การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศเรา ตั้งแต่กลางเดือนมกราคม ทําให้คนสูงวัยได้กลายเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษไปโดยปริยาย
เพราะข้อมูลการระบาดชี้ว่าอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยไข้หวัดโควิดที่สูงวัย คืออายุมากกว่า 60 ปี จะสูงกว่าเด็กและคนหนุ่มสาวมาก และมากสุดในกลุ่มอายุ 70 ปีขึ้นไป คืออายุ 70-80 ปี อัตราเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 8 และถ้าอายุ 80 ปีขึ้นไปอัตราจะอยู่ที่ร้อยละ 14.8
ซึ่งเข้าใจได้ เพราะร่างกายคนเราถ้าใช้งานผ่านไป 70 ปี ก็คงสึกหล่อไปพอสมควร ทําให้บางคนอาจไม่เข็มแข้งพอที่จะทัดทานพิษของไข้หวัดโควิด โดยเฉพาะถ้ามีโรคประจําตัวที่ทําให้ร่างกายอ่อนแอ โอกาสที่จะฟื้นตัวจากการป่วยจึงช้าหรือมีน้อย ทำให้ผู้สูงอายุจึงต้องระมัดระวังมาก
ในเรื่องนี้ประเทศเราค่อนข้างดีมาตลอดที่ให้ความสําคัญกับความเสี่ยงของประชากรสูงวัยต่อการระบาดของไข้หวัดโควิด ล่าสุด มีข้อปฏิบัติให้คนสูงวัยอายุ 70 ปีขึ้นไปอยู่บ้าน ไม่ออกไปไหนถ้าไม่จําเป็นในช่วงไวรัสโควิดระบาด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ซึ่งเป็นคําแนะนําที่หวังดีและมีเหตุผล
แต่คนสูงวัยจํานวนมากคงอยากใช้เวลาในช่วงปลายของชีวิตอย่างแอ็คทีฟและมีความสุข การอยู่บ้านอย่างเดียว ไม่ไปไหนเลย ไม่ติดต่อใครเลย จะน่าเบื่อและอึดอัดน่าดู ซํ้าอาจไม่ดีต่อสุขภาพถ้าวันๆไม่ทําอะไรกินนอนอย่างเดียวอยู่ที่บ้าน คําถามคือเราจะอยู่อย่างไงที่บ้านที่อาจนานเป็นเดือนให้เป็นการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพ ไม่เหงา ไม่น่าเบื่อ เป็นการใช้เวลาที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
ถ้าเราตั้งหลักว่าในทุกวิกฤติจะมีโอกาส เป็นหลักของธรรมชาติ เราก็จะสบายใจว่าในวิกฤติคราวนี้ก็จะมีโอกาศและเราต้องทําให้โอกาศเกิดขึ้น หรือต้องหาโอกาศให้เจอ เพื่อให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้นที่จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งตัวเราเองและผู้อื่น
อย่างที่เป็นข่าวในประเทศที่คนในเมืองต้องกักตัวอยู่บ้านนานเป็นเดือน เช่นจีน ผลที่เกิดขึ้นตามมาที่ไม่มีใครคาดคิดก็คือ สังคมดีขึ้น คนเห็นใจและช่วยเหลือกันมากขึ้น คนหยุดทะเลาะกันเพราะฝ่าวิกฤติมาด้วยกัน ธรรมชาติสดใสขึ้น มลภาวะและอากาศเป็นพิษลดลง บ้านเมืองสะอาดน่าอยู่ เพราะคนทั้งประเทศหยุดพัก ไม่โหมใช้ทรัพยากรธรรมชาติ อยู่อย่างพอเพียง ไม่ทําลายสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติกลับมาฟื้นตัวและสร้างความสดใสอีกครั้ง ในบางประเทศเช่น ฟิลิปปินส์ การสู้รบภายในประเทศหยุดลง ความสงบกลับคืนสู่สังคม นี่คือโอกาส
ดังนั้น ในกรณีที่ผู้สูงวัยบ้านเราต้องอยู่บ้านที่อาจนานเป็นเดือน เราก็ต้องทําให้การกักตัวอยู่ที่บ้านเป็นโอกาศ ที่จะใช้เวลาที่บ้านให้เป็นประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและคนอื่น ใช้เวลาที่ต้องอยู่ที่บ้านเป็นโอกาศที่จะปรับตัว ไตร่ตรอง มองไปข้างหน้า เตรียมความพร้อม สะสางเรื่องที่ค้างคาให้เสร็จ
ทําในสี่งที่อยากทํามานานแต่ยังไม่ได้ทํา เพื่อให้การก้าวต่อไปของชีวิตหลังวิกฤติโควิดจบเป็นช่วงชีวิตที่มีคุณภาพและเข้มแข็งกว่าเดิม เหมือนกบจําศิลที่ต้องพักและปรับตัวเพื่อความอยู่รอด หรือฤษีที่ต้องเข้าถํ้าเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา นี่คือ การอยู่ให้เป็นที่ผมหมายถึง
ในเรื่องนี้ ผมมีความเห็น 2-3 ข้อที่อยากแชร์กับเพื่อนสูงวัย เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่อาจเป็นประโยชน์
อย่างแรกคือ ต้องจริงจังและให้ความสําคัญกับความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ อันนี้สําคัญที่สุด คือต้องปฏิบัติตามคําแนะนําต่างๆอย่างเคร่งครัด ไม่ประมาท ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การล้างมือ ใส่หน้ากาก การรักษาสุขภาพอนามัย ไม่ออกไปนอกบ้านถ้าไม่จําเป็น งดออกงานหรือรับนัด ใช้ติดต่อปรึกษางาน ขอข้อมูล อวยพรหรือแสดงความเสียใจทางโทรศัพท์หรือมือถือแทน
การพบแพทย์การหาหมอตามนัดที่เป็นการตรวจประจําก็ปรับให้คล่องตัวขึ้น เลื่อนนัดให้นานขึ้นถ้าร่างกายปรกติดีไม่มีความเร่งด่วน ให้ส่งยาที่ทานประจํามาที่บ้านแทนไปรับที่โรงพยาบาล การไปธนาคารโอนเงินจ่ายบิลก็เปลี่ยนมาเป็นการโอนทางแอ๊พเพื่อลดการเดินทาง อาหารและของที่ต้องใช้ก็สั่งทางonline ถ้าเป็นอาหารสําเร็จรูปส่งถึงบ้านก็ต้องมีขั้นตอนลดความเสี่ยงต่อเชื้อหวัดก่อนบริโภค
ทั้งหมดก็เพื่อลดความจําเป็นของการออกนอกบ้าน ซึ่งถ้าทําได้เวลาที่อยู่บ้านก็ยิ่งจะมีมากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะกักตัวอยู่ในบ้านอย่างเดียว ความสมดุลย์ต้องมี ของเล็กๆน้อยๆก็เดินออกไปซื้อเองบ้าง เดินออกกําลังกายในซอยในหมู่บ้านบ้าง ขับรถไปทําธุระที่สําคัญเป็นครั้งคราว แต่ทั้งหมดก็ยึดปฏิบัติเรื่องการป้องกันความเสี่ยงในทุกกรณีอย่างจริงจัง ประเด็นคืออะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่เราก็ต้องระมัดระวังไม่ประมาทเพื่อดูแลตัวเองและผู้อื่น
2. ใช้เวลาที่อยู่ที่บ้านให้มีคุณภาพ ให้ทุกวันเป็น quality time กับครอบครัว ซึ่งเป็นโอกาศที่หายากมากในชีวิตทํางานของทุกคน ที่ครอบครัวจะได้อยู่ด้วยกันทุกวันเป็นเดือน ควรใช้เวลาและโอกาศให้เป็นประโยชน์กับครอบครัว คุยกับลูก อ่านหนังสือให้หลานฟัง ทําอาหารและรับประทานร่วมกัน ทำความสะอาดเก็บบ้าน ทิ้งของที่ไม่จําเป็น ทําให้บ้านโล่งสะอาดและน่าอยู่สําหรับทุกคน
