สะเทือนใจ!พ่อค้าผักทำภรรยาสุดที่รักเสียชีวิต หลังอดหลับอดนอนหลับในเสยท้ายสิบล้อ

วานนี้ 9 ตุลาคม ร.ต.อ.วรบูรณ์ บุญมาก รอง สว.สส.สภ.เมืองสมุทรสงคราม ได้รับแจ้งอุบัติเหตุมีผู้เสียชีวิตบนถนนพระราม 2 กม. ที่ 60 ม.7 ต.บางแก้ว อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม จึงไปตรวจสอบพร้อมตำรวจทางหลวงสมุทรสงคราม, แขวงทางหลวงสมุทรสงคราม และเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างเบญจธรรมสมุทรสงคราม

ในที่เกิดเหตุพบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุอีแม็กตอนเดียวสีขาว ใส่คอกด้านท้ายสำหรับขนของ สภาพด้านหน้าฝั่งซ้ายพังยุบเสียหายยับเยิน ภายในรถบนเบาะที่นั่งข้างคนขับ พบศพ นางสาวสุปราณี สุขสวัสดิ์ อายุ 35 ปี ชาวจังหวัดราชบุรี  สภาพศีรษะ แตกสมองมันสมองกระจาย  ส่วนคนขับทราบชื่อ นายปัญญา คำเดช อายุ 39 ปี ชาวจังหวัดราชบุรีเป็นสามีผู้ตาย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยนั่งเหมอลอยด้วยความโศกเศร้า เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างเบญธรรมสมุทรสงครามปฐมพยาบาลอาการปลอดภัย ห่างไปประมาณ 50 เมตรพบรถบรรทุก 10 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุสีขาว สภาพท้ายด้านขวาถูกชนยุบมันสมองกระจาย มีนายโกมล อายุ 51 ปี ชาวจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นคนขับยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่

นายปัญญา คนขับรถปิกอัพเล่าว่า ตนและภรรยามีอาชีพซื้อผักในตลาดศรีเมืองจังหวัดราชบุรี ไปส่งให้ลูกค้าตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งตนรักกันมากไปไหนก็จะไปด้วยกัน ก่อนเกิดเหตุพาภรรยานั่งรถเป็นเพื่อนคุยไปส่งผักที่จังหวัดชลบุรี ขณะกำลังกลับบ้านพักที่จังหวัดราชบุรี มาถึงที่เกิดเหตุตนวูบหลับกระทั่งตกใจตื่นก็พบว่าเกิดอุบัติเหตุภรรยาตัวเองเสียชีวิตไปแล้ว

ด้านนายโกมล ช้างทอง คนขับรถ บรรทุก 10 ล้อเล่าว่า ตนขับรถบรรทุก 10 ล้อจากกรุงเทพเพื่อไปส่งสินค้าให้กับลูกค้าที่จังหวัดเพชรบุรีมาถึงที่เกิดเหตุตนขับอยู่ในเลนซ้ายสุดจุดจู่ๆก็มีรถกระบะคันคู่กรณีมาชนท้ายเข้าอย่างจัง พอลงมาดูก็พบรถปักอัพชนท้ายจึงรีบโทรศัพท์เรียกเจ้าหน้าที่มาให้ความช่วยเหลือ

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่านายปัญญา และนางสาวสุปราณี ผู้ตาย มีอาชีพรับส่งซื้อผักที่ตลาดศรีเมืองไปส่งลูกค้าให้กับที่จังหวัดต่างๆโดยทั้งสอง ทั้ง 2 รักกันมากแต่งงานอยู่กินมานาน 10 ปี โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส และยังไม่มีลูก จึงพยายามทำงานเพื่อหารายได้เตรียมเป็นทุนเก็บไว้ดูแลตนเองตอนแก่ ก่อนเกิดเหตุคาดว่านายปัญญาคงจะหักโหมจากการขับรถเพื่อหาเงินดังกล่าวทำให้เกิดหลับในชนท้ายรถสิบล้อ เป็นเหตุให้ภรรยาแสนรักเสียชีวิตก็เป็นได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มอบศพให้ญาติ ประกอบพิธีตามศาสนาและจะสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป