ช่วงนี้บรรดา “เดอะค็อป” ทั่วโลกกำลังรู้สึกหนาวๆร้อนๆกันทั่วหน้า ไม่ใช่เพราะติดเชื้อไวรัส “โควิด-19” ที่กำลังระบาดหนักอยู่ในขณะนี้ แต่ที่มีอาการแบบนี้เพราะข่าวของ “เจอร์เกน คล็อปป์” ผู้จัดการทีมสมองเพชรชาวเยอรมันของทีม"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล จ่าฝูงในศึกพรีเมียร์ลีก ประเทศอังกฤษ อาจต้องลาจากถิ่น"แอนฟิลด์" หลังสัญญาสิ้นสุดลงในวันที่ 30 มิถุนายน 2024 ด้วยเหตุที่ช่วงระยะนี้มีกระแสข่าวมีหลายสโมสรในทวีปยุโรปให้ความสนใจดึงตัวไปร่วมงานด้วย
สาเหตุที่กุนซือ วัย 52 ปี กลายเป็นคนเนื้อหอมจนถูกหมายตาจากสโมสรยักษ์ใหญ่ในทวีปยุโรปหลายทีม นั้นก็เพราะผลงานการคุมทีมของเขาในฐานะโค้ชสมัยใหม่ที่มีแนวคิดหัวก้าวหน้า และชั้นเชิงในการจัดตัวผู้เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม โดยก่อนที่จะมาเป็นนายใหญ่ให้กับหงส์แดง เคยพาทีม"เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมในลีกสูงสุดของประเทศเยอรมัน ได้เถลิงแชมป์ลีก บุนเดสลีกา ถึง 2 สมัย (2010–11, 2011–12) รวมทั้งคว้าแชมป์ เดเอฟเบโพคาล 1 สมัย (2011–12) แชมป์ DFL-Supercup 3 สมัย (2008, 2013, 2014) และรองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ปี 2012-13 ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลา 7 ปี ที่เขาคุมทัพเสือเหลือง ก่อนที่จะประกาศอำลาทีมไป โดยมีหลายทีมตามจีบชนิดที่ "หัวบันไดบ้านไม่แห้ง" กันเลยทีเดียว
ในสุดก็เป็น"ลิเวอร์พูล" ที่สามารถโน้มน้าวใจให้ "คล็อปป์" จรดปากกาเซนต์สัญญา 3 ปี ในการเข้ามาคุมทีมลิเวอร์พูล เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2015 แทนที่ "เบรนแดน ร็อดเจอร์ส" ผู้จัดการทีมชาวไอร์แลนด์เหนือคนเก่า ของเขาก็พา ลิเวอร์พลู ขึ้นไปถึงรองแชมป์ยูโรปาลีก และลีกคัพ และยังสามารถพา ลิเวอร์พูล ขึ้นมาเป็นเจ้ายุโรป 6 สมัยได้ในฤดูกาลที่ 2018-2019โดยการเอาชนะทีมสเปอร์สไปด้วยสกอร์ 3-1 ในนัดชิงชนะเลิศศึกยูฟ่าแชมป์เปียนส์ลีก รวมไปถึงการคว้าแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2019-20 และฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2019
ทั้งนี้ ในการทำทีมของ "คล็อปป์" แฝงไปด้วยเกมรุกที่จัดจ้าน การเข้าบอลโดยเน้นเพรสซิ่งที่รวดเร็วจนกดดันไม่ให้คู่แข่งสามารถทำเกมได้ "คล็อปป์" เปรียบเปรยสไตล์ฟุตบอลของเขาว่าเป็น “เฮฟวี เมทัล ฟุตบอล” เพราะมันดูดุดันและก้าวร้าวเหมือนดนตรีเฮฟวี เมทัล แต่เหนือจากแท็กติกใด ๆ สิ่งที่เขาต้องการจากนักเตะมากที่สุดคือเรื่องของสปิริตและหัวจิตหัวใจที่แข็งแรงในการเล่นฟุตบอล และการสร้างความสัมพันธ์ในห้องแต่งตัวที่ดี ทั้งหมดนี้มาจากแพสชั่นที่เขามีให้กับทีม คล็อปป์ ใช้เวลาไม่นานก็ผสานรอยร้าวทั้งหมด จนทำให้ทีมหงส์แดงกลับมาบินสูงกลายเป็นยอดทีมได้อีกครั้ง