สําหรับตนเองก็ใช้เวลานี้ฟื้นฟูร่างกาย นอนเต็มที่ รับประทานอาหารที่มีคุณภาพ ทานน้อยลง หาเวลาออกกําลังกายทุกวัน เดิน จ๊อกกิ้ง ยึดเส้นยึดสาย โยคะ รับรองว่านํ้าหนักจะลดลงแน่นอน ใช้เวลาที่อยู่บ้านติดต่อกับเพื่อนที่ห่างเหินกันมานาน พบปะกลุ่มเพื่อนสนิทด้วย conference call คุยกันดื่มไวน์กัน เพราะความเหงาหรือการอยู่อย่างสันโดษเป็นภัยต่อจิตใจและภูมิต้านทานของทุกคน การติดต่อไปถามสารทุกข์สุขดิบคนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่ได้เจอกันมานานจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคน โดยเฉพาะในเวลานี้ที่คนส่วนใหญ่ทั่วโลกอาจต้องอยู่บ้านเพื่อลดการระบาดของไวรัสโควิดเหมือนกัน
ท้ายสุดอย่าลืมคนใกล้ตัว เพื่อนบ้าน คนในชุมชนที่อาจต้องการความช่วยเหลือ จุดเเข็งของสังคมไทยคือการช่วยเหลือกันในยามทุกข์ยาก เพราะมีคนจํานวนมากในสังคมที่จะเดือดร้อนจากการระบาดของไข้หวัดและการหยุดกิจการต่างๆที่ไม่โชคดีเหมือนเรา หน่วยงานรัฐเองโดยเฉพาะโรงพยาบาลก็ต้องการความช่วยเหลือ ดังนั้นต้องพร้อมยื่นมือช่วยเหลือสังคมเต็มที่ บริจาค บริจาค บริจาค และมีความสุขกับการบริจาค
3. ใช้เวลาที่บ้านส่วนหนึ่งให้เป็น alone time หรือเวลาส่วนตัวที่เราจะพักสมองพักใจ สก๊อต เคลลี่ อดีตมนุษย์อวกาศโครงการนาซ่าสหรัฐ ที่เคยต้องอยู่คนเดียวในสถานีอวกาศนอกโลกนานเป็นปี แนะนําให้ใช้เวลาที่อยู่คนเดียวนี้ทําสี่งที่ชอบ เช่นมีงานอดิเรกทํา ซึ่งถ้าอยู่ที่บ้านก็เช่นอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ วาดรูป ทําสวน เล่นดนตรี
บางคนชอบที่จะใช้เวลาใตร่ตรองเรื่องตัวเองในอดีตและมองไปข้างหน้า บางคนเขียนไดเอรี่ บางคนทําสมาธิ ทั้งหมดก็เพื่อผ่อนคลายด้วยการทําในสี่งที่ชอบและให้เวลากับตนเอง แบบเราเป็นเรา ไม่มีคนอื่น เหมือนเป็นการให้รางวัลตนเองด้วยเวลาของตนเอง
จะเห็นว่าแม้ต้องอยู่ที่บ้านไม่ออกไปไหน เราก็สามารถทําอะไรได้มากที่จะเป็นการใช้เวลาที่เป็นประโยชน์ทั้งเพื่อตนเองและผู้อื่น สก๊อต เคลลี่แนะนําให้นํากิจกรรมเหล่านี้มาทําเป็นตารางกิจกรรม (schedule) ประจําวันและปฏิบัติตามนั้น ทําให้เราจะมีอะไรทําตลอดเวลาไม่น่าเบื่อ ดีต่อตัวเอง ดีต่อครอบครัว ดีต่อคนรอบข้างและสังคม
ทําให้เวลาที่อยู่ที่บ้านจะผ่านไปเร็ว จนเราอาจชอบการใช้ชีวิตแบบนี้และอยากใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไป เพราะยุ่งกับเรื่องนอกตัวน้อยลง แต่ให้เวลาส่วนใหญ่หรือทั้งหมดกับสื่งที่ชอบ คือครอบครัว เพื่อนสนิท ช่วยเหลือคนอื่น และตนเอง
☘️🐈⬛☘️อาอู้ดมาเข้าฝัน🚙 ดูแลยิ่งกว่าไข่ในหิน แต่ส่วนใหญ่กลับไม่ค่อยกลัว คือเขาอยู่มานาน ผ่านอะไรมาเยอะ เขายอมรับได้ทุกอย่าง แต่กลุ่มคนที่กลัวกลับเป็นวัยรุ่นวัย 27 - 40 ต้นๆ แม่งกลัวตายแบบจัดๆ เขาถึงบอกไงว่า "กระดูกมันคนละ พ.ศ." เข้าใจคนที่อายุเยอะกว่าผ่านประสบการณ์มาเยอะ ถึงแม้เรี่ยวแรงไม่ค่อยจะมีแต่ใจยังนิ่ง ไม่หวั่นไหวกับความตายก็คราวนี้ละ "กระดูกมันคนละ พ.ศ." จริงๆ
31 มี.ค. 2563 เวลา 00.19 น.
