ไอที ธุรกิจ

รากเหง้า ของปัญหาฮ่องกง

ลงทุนแมน
อัพเดต 26 ส.ค. 2562 เวลา 11.52 น. • เผยแพร่ 26 ส.ค. 2562 เวลา 10.15 น. • ลงทุนแมน

รากเหง้า ของปัญหาฮ่องกง / โดย ลงทุนแมน

ฮ่องกง คือเมืองที่มีตึกระฟ้ามากที่สุดในโลก (1,300 ตึก ที่สูงมากกว่า 100 เมตร)

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ฮ่องกง คือเมืองที่มีคนรวย 2 คน ติดอันดับรวยที่สุดในโลก 25 คนแรก โดยธุรกิจหลักของพวกเขาคือ อสังหาริมทรัพย์

ฮ่องกง คือเมืองที่มีราคาบ้านเพิ่ม 2 เท่าภายใน 5 ปี และแพงอันดับ 2 ของโลกรองจากโมนาโก ห้องขนาด 30 ตารางเมตรในฮ่องกง มีราคา 50 ล้านบาท

ฮ่องกง คือเมืองที่ได้ชื่อว่ามีการค้าเสรีมากที่สุดในโลก ทำให้ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางการค้า และการเงินของภูมิภาคเอเชีย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

และฮ่องกง คือหนึ่งในเมืองที่มีความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวย คนชั้นกลาง และชั้นแรงงาน มากที่สุดในโลก

ฮ่องกงดูเป็นที่สุดในโลกในทุกด้าน
การเป็นที่สุด
ย่อมมีความแตกต่างซ่อนอยู่ภายใน
จนในบางครั้ง มันก็สะสมไว้ รอวันที่ระเบิดออกมา

สาเหตุใด? จึงทำให้เกิดการประท้วงในฮ่องกง ดำเนินมาถึงสัปดาห์ที่ 12
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ถึงแม้ แคร์รี่ หล่ำ จะออกประกาศว่า ได้หยุดพิจารณาร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนแล้ว

แต่การประท้วงก็ยังยกระดับไปถึงการปิดสนามบิน
ถ้าถามว่ามีแค่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งของฮ่องกงที่มาชุมนุมหรือไม่
เมื่อไปหาข้อมูลแล้วกลับต้องแปลกใจว่า ผู้เข้าร่วมชุมนุมมาจากบุคคลหลากวิชาชีพ ตั้งแต่ นักศึกษา ครู นักกฎหมาย ไปจนถึงพนักงานในสายการบิน และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิคต้องยกเลิกเที่ยวบินมากมาย

ข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมตอนนี้คืออะไร?

ข้อเรียกร้อง นอกจากการถอดถอนกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน คือ ผู้ชุมนุมต้องการแก้กฎหมายให้มีการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตย (Universal Suffrage) และให้ แคร์รี่ หล่ำ ลาออก

Cr. The Guardian

ย้อนดูประวัติศาสตร์ฮ่องกง เมืองที่เป็น การผสมผสานของวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตก

ค.ศ. 1898 สงครามฝิ่นเป็นจุดเริ่มของเรื่องราวทั้งหมด

อังกฤษได้ครอบครองฮ่องกงจากจีนแบบเสรีนิยมเป็นเวลา 99 ปี ด้วยนโยบายการค้าเสรีทำให้ฮ่องกงกลายเป็นเมืองท่า ศูนย์กลางเศรษฐกิจและการเงินของโลก

ค.ศ. 1997 หรืออีก 99 ปีถัดมา อังกฤษได้ส่งมอบฮ่องกงคืนให้กับจีน ธงชาติยูเนียนแจ็กของอังกฤษ ได้ถูกแทนที่ด้วย ธงชาติ 5 ดาวของจีน

รัฐบาลปักกิ่งได้ ตกลงให้ปกครองฮ่องกงด้วย หนึ่งประเทศ สองระบบ ไปอีก 50 ปี เพื่อให้เศรษฐกิจ ธุรกิจ ดำเนินไปเหมือนเดิม ยกเว้นเรื่องการทหารและการต่างประเทศ ที่รัฐบาลปักกิ่งเป็นผู้ดูแล

ค.ศ. 2019 หรืออีก 22 ปี หลังจากอยู่ภายใต้การดูแลของจีน คนฮ่องกงคาดหวังว่าจะมีสิทธิเสรีภาพในการเลือกผู้บริหารเขตฮ่องกง และสภานิติบัญญัติ

เรามาดูความจริงที่เกิดขึ้นกัน

คนฮ่องกง 3.5 ล้านคนที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ไม่ได้ออกเสียงเลือกตั้งผู้บริหารเขตฮ่องกง

โดยที่ผ่านมา ผู้บริหารเขตฮ่องกงมาจากการเลือกโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง 1,200 คน ซึ่งได้มาจากการแต่งตั้ง และการแต่งตั้งผู้บริหารเขตฮ่องกงต้องได้รับการเห็นชอบจากรัฐบาลปักกิ่ง

ปัจจุบัน ฮ่องกงเป็นตลาดทุนอันดับ 3 ของโลก มีมูลค่าตลาดรวมกันทั้งหมด 170 ล้านล้านบาท หรือใหญ่กว่าตลาดหลักทรัพย์ไทย 10 เท่า