ปรัชญาในการทำทีมของ "คล็อปป์" ส่งผลให้ฤดูกาลล่าสุด 2019-2020 "คล็อปป์" ก็พาหงส์แดงขึ้นนำจ่าฝูงในตารางพรีเมียร์ลีก ซึ่งทีมต้องการอีกแค่ 6 แต้ม ก็จะสามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษไปครอง หลังจากที่ต้องรอคอยมายาวนานถึง 30 ปี แต่ก็ต้องมาถูกเบรกด้วยเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เข้ามาแพร่ระบาดในเมืองผู้ดี จนต้องประกาศหยุดการแข่งขันไปจนถึง 30 เม.ย.นี้ และยังไม่รู้ว่าจะได้กลับมาฟาดแข้งกันอีกครั้งเมื่อไหร่
ไม่แปลกใจเลยที่ "ทีมชาติเยอรมนี" เป็นอีกหนึ่งทีมที่ต้องการตัวเขาเหมือนกัน โดยทัพอินทรีเหล็ก ภายใต้การนำทัพของ "โยอาคิม เลิฟ" กุนซือคนปัจจุบัน กำลังประสบปัญหาฟอร์มตก โดยเฉพาะเกมรุกที่ไม่สามารถเจาะประตูคู่แข่งได้เหมือนที่ผ่านมา ทำให้สมาคมฟุตบอลเยอรมัน หรือ เดเอฟเบ เตรียมแก้ปัญหา โดยหนึ่งวิธีก็คือ หากุนซือคนใหม่มาทำงานแทนที่ โยอาคิม เลิฟ ที่กำลังจะหมดสัญญาในปี 2022ซึ่ง "คล็อปป์" ก็มีรายชื่อติดเป็นตัวเต็งมาโดยตลอด
อีกทั้ง "เดอะ มิร์เรอร์" สื่อดังของอังกฤษ ก็ออกมาระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ ลิเวอร์พูล อาจจะเสีย "คล็อปป์" ไปในอนาคต ถ้าหากทางทีมชาติเยอรมนี ติดต่อให้เจ้าตัวไปรับตำแหน่ง เพราะช่วงที่ผ่านมา "คล็อปป์" ยืนยันเสมอว่า "เขาจะไม่ทำอาชีพนี้ไปจนถึงบั้นปลายชีวิตและจะวางมือเมื่อถึงเวลาอันควร แต่อย่างไรก็ตามเขาเองก็เคยเปรยว่าเขาอาจจะรับงานคุมทีมชาติเยอรมนีในอนาคต เ พราะการได้คุมทีมชาติเยอรมัน คือความฝันสูงสุดในอาชีพของเขา"
“ผมหวังว่าจะได้ทำงานต่อไปเรื่อยๆ แต่ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ผมก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเหมือนกัน บางทีผมอาจจะรีไทร์ ผมไม่ได้พูดว่ามันจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามถ้าหากสุดท้ายมันเกิดขึ้นจริง แฟนๆ ลิเวอร์พูล ก็จะได้ไม่ต้องรู้สึกเซอร์ไพรส์มากนัก” "คล็อปป์" กล่าว
ขณะที่ "โอลิเวอร์ เบียร์โฮฟฟ์" ผู้จัดการทีมทั่วไปของทีมชาติเยอรมนี ออกมากล่าวชื่อชม "คล็อปป์" อยู่ตลอดเวลา เกี่ยวกับคุณสมบัติที่เหมาะสมมากในการเข้ามารับงานในตำแหน่งกุนซือทีมชาติเยอรมนีในอนาคต และทันทีที่สัญญากับลิเวอร์พูลหมดลง ทีมชาติเยอรมนีก็พร้อมที่จะทุ่มสุดตัวเพื่อคว้าตัวมาคุมทัพอินทรีเหล็กให้ได้