Noppadol เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสิิ่งที่ทุกคนต้องพบเจอ
การแพทย์ เจริญก้าวหน้า ทำให้คนตายช้าลง ทำให้คนชรามีจำนวนมาก
แล้วอยู่มา ก็มีโควิด มาระบาด ฆ่าคนเป็นจำนวนมาก ทำให้วุ่นวายไปทั่วโลก
สรุป จงอย่าฝืนธรรมชาติ ปล่อยให้ทุกชีวิตเป็นไปตามธรรมชาติ
31 มี.ค. 2563 เวลา 00.39 น.
ัคนเสียชีวิต 2 รายล่าสุด อายุไม่มาก ไม่มีโรคประจำตัว แปลว่า โควิดไม่มีขีดจำกัด
คนสูงอายุอยู่แต่ในบ้าน ดูน่าจะปลอดภัยกว่าพวกวัยรุ่นที่ยังเที่ยวผับสังสรรค์มั่วเซ็กส์
วัยรุ่นกลุ่มนี้จะกลายเป็นพาหะแพร่เชื้อไปทั่ว ตอนเที่ยวยังไม่มีอาการ หรือถ้ารีบตรวจก็อาจไม่พบเชื้อ แต่การไปสังสรรค์มั่วเซ็กส์จะมีความเสี่ยงสูง แพร่ไปได้ทั้งกลุ่ม แพร่เข้าไปในบ้านด้วย
แค่เจ็บคอ ไม่มีสาเหตุ ก็ควรกักตัวเอง ปรับอาหารการกิน กินร้อนเป็นหลัก กินผักผลไม้ธัญพืช งดน้ำแข็ง งดขนมขบเคี้ยว
ให้คนในบ้านระวัง รักษาระยะห่างในบ้าน
31 มี.ค. 2563 เวลา 00.50 น.
🌈🍎🅐🅟🅟🅛🅔 🅢🅐🅡🅘🅨🅐🍎🦄 เข็มแข้ง..... คืออะไร... เขียนผิดขนาดนี้ได้เหรอ... งง... บก.ไม่ตรวจ
31 มี.ค. 2563 เวลา 00.54 น.
Nira 🇹🇭🌈1️⃣6️⃣8️⃣🇹🇭🍇🍇🌈
💰🌠🌠💰💰💰🔮🔮💳
👔💜👔ประกาศค่ะ🍒🍒
👤รับสมัครคนช่วยงานตอบแชทลูกค้าผ่านเฟส/ไลน์
รายได้สัปดาห์ละ 4000-5000 บาท📱ทำผ่านมือถือได้📱
รับอายุ18 ปีขึ้นไป 🔸อยู่กรุงเทพปริมณฑลรับเป็นพิเศษ🔸
สนใจงานแอด📱LINE ID : @153lawtz (ใส่@ด้วยค่ะ)
31 มี.ค. 2563 เวลา 00.26 น.
ดูทั้งหมด