EXCLUSIVE INTERVIEW : “บุ๋ม ปนัดดา” ดราม่า! อย่าเอาคำว่า “แม่” ไปครอบตัวตน “ลูก”

“บุ๋ม ปนัดดา” ดราม่า! อย่าเอาคำว่า“แม่” ไปครอบตัวตน“ลูก”

เปิดใจ…ดาราสายดราม่า สตรีของประชาชน และการเป็นคนที่ถูกคาดหวัง

“บุ๋ม ปนัดดา” ดาราสายดราม่า

“ถ้าให้นิยามความเป็นตัวเองในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เราคงจะเป็น “ดาราสายดราม่า” มั้ง (หัวเราะ) ก็ไม่รู้สิ โพสต์อะไรไป หลายคนก็เอาไปจับผิด ดราม่ากัน ถูกนำไปเป็นประเด็นกันง่ายมาก ซึ่งหลายครั้ง เราก็ยังไม่ทันรู้เรื่องอะไรเลย แม้กระทั่งบางเรื่องที่คนอื่นมีประเด็นกัน แต่เราไม่มี ก็ถูกตั้งคำถามอีก ว่าทำไมเราไม่โดนเรื่องนี้ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน (หัวเราะ) ไม่โดนก็ดีแล้วไง ใช่ไหม? (หัวเราะ) นี่แหละ ความเป็นเราในช่วงนี้”

อย่าคาดหวังลูกจากสิ่งที่แม่เป็น

“ในบทบาทของการเป็นแม่ สิ่งที่บุ๋มและอันดามัน กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ คือ เมื่อแม่เป็น Somebody เป็นที่รู้จัก สมัยเรียนก็ทำกิจกรรมไว้เยอะมาก ทั้งสายสวยงาม สายดนตรี สายกีฬา เป็นตัวแทนโรงเรียนไปประชุมเรื่อง เด็กช่างตีกัน เราก็ไป เพราะฉะนั้นลูกเราก็จะถูกคาดหวังจากคนที่โรงเรียนว่าจะต้องเป็นเหมือนที่แม่เคยเป็นนี่แหละคือสิ่งที่บุ๋มกังวลมากที่สุดเวลาอยู่ที่โรงเรียนเด็กคนอื่น ๆ ก็จะได้รับการเรียกด้วยชื่อของเขาเอง น้องฟ้า น้องโบ ชื่ออะไรก็ว่ากันไป แต่อันดามันมักจะถูกเรียกว่า ลูกแม่บุ๋ม ซึ่งมันไม่เหมาะ กลายเป็นว่าภาพของแม่ไปครอบเขาไว้ ลูกจะไม่ได้เป็นตัวของเขาเอง บุ๋มก็ต้องพูดตรงๆเลยว่า แม่ทำแบบนี้ๆๆ มานะลูก แต่หนูไม่ต้องซีเรียส เพราะเราคนละคนกัน” 

“บุ๋ม” จะไม่เล่นการเมือง

“จริง ๆ แล้ว อดีตที่ผ่านมา เราเคยเป็นผู้ชำนาญการคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์ และอุตสาหกรรม ของวุฒิสมาชิก ในยุคสมัยของคุณทักษิณ ชินวัตร และเคยเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ครั้งนั้นเคยบินไปทำสัญญาเรื่องไบโอดีเซลที่อเมริกาใต้ด้วย ซึ่งอยู่ในยุคสมัยของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เรียกได้ว่า คนละขั้วเลยนะ ดังนั้นเราอยู่ในแวดวงการเมือง ในฐานะนักวิชาการค่ะ เราก็เห็นอะไรมาพอสมควรแล้วในแวดวงนี้ แอบบอกเลยว่า นักการเมืองโทรศัพท์ติดต่อมาทาบทามให้เข้าพรรคเกือบทุกวัน! แต่ก็เข้าใจได้ เพราะด้วยชื่อเสียง การศึกษา วัยวุฒิ โดยเฉพาะเรื่องบทบาทการขับเคลื่อนทางสังคมที่ค่อนข้างชัดเจนของเรา ก็ดูจะเหมาะสมที่จะเข้าไปอยู่ในบทบาทนั้น 

แต่บอกเลยว่าจะไม่เห็นชื่อ "บุ๋มปนัดดา"ลงสมัครเลือกตั้งแน่ ๆ ทุกวันนี้ เราอยู่ตรงนี้ เราสบายใจที่จะแสดงความคิดเห็น ได้พูดตามที่เราคิด ได้เป็นตัวของเราเอง ถ้าเราเป็นนักการเมือง จะต้องไปอยู่ในจุดของคำว่า “พรรค” แสดงออกในมุมมองของพรรค ให้เราไปยืนเป็นวอลล์เปเปอร์ของพรรรคใดพรรคหนึ่งแบบนั้น เราไม่โอเค แต่ถ้าเข้าไปในฐานะนักวิชาการหรือนักวิจัยโอเค! บทบาทนี้เรายินดีทำยินดีช่วยประเทศชาติค่ะ แม่ก็เรียนมาเยอะนะคะ เป็น ดร. นะคะ (หัวเราะ) ก็น่าจะดีถ้ามีโอกาสให้ได้ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาค่ะ

 อย่ามาบังคับว่า..ฉันต้องทำความดี 

“ประเด็นข่มขืน เป็นเรื่องที่คนในสังคมคาดหวังให้เราไม่ยอม ให้เราต้องสู้ ต้องออกมาเคลื่อนไหวอยู่ตลอด แต่จริงๆ เราหยุดแล้วนะ! เพียงแต่ว่า คนติดภาพไปแล้วไง เพราะการขับเคลื่อนเพื่อยกเลิกอภัยโทษคดีฆ่าข่มขืนคือที่สุดในชีวิตเราซึ่งเราก็ทำสำเร็จแล้ว แต่การที่ยังเห็นใจคนที่ถูกกระทำ ยังอยากช่วยเหลือคนอื่น ก็ผลักดันให้เรายังทำงานตรงนี้อยู่ ที่ผ่านมาก็คิดเหมือนกันว่าอยากจะหยุด อยากจะไปมีชีวิตส่วนตัว เพราะลูกเราก็โตแล้ว อยากใช้เวลากับลูกมากขึ้น

ตอนนี้ ขอแค่ทำความดีที่มีความสุขอย่ามาบังคับว่าฉันต้องทำเพราะช่วงหลังๆ คนนู้นก็บอกว่าคุณบุ๋มต้องทำเรื่องนี้นะ คนนี้ก็บอกให้ทำเรื่องนั้นนะ ก็สงสัยเหมือนกัน…ทำไมต้องกู? ทำไมต้องกูตลอดเลย? (หัวเราะ) หลายคนคงรู้สึกว่าใกล้ชิดกับเรามากที่สุดแล้วมั้ง ก็เลยคาดหวังว่าต้องเป็นเราที่เข้าไปอยู่ในทุกเหตุการณ์ ซึ่งมันไม่ได้ จะให้ไปจับจระเข้ช่วงน้ำท่วม ไปสูบน้ำที่ถ้ำหลวง อะไรอย่างนี้ ดิชั้นทำไม่เป็นค่ะ (หัวเราะ)”

ขอบคุณสถานที่ : KELTI CAFÉ X 93 ARMY COFFEE