ไลฟ์สไตล์

เที่ยวเวียงจันทน์ พาชมความงามของเมืองหลวง และงานคราฟต์ที่สวยไม่แพ้ใคร

BLT BANGKOK
อัพเดต 22 พ.ค. 2562 เวลา 07.43 น. • เผยแพร่ 22 พ.ค. 2562 เวลา 07.32 น.

ทริปสั้นๆ ที่จะพาทุกคนไปเที่ยวชมเมือง “เวียงจันทน์” และดูงานคราฟต์ ที่ชาวไทย - ลาว - ญี่ปุ่น ได้ร่วมกันสร้างสรรค์ขึ้นแบบ Cross Cultural Crafts ซึ่งเต็มไปด้วยคุณค่า และน่าประทับใจ  
ทริปนี้ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ SACICT ได้พา BLT ไปเที่ยวที่กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พร้อมกับเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับงานหัตถกรรมเครื่องไม้ ภายใต้โครงการ Cross Cultural Craft 2019 เพื่อต่อยอดงานหัตถศิลป์ไทยผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างช่างฝีมือไทยและช่างฝีมือในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเป็นความร่วมมือกันระหว่าง 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว และญี่ปุ่น
ซึ่งเมื่อเดินทางไปถึงกรุงเวียงจันทน์แล้ว ที่แรกที่เราจะไปเยือนก็คือ ศูนย์พัฒนา และทดสอบฝีมือแรงงาน เวดสะพง เพื่อไปชมผลงานแกะสลักไม้ของช่างศิลป์ไทย ช่างศิลป์ลาว และช่างศิลป์ชาวญี่ปุ่น ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง 3 ประเทศ ที่ต้องการอนุรักษ์ฟื้นฟูงานศิลปหัตถกรรมอันทรงคุณค่า ผ่านโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมในวัฒนธรรมร่วม (Cross Cultural Crafts) โดยผลงานของช่างศิลป์จากทั้ง 3 ประเทศ ก็มีสไตล์ที่แตกต่างกันออกไปตามศิลปะ และวัฒนธรรม แต่ทุกชิ้นงานต้องบอกว่าสวยงาม มีความประณีต แถมมาในราคาเบาๆ ให้ได้ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านแบบสบายกระเป๋า

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ไปเสพงานศิลป์ ชมผลงานไม้แกะสลักกันต่อ ที่ Vientiane Museum of Contemporary Art ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกลจาก ศูนย์พัฒนา และทดสอบฝีมือแรงงาน เวดสะพง มากนัก ที่นี่มีผลงานไม้แกะสลักรวมกว่า 3 หมื่นชิ้น เรียกว่าชมได้แบบจุใจกันเลยทีเดียว ซึ่งหากใครได้ไปเยือนพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เชื่อจะต้องร้องว้าวอย่างแน่นอน เพราะทุกผลงานมีความใหญ่โต อลังการ แถมยังมีอายุมากกว่า 1 พันปีอีกด้วย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ชมผลงานศิลป์กันจนอิ่มอกอิ่มใจแล้ว ไปหาคาเฟ่ จิบกาแฟหอมๆ กันดีกว่า ซึ่งคนที่นี่เค้าแนะนำมาว่า ถ้ามาเวียงจันทน์แล้วจะพลาด Sinouk Café ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงไม่ได้เด็ดขาด เพราะร้านนี้เค้ามีแบรนด์เมล็ดกาแฟเป็นของตัวเอง แถมกลิ่นหอม รสชาติดี ซึ่งพอได้ชิมแล้ว ก็ดีงามสมคำร่ำลือ ติดใจจนต้องซื้อกลับมาชงเองที่บ้าน ส่วนบรรยากาศภายในร้าน ก็เป็นแบบสบายๆ นั่งได้ชิลล์ๆ จะละเลียดของหวานแบบเพลินๆ ก็ทำได้

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

หากได้มาแล้วต้องไม่ลืมไปเช็กอิน และถ่ายรูปเป็นที่ระลึกที่ปะตูไซ หรือ Patuxai อนุสรณ์สถานที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงประชาชน ที่ร่วมกันต่อสู้เพื่อให้ประเทศลาว เป็นเอกราชจากฝรั่งเศส

จากนั้นแวะไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อความเป็นสิริมงคลกันที่พระธาตุหลวง ศูนย์รวมจิตใจ และปูชนียสถานสำคัญของลาว โดยพระธาตุหลวง ได้ถูกสร้างขึ้นพร้อมๆ กับการสร้างเมืองเวียงจันทน์ มีลักษณะเป็นพระธาตุทรงดอกบัวตูมสีทอง สูงกว่า 45 เมตร ซึ่งถ้าไปในตอนกลางวันจะได้เห็นความเป็นสีทองที่กระทบกับแสงแดด เหลืองอร่ามสวยงามที่สุด

ปิดท้ายทริปสั้นๆ นี้ ด้วยการไปเดินชอปปิงที่ตลาดเช้า ที่ไม่ต้องตื่นเช้าก็ไปได้ ตลาดที่มีขายทุกอย่าง ตั้งแต่อาหารคาวหวาน เครื่องดื่ม เครื่องเขียน ข้าวของเครื่องใช้ ไปจนถึงเสื้อผ้า และเครื่องประดับ และแน่นอนว่าถ้าใครอยากได้งานคราฟต์ หรือสินค้าพื้นเมืองกลับไปสักชิ้น ก็สามารถหาซื้อได้จากที่นี่เช่นกัน

สำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ เมืองไทย เมืองหลวงอย่างกรุงเวียงจันทน์ ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย เพราะเดินทางมาได้ง่ายๆ จะนั่งเครื่องบิน ขับรถส่วนตัว หรือแม้แต่รถประจำทางก็สะดวกไม่แพ้กัน แถมค่าครองชีพของที่นี่ก็ไม่ต่างจากเมืองไทยมากนัก ที่สำคัญไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องภาษา เพราะมีความใกล้เคียงกันมาก ฉะนั้นไม่ว่าใครก็สามารถมาเที่ยวเวียงจันทน์ได้แบบสบายๆ อย่างแน่นอน

ดูข่าวต้นฉบับ