แต่ภายใต้เศรษฐกิจที่ดูดี ราคาอสังหาริมทรัพย์ นโยบายที่ดินและสวัสดิการบ้านของรัฐบาลฮ่องกง เอื้อต่อนักธุรกิจ ทำให้ราคาที่พักสูงเกินที่คนฮ่องกงทั้งระดับล่างและระดับกลางจะซื้อได้ และนั่นทำให้คนฮ่องกงทั่วไปรู้สึกว่าตัวเขาเองใช้ชีวิตอยู่ลำบากในเมืองที่เขาเกิดมา

Cr. Centaline

ความกังวลเหล่านี้เริ่มก่อตัว และสะสมเป็นเชื้อเพลิง รอวันให้จุดติดอย่างวันนี้

ถามว่าคนฮ่องกงยังให้ความสำคัญกับกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน หรือไม่
คำตอบอาจจะไม่ใช่

หนึ่งประเทศ สองระบบ หรือทุนนิยมที่ฮ่องกงอยากได้ กลับกลายเป็นสิ่งที่เชิดชูคนรวย และทำร้ายคนชั้นกลางในฮ่องกง

ในขณะที่จะให้ไปอยู่ภายใต้จีนที่ปกครองอีกระบบหนึ่ง คนฮ่องกงก็ไม่มีทางเอาด้วย

ทุกอย่างจึงสะสมเป็นความกังวล และความอยากได้โอกาสเลือกผู้นำด้วยตัวเอง เพื่อแก้ปัญหานี้

ในปี ค.ศ. 2047 หรืออีก 28 ปี ข้างหน้า เมื่อครบ 50 ปีของการปกครองแบบหนึ่งประเทศ สองระบบ ความกังวลจะค่อยๆ มากขึ้นกับอนาคตที่รออยู่

-ดอลลาร์ฮ่องกง พาสปอร์ตฮ่องกง จะเป็นอดีต
-ภาษาประจำชาติจะเป็นแมนดาริน ไม่ใช่ กวางตุ้ง
-มีการปกครอง โดยรัฐบาลปักกิ่ง แบบสังคมนิยม
-ฮ่องกงจะเป็นส่วนหนึ่งของ มณฑลกวางตุ้ง หนึ่งใน 23 มณฑลของจีน
-คนฮ่องกง 7.5 ล้านคน จะรวมเป็นส่วนหนึ่งของคนจีน 1,400 ล้านคน
-เซินเจิ้น จะเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยี การส่งออก และการเงิน แทนที่ฮ่องกง

ทั้งหมดนี้อยู่ในวงเล็บที่ว่า อาจไม่ต้องรอถึง ปี ค.ศ. 2047 ถ้าสถานการณ์การประท้วงยังไม่ยุติ

Cr. Reuters

ไม่ว่าผู้ประท้วง รัฐบาลจีน และรัฐบาลฮ่องกง จะจบข้อยุติอย่างใด

Graeme Maxton นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้วิเคราะห์ว่า ระบบเศรษฐกิจที่ปล่อยให้มีการตลาดเสรีอย่างไม่มีข้อจำกัด จะทำให้เกิดความไม่พอใจกับคนส่วนใหญ่

เพราะทำให้เกิดความมั่งคั่งอย่างสุดขั้วกับนักลงทุน และบริษัทไม่กี่ราย

การบริหารเศรษฐกิจและประเทศโดยคิดว่ากลไกตลาดอย่างเดียวจะแก้ปัญหาสังคมอื่นได้ทั้งหมด คือความล้มเหลวของการบริหาร..

ปิดท้ายด้วยคำพูดของ Graeme Maxton ที่น่าคิดคือ

“To govern in the interests of the majority”

รัฐบาลต้องบริหารประเทศเพื่อคนส่วนใหญ่.. ไม่ใช่เพื่อคนส่วนน้อยของประเทศ
———————-
Blockdit แอปที่เป็นเหมือน คลังความรู้ขนาดใหญ่ อ่านฟรี
โหลดเลย Blockdit.com/download
———————-

References
-https://www.cnbc.com/2019/03/20/hong-kong-is-building-an-80-billion-artificial-island.html
-https://www.censtatd.gov.hk/hkstat/sub/gender/demographic/index.jsp
-https://www.heritage.org/index/
-https://www.scmp.com/comment/opinion/article/3021423/how-hong-kong-can-put-end-protest-chaos-its-about-economy-so-fix
-https://www.chinadailyhk.com/articles/213/102/126/1551884339370.html
-https://www.statista.com/statistics/960155/hong-kong-high-net-worth-individuals-by-wealth-group/
-https://www.isranews.org/thaireform/thaireform-talk-interview/79389-universal-suffragehk79389.html
-https://www.nytimes.com/2019/07/08/world/asia/hong-kong-protests-democracy.html
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-04-10/hong-kong-overtakes-japan-as-world-s-third-largest-stock-market

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 1
  • ʝʊռɢ_աɨռ
    ไม่มีอะไรมากไปกว่า การที่ผู้นำม๊อบทุกม๊อบ คิดอย่างเดียวว่า เมื่อม๊อบจุดติดแล้ว ก็ต้องเอาแต่ใจให้ถึงที่สุด เหมือนม๊อปกปปส., พันธมิตร ไม่แตกต่าง ยอมข้อ1 ต่อข้อ2 ยันข้อ 100 ม๊อบก็ไม่หยุด
    26 ส.ค. 2562 เวลา 14.35 น.
ดูทั้งหมด