Notification!
ระหว่างกำลังจะอ่านบทความนี้ มือถือก็มีข้อความใหม่เข้าอีกแล้วใช่ไหม เมื่อใครๆ ก็รู้จักกันด้วยการ Text หากัน เคยสงสัยกันไหมว่า การ Text หรือ ส่งข้อความ มีผลต่อความสัมพันธ์ของคนเรามากน้อยแค่ไหนกันนะ
พิมพ์ กับ พูด ต่างกันยังไง?
ที่แน่ๆ การส่งข้อความ ทำให้เราได้มีโอกาสอ่านทวนสิ่งที่เขียนทั้งหมดก่อนกดส่ง ซึ่งการคุยกันแบบเจอตัวเป็นๆ ไม่สามารถทำแบบนั้นได้
ข้อดี คือ เราได้รีวิวคำพูดของเราทั้งหมดก่อนที่อีกฝ่ายจะได้อ่าน ได้คิดไตร่ตรองมากขึ้น
ข้อเสียคือ การพิมพ์เปิดโอกาสให้เราประดิษฐ์คำ จนบางครั้งไม่เป็นตัวเอง
บางคนเวลาพิมพ์กับพูดจึงไม่เหมือนกันเลย เวลาคนเราพูด จะมีท่าทาง น้ำเสียง สีหน้า แววตา ประกอบ เพื่อช่วยให้เราสื่อสารได้ดีที่สุด แต่การสื่อสารผ่านข้อความนั้นจำกัด เหลือแค่ คำ 1 คำหรือ อิโมจิ 1 รูป ซึ่งแปลความหมายได้หลายความหมาย ตามวาระและโอกาสที่พิมพ์ การตีความจึงคลุมเครือกว่า
ส่งคนละเวลา อ่านคนละอารมณ์ เลยเข้าใจกันผิด
มีหลายครั้งที่เราเผลอโกรธอะไรเล็กๆ น้อยๆ จาก Text เช่น ตอบช้า พิมพ์ห้วน อีกฝ่าย read แล้วไม่ตอบทันที และอีกมากมาย แต่เราแน่ใจแล้วจริงๆหรือ ว่าที่โกรธจากแชทเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ใส่ใจจริงๆ
การแชทเปิดโอกาสให้เราอ่านข้อความเมื่อไหร่ก็ได้ตามเวลาที่สะดวก (Asynchronous) เมื่อส่งข้อความคนละเวลา อ่านข้อความด้วยคนละอารมณ์ เลยเข้าใจผิดกันได้ง่าย เราไม่มีทางรู้ว่าคนที่ส่งข้อความกำลังรู้สึกยังไง ทำอะไรหรือคิดอะไรอยู่ตอนที่ได้รับข้อความ เช่น เราอยู่ในอารมณ์พูดมาก อยากคุย พิมพ์ข้อความส่งไปเยอะๆ ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังเครียด ยุ่ง เลยตอบมาเป็นคำสั้นๆ แค่นี้ก็อาจทำให้เกิดการเข้าใจผิดกันได้ ว่าอีกฝ่ายไม่อยากคุย ไม่ใส่ใจ
รู้สไตล์การ Text เพื่อความสมานฉันท์
สำหรับคู่รักที่มีความไม่เข้าใจกันในเรื่องแชท วิธีแก้คือ ตั้งกฎที่เข้าใจตรงกันว่าสไตล์การ Text ของเราเป็นแบบไหน เราสบายใจที่จะหยิบมือถือขึ้นมาอ่านข้อความบ่อยแค่ไหน ตอบช้าตอบเร็วแค่ไหน ก็ช่วยให้เข้าใจกันได้มากขึ้น หรือ การลองอ่านข้อความที่ส่งไปทางแชทออกมาดังๆให้กันและกันฟัง และเปรียบเทียบความรู้สึกในบทสนทนาระหว่าง Text กับการพูดต่อหน้า ก็ช่วยให้เห็นภาพได้ว่าการพิมพ์บิดเบือดข้อความที่เราส่งให้กันและกันแค่ไหน
จากการวิจัยพบว่าการแชทอย่างพอประมาณทำให้ความสัมพันธ์ดี กล้าเปิดใจในบางเรื่องที่เราไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ แต่ถ้ามากเกินไปจะส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ เพราะมีเรื่องที่ชวนให้เข้าใจผิดกันง่ายเยอะ ดังนั้น ถ้าเราไม่รู้จะ Text อะไรดี อาจเป็นการดีกว่าที่จะไม่ Text เพราะเบื้องหลังคำที่พิมพ์ไป มีความหมายให้ตีความมากมายเหลือเกิน
ที่มา:
https://www.sciencedaily.com/releases/2013/10/131030190039.htm
About Me
Instagram: http://www.instagram.com/faunglada
Facebook: http://www.facebook.com/faunglada
Youtube: http://www.youtube.com/faunglada
Twitter: @faunglada
Website: www.faunglada.com