21 ม.ค.นี้เป็นอีกคดี ชี้ชะตาพรรคอนาคตใหม่จะถูกยุบพรรคหรือไม่ หลังศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณาคำร้องของ "ณฐพร โตประยูร" อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวหาพรรคอนาคตใหม่ เป็นปฏิปักษ์และล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร? หรือ "พรรคอนาคตใหม่" อาจรอดพ้นในครั้งนี้ ก็คงต้องลุ้นอีกในคดีต่อไป กรณี "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ปล่อยเงินกู้ให้พรรค จำนวน 191 ล้านบาท หลัง กกต.มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค
ที่ผ่านมาคดียุบพรรคการเมือง ในข้อหาเป็นปฏิปักษ์และล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่มีแค่ไทยเพียงประเทศเดียว ทาง "ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์" ย้อนดูข้อมูลพบว่า เมื่อ 6 ปีที่แล้วในปี 2014 ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ ได้วินิจฉัยสั่งยุบพรรค "Unified Progressive Part" พรรคการเมืองฝ่ายซ้าย เนื่องจากมีพฤติกรรมขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญของประเทศ กระทำการอันเป็นการล้มล้างหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย และมีแนวคิดแอบแฝงในการสนับสนุนสังคมนิยมของเกาหลีเหนือ
ศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยกล่าวในวงเสวนา “พรรคการเมืองกับอนาคตประชาธิปไตย” ว่า การยุบพรรคการเมือง เป็นปัญหาสำคัญทำลายความเข้มแข็งของพรรคการเมือง โดยสิ่งที่น่ากังวลในมาตรา 92 ของพ.ร.ป.พรรคการเมืองระบุถ้ามีการกระทำที่ "อาจ" จะเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครอง อาจนำไปสู่การยุบพรรคได้ ซึ่งอาจจะขัดกับรัฐธรรมนูญ และมีการให้ใช้ดุลพินิจในการตีความกว้างเกินไป สิ่งนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก
ส่วนกรณีของพรรคอนาคตใหม่ในกรณีเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครอง และเรื่องเงินกู้ ยังกังขาว่าเป็นเหตุให้นำไปสู่การยุบพรรคได้ด้วยหรือ เพราะในพ.ร.ป. พรรคการเมืองไม่มีการระบุว่าเงินกู้เป็นรายได้ของพรรคการเมืองได้ แต่การบอกว่าเงินกู้ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นไกลเกินไป
นอกจากนี้ในขณะรัฐธรรมนูญปี 2550 ใช้บังคับอยู่นั้น ศ.ดร.ปริญญา เป็นหัวหน้าคณะวิจัย เรื่อง "การยุบพรรคการเมืองโดยองค์กรวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ" เสนอต่อสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ โดยตีพิมพ์เป็นหนังสือเมื่อปี 2558 ในการศึกษาการยุบพรรคการเมืองในไทย โดยเปรียบเทียบกับประเทศเยอรมนี ฝรั่งเศส เกาหลีใต้ สเปน ออสเตรเลีย และตุรกี พบว่า หากประเทศใดมีศาลรัฐธรรมนูญประเทศนั้นจะให้อำนาจในการยุบพรรคการเมืองเป็นของศาลรัฐธรรมนูญ โดยบุคคลผู้มีอำนาจเริ่มต้นคดีจะเป็นผู้แทนของรัฐ หรือฝ่ายบริหาร เช่น ประธานาธิบดี สภาผู้แทนราษฎร พนักงานอัยการ เป็นต้น ซึ่งแตกต่างกับประเทศไทยที่ให้สิทธิแก่ประชาชนหรือผู้ทราบการกระทำ ในการยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ
สำหรับเหตุในการยุบพรรคการเมืองของไทยจะมีความแตกต่างกับประเทศอื่นในแง่ที่นำเหตุเล็กน้อย หรือเป็นเรื่องทางเทคนิค หรือการไม่ปฏิบัติตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดมาเป็นเหตุ ในการยุบพรรคการเมือง ซึ่งในต่างประเทศเหตุในการยุบพรรค จะต้องเป็นเรื่องร้ายแรงที่กระทบต่อระบอบการปกครองภายในรัฐ หรือกระทบต่อความมั่นคง หรือเขตแดน หรืออธิปไตยภายในรัฐเท่านั้น อีกทั้งมติในการยุบพรรคการเมืองของต่างประเทศจะใช้มติพิเศษในการยุบพรรคการเมือง แต่ในส่วนของประเทศไทยยังคงใช้มติเสียงข้างมากธรรมดาในการมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคการเมือง
