15 ก.ค.63 - เมื่อเวลา 09.00น. ที่อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือโครงการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว(BCG โมเดล) สร้างความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน พร้อมกล่าวปาฐกถาในการประชุม “สมัชชา BCG: ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” ตอนหนึ่งว่า คิดว่าจะพูดนิดเดียวเพราะเหนื่อยทุกวันเลย และเมื่อวันที่ 14 ก.ค.หงุดหงิดไปหน่อย อยู่ดีๆ เครื่องบินชนกัน เครื่องบินทหารอียิปต์ชนมา ขณะนี้กำลังแก้ไข ไม่ต้องกังวล เชื่อว่าแก้ได้ขอให้เชื่อมั่นระบบสาธารณสุขของเรา เรื่องนี้เป็นเรื่องคนบุคคลเท่านั้นซึ่งระเบียบก็มีอยู่ ไม่มีใครได้สิทธิพิเศษ คำว่าสิทธิพิเศษคืออนุญาตให้เข้าแต่ต้องมีกติกา ไม่ใช่สิทธิพิเศษว่าไม่ต้องตรวจ แต่ตรวจแล้วหนีไปเที่ยวอีกเรื่องหนึ่ง ต่อไปนี้ต้องเข้มงวดทั้งไทยและต่างประเทศ ขณะเดียวกันพวกเต้นในผับในบาร์ระวังไว้ด้วยไม่เห็นใครกลัวกัน หัวจะชนกันอยู่แล้ว นักข่าวกลับได้ยังพูดตรงนี้แล้วเอาไปพาดหัวได้ อย่างไรก็ตามศักยภาพด้านสาธารณสุขของเราขึ้นชื่อระดับโลก ตนได้พูดคุยกับผู้นำโลกและมหาอำนาจทุกประเทศชื่นชมไทยในการแก้ปัญหาโควิด หลายคนเมื่อมาประเทศไทยต้องใส่หน้ากากเพราะเราบังคับให้ใส่ อย่างในประเทศอินเดียหากไม่ใส่หน้ากากมีการปรับเงินแสนเหรียญ จะให้ตนทำแบบนั้นหรือไม่ รวมทั้งยังมีการเฆี่ยนตี
ดังนั้นวันนี้ความรับผิดชอบสำคัญที่สุด ไม่ใช่ใช้แต่กฎหมาย ตนไม่อยากให้คนดื้อกับกฎหมายเพราะจะเหมือนดื้อยา แม้กฎหมายแรงไปก็ไม่กลัว คนประเภทนี้มีอยู่แล้ว นอกจากนี้วันนี้เมื่อโควิดมาหงายท้องหมด เราต้องฟื้นฟู ซึ่งทุกอย่างมีแผนที่กำลังพิจารณาทั้งหมด แต่หลายอย่างปัญหาอยู่ที่คนและจิตสำนึก ซึ่งระเบียบเป็นตัวกำหนดไว้แล้วชัดเจน แต่การปฏิบัติควบคุมสติได้แค่ไหน ต้องรักษาวินัยและเห็นใจเจ้าหน้าที่ อย่าคอยให้เจ้าหน้าที่มาห้ามหรือมาจับ อย่าเป็นฝ่ายรับอย่างเดียวต้องให้ความร่วมมือกันด้วย ลดการใช้กฎหมาย เพราะทุกคนไม่ชอบกฎหมาย แต่กฎหมายเป็นสิ่งทำให้เท่าเทียมกันหากทำผิดก็ผิดเหมือนกันเป็นสิ่งที่ตนยืนยันมาตลอด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีความเป็นห่วงชีวิตประชาชนในช่วงต่อจากนี้ที่เราจะเป็นโลกยุคใหม่ โลกเทคโนโลยี และโลกดิจิทัลที่มีบางส่วนยังเข้าไม่ถึงส่วนราชการต้องทำเทคโนโลยีดิจิทัลให้คนเข้าถึงให้ได้ ส่วนไหนต้องเร่งทำก่อนต้องจัดสรรให้เหมาะสมเพราะมีงบฯและค่าใช้จ่ายจำนวนมาก หลายกระทรวงต้องการเม็ดเงินไปบริหาร ดังนั้นเม็ดเงินแต่ละก้อนต้องตอบสนองประชาชน ไม่ใช่เพียงบริหารให้หมดๆ ไป ตนจะติดตามทุกโครงการ และต้องทำงบประมาณให้ตรงความต้องการของประชาชน พร้อมมีตรวจสอบการทุจริต ข้อสำคัญการมีส่วนร่วมของประชาชน วันนี้ยังมีระยะห่างระหว่างข้าราชการประชาชน ซึ่งต้องลงไปพบประชาชนในพื้นที่และรายงานนายขึ้นมา ถ้านายไม่ทำรายงานมาถึงตน ที่ผ่านมาบางเรื่องไม่ควรถึงตนก็ต้องถึง ดังนั้นต้องไม่ทำงานบนโต๊ะอย่างเดียว และยืนยันตนพยายามทำทุกอย่างให้สำเร็จ ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อทุกคน และวันนี้โลกใบเดียวมีหลายมหาอำนาจ เราต้องรักษาสมดุลให้ได้ ย้ำว่าทุกประเทศไม่ได้รังเกียจประเทศไทย แต่เราต้องยึดโยงตลาดโลกด้วย หากพังก็จะพังกันทั้งหมด
ทั้งนี้ในช่วงท้าย นายกฯ กล่าวด้วยว่า วันนี้เครียด ยอมรับว่าเครียดเกือบทุกวันบางวันมีงานให้คิดเยอะ คิดเรื่องเก่ายังไม่เสร็จก็มีเรื่องให้ทำตลอดบ่นไม่ได้ ไม่ได้บ่น แค่อยากให้ทุกคนช่วยกัน สัญญากับตนให้ช่วยนำพาประเทศไทยไปข้างหน้า เพราะนายกฯคนเดียวทำไม่ได้ รัฐมนตรีก็ทำไม่ได้ ถ้าทุกคนมีความเห็นสวนทางตลอดก็ไม่มีอะไรสำเร็จสักเรื่อง และที่สำคัญกฎหมายใหม่ที่จะออกมาก็ยังไม่ผ่านสภาฯ ซึ่งล้วนเป็นกฎหมายสำคัญทั้งสิ้น จึงต้องขอร้องสภาฯพิจารณากฎหมายให้ตนหน่อย ไม่เช่นนั้นประชาชนเองก็ไม่เข้าใจคิดว่าว่ารัฐบาลไม่ทำอะไร ซึ่งตนมีหน้าที่บริหาร สภาฯ มีอำนาจนิติบัญญัติ และศาลมีอำนาจตุลาการ แยกอำนาจกันทั้งหมด จะก้าวก่ายกันไม่ได้.
Q(︶︿︶)U╭∩╮I อู้ไปเรื่อยเครื่องบินชนควายเป็นไปได้จะไดควายเนอะบ่แม่นนก
15 ก.ค. 2563 เวลา 06.12 น.
Nutkung ก็ลาออกสิครับ
15 ก.ค. 2563 เวลา 07.22 น.
黄民生 ศิริสิทธิ์ สมพรปากนะสาธุ
15 ก.ค. 2563 เวลา 07.12 น.
โสนะน่าลาออกไปซะ
15 ก.ค. 2563 เวลา 07.22 น.
คิดดี ทำดี มีน้ำใจ สมน้ำหน้าก๊บคนไทย ทำเป็นขอร้อง บังคับ กับต่างชาติก้มหัว เลินเล่อร์
15 ก.ค. 2563 เวลา 07.13 น.
ดูทั้งหมด