ทั่วไป

สธ.แจ้งความดำเนินคดีเหตุทะเลาะวิวาท 2 รพ.

new18
อัพเดต 20 พ.ค. 2562 เวลา 06.44 น. • เผยแพร่ 20 พ.ค. 2562 เวลา 06.35 น. • new18
สธ. แจ้งความดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายกับผู้ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย ในรพ.เหล่าเสือโก้ก จ.อุบลราชธานี และรพ.สมเด็จพระยุพราชเลิงนกทา จ.ยโสธร

สธ. แจ้งความดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายกับผู้ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย ในรพ.เหล่าเสือโก้ก จ.อุบลราชธานี และรพ.สมเด็จพระยุพราชเลิงนกทา จ.ยโสธร 

เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ธงชัย กีรติหัตถยากร ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 10 กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับมอบหมายจากน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล หลังเกิดเหตุมีผู้เข้าไปทำร้ายผู้ป่วยที่กำลังรักษาที่ห้องฉุกเฉิน รพ.เหล่าเสือโก้ก ต.เหล่าเสือโก้ก อ.เหล่าเสือโก้ก จ.อุบลราชธานี และเหตุทำร้ายญาติผู้ป่วยที่ รพ.สมเด็จพระยุพราชเลิงนกทา อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร พร้อมกำชับให้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ และเรียกร้องค่าเสียหายจากการทำลายเครื่องมือแพทย์อย่างถึงที่สุดเพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

“โดยที่ รพ.เหล่าเสือโก้ก มีผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ส่งรักษาต่อที่ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ มีอุปกรณ์การแพทย์ที่เสียหาย คือเครื่องวัดความดันโลหิต ส่วน รพ.สมเด็จพระยุพราชเลิงนกทาผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นญาติผู้ป่วย เบื้องต้น ได้สั่งการให้โรงพยาบาลในเขตสุขภาพทุกแห่ง ประสานงานตำรวจทันที หากมีผู้ป่วยจากการทะเลาะวิวาทเข้ามารักษาไม่ต้องรอเกิดเรื่องก่อน ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกันญาติ หรือมีประตูนิรภัยให้ล็อคประตูทันที รวมทั้งติดกล้องวงจรปิดเพิ่ม” นพ.ธงชัย กล่าว

นพ.ธงชัย กล่าวด้วยว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดมาตรการเพิ่มความปลอดภัยในโรงพยาบาล โดยเฉพาะบริเวณห้องฉุกเฉิน ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงเกิดเหตุบ่อยครั้ง ดังนี้ 1.ให้โรงพยาบาลจัดทำแนวทางปฏิบัติป้องกันและจัดการความรุนแรง ทบทวน ฝึกซ้อมและปรับปรุงเป็นประจำ 2.จัดทำระบบควบคุมประตู หรือมีทางเข้า-ออก ที่ปลอดภัยหลายช่องทาง 3.จัดสถานที่พักคอยสำหรับญาติ รวมทั้งจำกัดการเข้าออก 4.ตรวจสอบกล้องวงจรปิดให้พร้อมใช้งาน และติดตั้งเพิ่มในจุดเสี่ยง 5.จัดระบบคัดกรองโดยเฉพาะผู้ป่วยห้องฉุกเฉิน และจัดบริการให้เหมาะสมกับความเร่งด่วน รวมทั้งให้สื่อสารกับญาติผู้ป่วยเป็นระยะ เพื่อลดความวิตกกังวล 6.จัดเวรยามรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง 7.จัดหาสัญญาณเตือนภัย หรืออุปกรณ์ขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน และมีช่องทางแจ้งเหตุด่วนกับตำรวจ ฝ่ายปกครอง และเครือข่ายอาสาสมัคร มูลนิธิต่างๆในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม แม้กระทรวงสาธารณสุขจะมีมาตรการป้องกัน แต่คงป้องกันไม่ได้ทั้งหมด ต้องขอความร่วมมือประชาชนผู้มารับบริการ รวมทั้งญาติผู้ป่วย ช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นในโรงพยาบาลซึ่งควรจะเป็นพื้นที่ปลอดความรุนแรงสำหรับประชาชนทุกคน และที่สำคัญคือ จิตสำนึกความรับผิดชอบของผู้ที่ตั้งใจเข้ามาก่อเหตุ

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 23
  • chat🌿
    มันต้องติดคุก แห่ประจานให้คนเห็น ปรับขั้นสูง ชดใช้ ถ้าไม่มียึดทรัพย์ให้พ่อแม่ชดใช้ เอาไปทำงานหนัก ภัยสังคมจริง ๆ ลูกอิชั้นเป็นคนดี
    20 พ.ค. 2562 เวลา 07.18 น.
  • THE_JACKs
    แหม อุปกรณ์ทางการแพทย์ ราคาแพง แล้วจะหงายการ์ดอะไรออกมาร้องขอความเห็นใจอีกล่ะ พี่ตูนวิ่งหาตังค์ช่วยซื้อ พวกจัญไรวิ่งเข้ามาทำลาย
    20 พ.ค. 2562 เวลา 07.12 น.
  • ต้องจัดเต็มเป็นเยี่ยงอย่ากับพวกเก๋าผิดที่ทั้งหลาย
    20 พ.ค. 2562 เวลา 07.32 น.
  • nop
    เพิ่งจะคิดได้หรือครับ เหตุเกิดมามากครั้งแล้วนะควรคิดได้ตั้งนานแล้วนะ
    20 พ.ค. 2562 เวลา 07.35 น.
  • Sudaporn@236
    เอาจริงเถอะ ถ้าเป็นเยาวชนก็เอาพ่อแม่มันมาประจานด้วย เลี้ยงลูกได้เ..มาก
    20 พ.ค. 2562 เวลา 07.37 น.
ดูทั้งหมด