นอกจากนี้ ผลของการยุบพรรคการเมืองของไทยมิได้ส่งผลกระทบเฉพาะตัวพรรคการเมืองเท่านั้น แต่ยังกระทบไปถึงการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารของพรรค ซึ่งแตกต่างไปจากผลของการยุบพรรคการเมืองในต่างประเทศที่จะเน้นลงโทษไปที่ตัวพรรคการเมือง ยกเว้นเฉพาะตุรกีที่ส่งผลกระทบหรือมีการเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเช่นเดียวกับไทย ซึ่งพรรคการเมืองในไทยที่ถูกยุบเป็นพรรคการเมืองขนาดเล็ก ไม่เอื้อต่อการแข่งขันทางการเมืองและทำลายเสรีภาพหรือเจตจำนงของประชาชนในการจัดตั้งพรรคการเมืองที่เกินกว่าความจำเป็น
ส่วนการยุบพรรคการเมืองครั้งแรกของโลกเกิดขึ้นในเยอรมนี เมื่อปี ค.ศ. 1923 มีการยุบพรรคแรงงานสังคมชาตินิยมเยอรมนี ซึ่งเป็นพรรคนาซีของฮิตเลอร์ ด้วยเหตุปฏิเสธการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา แต่อาศัยรูปแบบของพรรคการเมืองแฝงกายเข้ามาทำลายระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อีกทั้งพยายามก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 8-9 พฤศจิกายน ค.ศ.1923 หรือที่เรียกว่า "กบฏโรงเบียร์"
ต่อมามีการจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยยุบพรรคการเมืองอีก 2 พรรคในปี ค.ศ. 1952 คือพรรคสังคมนิยม ซึ่งเรียกตัวเองว่าพรรคสืบนโยบายนาซี มีลักษณะเผด็จการต่อต้านระบบรัฐสภาและมีความคิดเชื้อชาติอย่างรุนแรง และต่อมาปี ค.ศ.1956 ยุบพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งมีแนวคิดก้าวร้าวและเป็นปฏิปักษ์ต่อหลักการพื้นฐานของหลักประชาธิปไตย
เช่นเดียวกับการยุบพรรคในฝรั่งเศสเกิดขึ้นหลายครั้ง เช่นปี ค.ศ. 1939 ยุบเลิกพรรคคอมมิวนิสต์ รวมถึงตุรกี มีเหตุยุบพรรคการเมืองบ่อยครั้งกว่า 20 พรรค ซึ่งมีอุดมการณ์ หรือแนวนโยบายที่ขัดต่อหลักการปกครองภายในรัฐและเกี่ยวข้องกับหลักการทางศาสนาที่แยกออกมาจากการเมืองหรือรัฐฆราวาส
ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2549 ถึง ปี 2557 ศาลรัฐธรรมนูญของไทย มีคำวินิจฉัยยุบพรรคการเมืองไปแล้วไม่ต่ำกว่า 100 พรรค คิดโดยเฉลี่ยเป็นพรรคการเมืองถูกยุบกว่าปีละ 6 พรรค ซึ่งแตกต่างจากการยุบพรรคของต่างประเทศมาก โดยพรรคการเมืองใหญ่ของไทย หนึ่งในนั้นพรรคไทยรักไทยถูกยุบในปี 2550 กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และกระทำการอันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคง และในขณะเดียวกันมีการจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่มากขึ้น โดยปี 2556 มีการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ 26 พรรค เป็นไปตามคำกล่าวว่าพรรคการเมืองของไทย "เกิดง่าย โตยาก และยุบง่าย" ทำให้เห็นความไม่ยั่งยืนและความอ่อนแอของพรรคการเมืองไทย.
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
- ระทึก ห้ามกะพริบตา ศาลรธน.วินิจฉัย "อนาคตใหม่" ล้มล้างการปกครอง วันนี้
- รองโฆษกอนาคตใหม่ มอง พรุ่งนี้เป็นวันที่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยต้องจารึก
- กูรูฟันธง "อนาคตใหม่" ต้องเจอโทษอะไร หากผิด คดีล้มล้างการปกครอง
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath
Ton รัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญนี่ไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองเน้อะ
20 ม.ค. 2563 เวลา 14.08 น.
HaridS ยุบปุ๊บ คนยิ่งเกลียด สังคมยิ่งแตกแยก ต่อให้ยุบ เลือกตั้งครั้งหน้า คนเขาก็ไม่เลือกมึง!
20 ม.ค. 2563 เวลา 14.11 น.
กฤษฏิ์ จะเปลี่ยนการปกครองเป็นคอมมิวนิสต์ไหม
20 ม.ค. 2563 เวลา 14.24 น.
ผมไม่สนใจอะไรนัก ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการนักคิดนักเขียน แต่ผมสนใจว่าบ้านเมืองนี้จะสงบร่มเย็นพัฒนาประเทศไปได้อย่างไร ผมมีประโยชน์เฉพาะความเป็นคนไืทยของผม ผมไม่ได้มีส่วนได้เสียกับความยิ่งใหญ่ของนักการเมืองของประเทศนี้ ผมไม่มีอำนาจไปโกงกินอะไรกับเงินงบประมาณ ผมเป็นประชาชนคนหนึ่งที่มักจะถูกแอบอ้างและเคลมเพื่อหาผลประโยชน์จากนักการเมือง ซึ่งผมไม่ยินยอมพร้อมใจด้วย
20 ม.ค. 2563 เวลา 14.24 น.
นิภา มันน่าเบื่อได้เป็นส.สกันแล้วไม่ทำเพื่อประชาชนเห็นแก่ตัวเกียจจัง
20 ม.ค. 2563 เวลา 14.15 น.
ดูทั้งหมด