มิหน่ำซ้ำ "บอริส เบ็คเกอร์" ตำนานนักเทนนิสชาวเยอรมัน ก็ออกมาเชียร์ให้ "คล็อปป์" กลับมาคุมทีมอินทรีเหล็กในอนาคต เพื่อกอบกู้สถานการณ์ของทีมที่กำลังตกต่ำอยู่ในขณะนี้
"ผมอยากให้ เจอร์เกน กลับบ้านและคุมทีมชาติเยอรมนีในวันหนึ่ง และผมไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนั้น ผมคิดว่าเขาจะเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยมของประเทศเราเพราะเขาเป็นโค้ชที่นำความคิดของตนเองส่งต่อไปยังนักเตะอย่างจริงจัง และทำให้พวกเขาเข้าใจถึงสิ่งที่เขาพยายามทำออกมา แฟนบอลเยอรมนีทุกๆ คนต่างประทับใจกับงานที่ คล็อปป์ กำลังทำที่ ลิเวอร์พูล การได้เห็นโค้ชชาวเยอรมนีคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก กับหนึ่งในทีมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของอังกฤษ และตอนนี้ใกล้ที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ถือเป็นเรื่องที่แสนวิเศษ" คล็อปป์ ทำให้หนึ่งในทีมที่ดีที่สุดของโลกกลับมายอดเยี่ยมอีกครั้ง และผมหวังว่านั่นจะทำให้เกิดพรหมลิขิตที่เขาจะมาคุมทีมชาติเยอรมนี" บอริส กล่าว
ด้วยกระแสข่าวและเสียงยุยงเหล่านี้ ส่งผลให้บรรดาแฟนๆของทีม “หงส์แดง” ต้องรู้สึกใจหายหากต้องสูญเสียผู้จัดการทีมคนเก่งไป อีกทั้งไม่สามารถการันตีด้วยว่าจะมีสโมสรยักษ์ใหญ่ทีมไหนมาทุ่มเงินล่อใจให้ "เจอร์เกน คล็อปป์" ไปร่วมงานด้วย
ที่สุดแล้วเชื่อว่าคงยังไม่มีอะไรที่แน่นอน ถ้าหลังจากฤดูกาลนี้ “หงส์แดง”ทำผลงานได้ไม่ดี "คล็อปป์" อาจจะโบกมือลาก่อนกำหนด 4 ปีก็ได้ หรือถ้าหลังจากนี้ “ลิเวอร์พูล” ติดลมบน สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างต่อเนื่อง กุนซือคนเก่งก็อาจจะขออยู่ยาวเพื่อเป็นตำนานในถิ่น "แอนฟิลด์" ก็เป็นไปได้เช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนี้เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์…เริ่มนับถอยหลังได้เลย
i-tOn™ ไม่มีข่าวจะเขียนหรือยังไง ????
04 เม.ย. 2563 เวลา 02.53 น.
Berm =^^= พลาดมากเลยที่กดเข้ามา
04 เม.ย. 2563 เวลา 02.30 น.
RimSh⭕️T แปลกจัง ผจก. ทีมอื่นคุมทีมชนะต่อเนื่อง หรือชนะจนได้แชมป์ก็ไม่มีข่าวแบบคล๊อปนะ สงสัยคนอิจฉาหงส์มันเยอะ...
04 เม.ย. 2563 เวลา 02.23 น.
ดร.รอง รักหงส์ แล้วก่อรักคล๊อปด้วย. ความฝันสูงสุดของ ผจก. ทีม. คือ ทีมชาตื. เขาเก่งพอที่จะเป็น ผจก. ทีมชาติ. รับใช้ชาติเถอะ พวกเรารักนาน
04 เม.ย. 2563 เวลา 02.09 น.
มณฑล หมดเรื่องที่จะเขียนแล้วเหรอ ไอ้กร๊วก
04 เม.ย. 2563 เวลา 02.07 น.
ดูทั้งหมด