่วมนั้นคือการมีคำถามประชามติที่มาจากประชาชนและประชาชนได้มีอำนาจในการตัดสินใจร่างคำถามของตัวเอง” นายนันทวัฒน์กล่าว

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

นายรัชพงษ์ระบุว่า การทำประชามตินั้นสิ่งที่สำคัญพอๆ กับเดินเข้าคูหา คือการรู้ว่าคำถามคืออะไร เมื่อประชาชนเดินเข้าคูหาเราทำได้เพียงเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบเท่านั้น เพราะฉะนั้นนี่เป็นสิ่งที่สำคัญก้าวแรกที่ใกล้จะถึงคือ ครม.จะเคาะคำถามว่าอะไร สังคมไทยมีบทเรียนมาแล้วกับคำถามที่ไม่ดีเมื่อประชามติ 2559 ใครจำกันได้ว่าคำถามพ่วงมีความซับซ้อน กำกวม ผลลัพธ์ที่ตามมาคือการที่ ส.ว.มีอำนาจเลือกนายกฯถึง 5 ปี และกลายเป็นทางตันของประเทศนี้

นายรัชพงษ์กล่าวว่า เราไม่อยากให้เรื่องนี้ซ้ำรอย ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกแล้ว ถ้าคำถามดี คำถามชัดเจน การทำประชามติก็จะเหมือนเป็นการล็อกว่าการแก้รัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไร ต้องเตือนว่ากระบวนการร่างรัฐธรรมนูญจะยังมี ส.ว.เข้ามาร่วมเป็นกรรมาธิการด้วย ขั้นตอนนี้จะเป็นที่ทางที่ ส.ว.อาจใส่เงื่อนไขว่าอะไรทำได้ หรือไม่ได้ในการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ คำถามที่ดีจึงต้องเขียนเลยว่าแก้ไขทั้งฉบับ และสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ต้องมาจากประชาชน

นอกจากนี้ นายรัชพงษ์ยังกล่าวถึงกระบวนการเสนอประชามติที่ภาคประชาชนใช้เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีขอทำประชามติ พร้อมคำถามที่อยากให้ประชาชนร่วมกันเข้าชื่อ ซึ่งคำถามที่กลุ่มภาคประชาชนริเริ่ม คือ “ท่านเห็นชอบหรือไม่ว่ารัฐสภาต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดย ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน”

นายรัชพงษ์กล่าวว่า สิ่งที่ภาคประชาชนเสนอข้างต้นตั้งใจว่าเจาะจงไปที่รัฐสภา ซึ่งมีหน้าที่อยู่ในกระบวนการขั้นถัดไป โดยรัฐสภาจะต้องมีหน้าที่ตามคำถามประชามติ นำความเห็นของประชาชนไปทำให้เกิดขึ้นจริง เนื้อหามี 2 ประการ

ประการแรก การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่นั้นต้องทำได้ “ทั้งฉบับ” ต้องไม่มีเงื่อนไขอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้
ถ้าเราไม่เขียนไว้สิ่งที่เกิดในรัฐสภา เราอาจเห็น ส.ว.ใส่เงื่อนไขห้าม ส.ส.ร.แก้หมวดองค์กรอิสระ แก้หมวดศาลรัฐธรรมนูญ แก้อำนาจคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถ้าเกิดเป็นแบบนี้ไม่ว่า ส.ส.ร.จะมาอย่างไรก็เป็นการปิดประตูปฏิรูปการเมือง เสียเวลาไปฟรีๆ อีก ดังนั้น จึงต้องยืนยันเป็นหลักการในคำถามตั้งแต่แรก

ประการที่สอง ส.ส.ร.ต้องมาจากเลือกตั้งจากประชาชน ถ้าไม่เขียนไว้เช่นกันถ้าไม่เขียนล็อกไว้ในช่องทางของรัฐสภาอาจให้ ส.ส.ร.มาจากการแต่งตั้งของใครก็ไม่รู้ หรือมีการเก็บที่นั่งให้คนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้น คำถามจึงต้องเจาะจงให้ชัดเจน นี่คือคำถามของกลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ

ด้าน น.ส.จีรนุชกล่าวแนะนำกลุ่มองค์กรที่มาวันนี้ว่า พวกเราคือกลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากหลากหลายองค์กร เพราะนี่ไม่ใช่เพียงแต่กลุ่ม NGOs แต่นี่คือเรื่องของประชาชนทั้งประเทศต้องมีส่วนร่วม พวกเราคงเห็นแล้วจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาไม่ว่าสุดท้ายตอนนี้จะเป็นอย่างไร แต่แน่นอนว่าประชาชนได้แสดงเจตจำนงออกมาบอกว่าเราอยากเห็นประเทศสังคมไทยเป็นอย่างไร

น.ส.จีรนุชกล่าวต่อว่า นี่เป็นอีกครั้งที่ประชาชนจะต้องใช้พลังในการออกมาเริ่มต้นสร้างกติการ่วมกัน เริ่มต้นจากการเราจะมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนใหม่ที่มาจากการร่างของประชาชนได้อย่างไร 50,000 ราย ในเวลา 1 สัปดาห์เป็นเป้าหมายที่เราตั้งไว้ และเราเชื่อว่าเราจะไปถึงได้ เราเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นได้โดยที่ไม่ได้มาจากการทำงานขององค์กรใดองค์กรหนึ่งแต่เป็นการร่วมใจของประชาชนในประเทศนี้ซึ่งเราไม่พร้อมจะเห็นสังคมเป็นแบบนี้อีกต่อไป จึงอยากขอเชิญชวนให้ประชาชนพี่น้องมาร่วมลงชื่อทางช่องทางต่างๆ

ขณะที่สมบูรณ์กล่าวว่า ในนามของคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน เรามีความเห็นร่วมกันที่จะสนับสนุนแคมเปญนี้ หลังจากนี้เราจะประสานเครือข่ายทุกภูมิภาคเพื่อรวบรวมรายชื่อให้ครบ 50,000 ชื่อ ภายใน 7 วัน เพราะฉะนั้น การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับต้องมีหลักการที่ ส.ส.ร.ต้องมาจากประชาชน นี่คือทางเดียวเท่านั้น การดำเนินการจะนำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะเกิดขึ้น ทุกหมวดทุกมาตราจะต้องแก้ได้ ไปจนถึงการรวมศูนย์อำนาจรัฐธรรมนูญต้องพูดถึงเรื่องกระจายอำนาจที่ชัดเจน ซึ่งจะเป็นทางออกให้สังคมไทยได้ จึงขอเชิญชวนประชาชนให้มาร่วมกันลงรายชื่อ

ดูข่าวต้นฉบับ